ทำถูกแล้วนิ่งไว้ กลางดวง
เฉยต่อสิ่งทั้งปวง อย่างนั้น
ตรงกลางจักค่อยกลวง ทะลุโล่ง
พระผุดเป็นชุดชั้น หลายชั้นเป็นตอนตอน
ตะวันธรรม
นิ่งแล้วต้องขยาย
วันพุธที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖
Link ไฟล์เสียงนำนั่งสมาธิใน youtube
ง่ายแต่ลึก 2 |EP.21| : นิ่งแล้วต้องขยาย
(เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะ........)
...ทำใจให้ใสๆ นะ
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ หลับตาสักค่อนลูก คล้ายๆ กับตอนที่เราใกล้จะหลับ
อย่าไปบีบเปลือกตาอย่ากดลูกนัยน์ตา
หลับตาเป็นจะเห็นภาพภายใน
อย่ากดลูกนัยน์ตานะ
ต้องจำตรงนี้เอาไว้ให้ดี เดี๋ยวเวลาปฏิบัติจริงๆ แล้วมันลืม หลับพอสบายๆ
ถ้าหลับตาเป็นเดี๋ยวเราจะเห็นภาพภายใน เห็นแสงสว่าง เห็นสิ่งที่มีอยู่จริง
เพราะฉะนั้นหลับตาให้เป็น แล้วก็ทำใจให้เบิกบาน แช่มชื่น ให้สะอาดบริสุทธิ์ ผ่องใส
ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
ให้ปลด ปล่อย วาง
ทำใจให้ว่างๆ แล้วก็สมมติว่า ภายในร่างกายของเรานั้นปราศจากอวัยวะ ไม่มีปอด ตับ
ม้าม ไตหัวใจ เป็นต้น สมมติให้เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง เป็นที่โล่งๆ ว่างๆ
กลวงภายใน คล้ายๆ ท่อแก้ว ท่อเพชรใสๆทำไปตามขั้นตอนอย่างนี้นะ
แล้วก็นึกว่า
ร่างกายของเราขยายไปเรื่อยๆ ทำความรู้สึกก็ได้
รู้สึกว่าร่างกายของเราพองโตขยายไปจนสุดขอบฟ้าไปเลยทำบ่อยๆ
จะมีความรู้สึกอย่างนี้จริงๆ ภายในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของเรา มีแต่ดวงใสๆ
กลมรอบตัว เหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ ใสบริสุทธิ์ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว
ไม่มีตำหนิไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว มีแต่ความใส ความบริสุทธิ์ ใสเหมือนเพชร
แล้วก็สว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แต่ว่าแสงนั้นไม่เคืองตา
นุ่มเนียน ละมุนละไม เหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ทำความรู้สึกอย่างนี้ไปก่อนนะ
แต่สำหรับผู้ที่ใจยังไม่ละเอียดก็ค่อยๆ ทำไป
หรือจะนึกถึงองค์พระใสๆ
ใสเป็นเพชรนะ ให้เจิดจ้าเหมือนเพชรต้องแสงเกตุดอกบัวตูม
เหมือนดอกบัวสัตตบงกชที่มีลักษณะป้อมๆ ขนาดกำลังพอดี
ตั้งอยู่บนจอมกระหม่อมบนพระเศียรที่มีเส้นพระศกหรือเส้นผมขดเวียนเป็นทักษิณาวรรตหมุนขวาตามเข็มนาฬิกา
เรียงรายอย่างมีระเบียบ ใสบริสุทธิ์ประดุจเพชรเหมือนกัน
เราก็มองลงไป
จะเห็นบ่าทั้งสอง หัวไหล่ ต้นแขน ไล่ไปถึงข้อมือถึงฝ่ามือที่หงาย
นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
วางไว้บนหน้าตักขององค์พระที่ใสบริสุทธิ์ ในท่าขัดสมาธิขาขวาทับขาซ้าย
เมื่อเรานึกถึงท่านซึ่งเป็นตัวแทนของพุทธรัตนะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
ถ้าดวงใสๆ ก็แทนธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ เราจะนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่พระมงคลเทพมุนี
(สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายก็ได้ให้เรามองดู อย่างไหนเหมาะกับเรา
คือนึกแล้วง่าย เราก็เอาอย่างนั้น
ทำให้มันง่าย มันก็จะง่าย
เราจะเห็นว่า
การทำสมาธิไม่ได้ยากอะไรเลย เป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ แล้วก็ปลอดภัย เรียบง่าย สบาย
ปลอดภัยไม่มีพิษมีภัยจากการทำสมาธิ
เหมือนพระเดชพระคุณหลวงปู่ที่อยู่ในโพรงต้นโพธิ์ ท่านก็ยืนยันว่า
การทำใจให้เกิดสมาธิ ให้ใจตั้งมั่น มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด สามารถทำได้กันทุกคน
ขอให้เข้าใจหลักวิชชา เรียบง่าย สบาย ปลอดภัย ถ้าเราทำให้มันง่าย
มันก็จะง่าย
ตอนนี้เรานึกถึงดวงหรือองค์พระก็ได้
ในช่วงที่เราจะกลั่นจิตกลั่นใจของเราให้ใสๆ
เพื่อให้ใจของเราเหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่ก็ดี รองรับพระของขวัญก็ดี
หรือจะไปดึงดูดเชื่อมโยงกับบุญเก่าก็ดีใจต้องใส ต้องหยุด ต้องนิ่ง
อย่างสบายๆถ้าเราฝึกตรงนี้ได้ ไม่ช้าเราก็จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
แล้วเราก็จะได้มีโอกาสศึกษาวิชชาธรรมกาย ซึ่งเป็นความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และหลังจากนั้นเราก็มีอุปกรณ์ในการที่จะไปศึกษาค้นคว้าความรู้ที่มีบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก
จะเป็นเรื่องกฎแห่งกรรมก็ดีเรื่องอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
หรือสุคติโลกสวรรค์อะไรต่างๆเหล่านั้น มันก็อยู่ในวิสัยที่เราจะไปศึกษาได้
สำคัญฝึกตรงนี้ให้ได้กันเสียก่อน
ให้หยุดนิ่งต้องฝึกกันทุกวัน ถึงขั้นหลงใหลนั่นล่ะ เหมือนเรารักสิ่งใด
อยากจะได้สิ่งนั้นมากๆ ต้องถึงขั้นหลงใหล ถ้าไม่ได้ยอมตาย ต้องอย่างนั้น
การปฏิบัติธรรมถึงจะก้าวหน้า
เดี๋ยวสิ่งที่ยากก็จะง่ายสิ่งที่ง่ายอยู่แล้วก็ยิ่งเปิดเผยความจริงออกมาแล้วในที่สุดก็เข้าถึงได้
ตอนนี้เราหยุดใจนิ่งๆ
อยู่ในกลางดวงใสๆ หรือหยุดในกลางองค์พระใสๆ ให้ใสเหมือนกับเพชร
หรือเหมือนดวงดาวในอากาศ ที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
หรือดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
ตรึกนึกถึงดวงใสบริสุทธิ์กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ ทำความรู้สึกอย่างนี้นะ
ทำให้ใจคลอเคลีย
ให้ใจคลอเคลียอยู่กับความใสของดวงใสๆ หรือองค์พระใสๆ
อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วเวลาเรานึกก็ต้องนึกเบาๆค่อยๆ นึก
อย่าไปใช้กำลังในการนึกคิด หรือถ้าหากว่าเราอดใช้กำลังไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปนึก
ทำใจให้นิ่งอย่างเดียว นิ่งอย่างสบาย ใจก็เบิกบาน แช่มชื่น
ผิดหลักวิชชา อย่าฝืน
นิ่ง...ขยายไม่ใช่นิ่งแล้วแคบ
ถ้าเรานิ่งเป็นจะขยาย ถ้านิ่งไม่เป็นมันจะแคบ
นิ่งแคบมันจะเป็นตอนที่เราตั้งใจมากเกินไปไปบีบ ไปเค้น บีบเค้นใจของเรา อย่างนี้ผิดหลักวิชชา อย่าฝืนดันทุรังทำต่อ นิ่งแล้วต้องขยาย ต้องรู้สึกสบาย
แม้จะยังไม่เห็นอะไรก็ตาม อยากให้ลูกทุกคนได้ตรงนี้ เข้าใจตรงนี้นะ
เพราะฉะนั้นก็ต้องค่อยๆ วางใจเบาๆ เหมือนขนนกที่ล่องลอยไปในอากาศ แล้วค่อยๆ
ตกไปในพื้นดินก็ดี พื้นน้ำก็ดี ต้องเบาอย่างนั้นนะ
นึกง่ายๆ
เวลาจะนึกถึงดวงหรือองค์พระ
ให้นึกง่ายๆ คล้ายกับเรานึกถึงดอกบัวที่เราบูชาพระเจดีย์อย่างนั้น
พอเรานึกภาพดอกบัว ดอกบัวก็เกิด บางคนชัดมาก บางคนชัดน้อย
แต่ที่นึกไม่ออกเป็นไม่มี พอเรานึกถึงดอกบัว เราก็นึกเห็นได้ นั่นแหละคือภาพทางใจ
ที่เราเรียกว่า “เห็น”
เห็นอย่างนั้นไปก่อน
แต่มันยังไม่สมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์จะได้ ๒๐, ๓๐
เปอร์เซ็นต์ จาก ณ จุดตรงนั้นก็จะค่อยๆ นิ่งไปเรื่อยๆ นิ่ง นุ่ม ละมุนละไม
ใจไม่ไปที่ไหนเลย และพอถึงจุดๆ หนึ่ง มันนิ่งจริงๆ
นิ่งเหมือนเราวางของเอาไว้อยู่กับที่อย่างนั้น ตอนนี้เราจะขยาย เบา สบาย
ภาพที่เห็นรัวๆ รางๆ ก็จะชัดขึ้นมาเลย ชัดมาในระดับที่เรามีความปลื้มปีติว่า เออ
เรานึกเห็นได้จริงๆ นะ ที่นึกเห็นได้อย่างสบาย ไม่ใช่นึกเห็นได้อย่างลำบาก
จะมาอยู่ในระดับนี้
แล้วพอเรานิ่งหนักเข้าไปเรื่อยๆ
เดี๋ยวจากนึกเห็นจะแปรเปลี่ยนมาเป็นการเห็นจริงๆ เห็นเหมือนกับเราลืมตาเห็นวัตถุภายนอก
เหมือนจำลองหรือซีร็อกซ์เข้าไปเลย จะชัดอย่างนั้นแต่บางทียังไม่ใส
หรือบางทีใสแต่ยังไม่สว่าง ก็ต้องค่อยๆให้มีชั่วโมงหยุด ชั่วโมงนิ่ง
ชั่วโมงกลางให้เยอะๆ ต้องทำบ่อยๆทำซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่าไปทอดทิ้งการฝึกหยุดนิ่ง
ต้องฝึกให้ปะติดปะต่อกันสม่ำเสมอทุกวัน
เพิ่มชั่วโมงหยุด ชั่วโมงนิ่ง
โดยเฉพาะการบ้านที่ให้ไปนั่นแหละสำคัญมาก
จะช่วยเพิ่มชั่วโมงหยุด ชั่วโมงนิ่ง ชั่วโมงกลาง และความคุ้นเคยกับสิ่งที่เรานึก
ภาพก็จะชัดขึ้นมาเรื่อยๆ บางทีอาจจะชัดขึ้นมาแวบหนึ่ง แค่นาทีหนึ่ง
พอเราไม่ทอดทิ้งการฝึก มันก็นานเป็น๕ นาทีบ้าง ๑๐ นาทีบ้าง
และก็มากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งชัดเจน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
นี่สำหรับการฝึกฝนของบางท่านนะแต่บางท่านพอใจนิ่งแล้ว
บุญเก่ากับบุญใหม่เชื่อมโยงกันถูกส่วนก็จะสว่างพรึบเลย อย่างนี้ก็มี
แต่ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ ที่บุญเก่าทำมามาก ตามมาส่งผล
แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มฝึกก็จะเป็นไปตามขั้นตอนที่หลวงพ่อว่า
ปีใหม่นี้อยากให้ลูกทุกคนฝึกให้ได้
ให้สม่ำเสมอ ตั้งแต่เริ่มต้นปีใหม่เรื่อยไปเลย
อย่าให้ขาดเลยแม้แต่เพียงวันเดียวทำให้สม่ำเสมอทุกวัน เพื่อที่ว่าเมื่อครบ ๓๖๕
วันแล้ว เมื่อเรานึกย้อนหลังจะได้มีปีติปลาบปลื้มใจที่เราทำความดี
เพราะทำได้สม่ำเสมอ และมันก็จะมีผลให้ใจเราละเอียด สั่งสมความละเอียดเพิ่มขึ้น
จนกระทั่งไปถึงจุดที่เราละเอียดจริงๆ มันจะต้องฝึกไปเรื่อยๆ นะ
หาบุญได้ใช้บุญเป็น
เวลาในโลกนี้ เดี๋ยววัน
เดี๋ยวคืน เดี๋ยวก็จะหมดเวลาแล้วเราเกิดมาสร้างบารมีนะ เกิดมาสร้างบารมีจริงๆ
ไม่ใช่เกิดมาเพื่อหมกมุ่นอยู่ในโลกนี้ หรือแสวงหาทรัพย์เพียงอย่างเดียว
โดยไม่แสวงหาบุญ หรือที่พึ่งภายใน ถ้าเราแสวงทรัพย์ เราก็จะได้แต่ทรัพย์
บางคนได้พอกินพอใช้ บางคนก็ได้ไปเรื่อยๆ และก็เพลินกันไปจนกระทั่งหมดเวลา
หาบุญได้
ใช้บุญเป็น
บุญเก่าที่เราทำมา
เรายังเอามาใช้ได้ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ตามวัตถุประสงค์
ที่จริงส่วนหนึ่งเราควรจะเอามาใช้ดูดทรัพย์เพื่อนำมาเลี้ยงสังขาร
เพื่อเอาสังขารไปแสวงหาพระรัตนตรัยในตัว ทรัพย์ที่ได้มาก็เอามาสร้างบารมี
นี่วัตถุประสงค์เป็นอย่างนี้อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า
เราใช้บุญเก่าได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์เพราะฉะนั้นบุญเก่าที่เรามีอยู่
ต้องใช้ให้เป็น หาบุญได้ ใช้บุญเป็น เรื่องนี้สำคัญ
ถ้าใช้ไม่เป็นมันก็จะสูญเสียกันไปเปล่าๆ
แต่ถ้าพอเราได้บุญมา
และเราก็ใช้บุญไปอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน
โดยเราไม่รู้ตัวว่าทุกอนุวินาทีเรากำลังใช้บุญเก่าทำให้เรามีชีวิตดำรงอยู่
เราจะไปสู้รบปรบมืออะไรกับใครก็ต้องใช้บุญทั้งนั้นจึงจะเอาชนะเขาได้
เมื่อใช้ไปก็มีวันหมด ชีวิตมันเป็นอย่างนี้นะ เพราะฉะนั้นบุญเขามีเอาไว้ใช้สนับสนุนการทำหยุดทำนิ่ง
เพื่อให้เข้าถึงสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัว เข้าถึงแผนผังของชีวิต ความจริงของชีวิต
จะได้หลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร เขามีเอาไว้เพื่อการนี้เท่านั้น
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565