หลับตื่นในอู่ทะเลบุญ
วันศุกร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ (๑๙.๐๐ - ๒๐.๓๐ น.)
บ้านแก้วเรือนทองของคุณยาย สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
เมื่อเราบูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะจ๊ะ ท่านที่เข้าใจการปฏิบัติธรรมอย่างดีแล้ว
ก็ให้ลงมือปฏิบัติธรรมได้เลย ส่วนท่านที่เพิ่งมาใหม่ก็ให้นึกน้อมใจตามเสียงหลวงพ่อไปทุกๆ
คนนะจ๊ะ
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวา
จรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ พอสบายๆ
คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตานะจ๊ะ
ปรับใจ
แล้วก็ทำใจของเรา ให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน
สัตว์ สิ่งของ ธุรกิจการงาน การศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัว
หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้
นึกถึงบุญ
แล้วก็ให้สมมติว่า
ภายในร่างกายของเรา ปราศจากอวัยวะ ปอด ตับ ม้าม ไต ไส้ พุงต่างๆ เป็นต้น
ให้เป็นเหมือนที่โล่งๆ ว่างๆ กลวงๆ เหมือนท่อแก้วใสๆ สมมติว่า ให้เป็นปล่อง
เป็นช่อง เป็นโพรง กลวงภายใน คล้ายท่อแก้วใสๆ ให้เป็นทางไหลผ่านของกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์
ความดีงาม ตั้งแต่ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน
เมตตา อุเบกขาบารมี ที่เราได้สั่งสมอบรมมาตั้งแต่ปฐมชาติ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
สร้างบุญบารมีเรื่อยมา นับภพนับชาติไม่ถ้วน จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
รวมทั้งอานุภาพอันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย
ของพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ และพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบิดามารดา ครูบาอาจารย์
เป็นต้น ทั้งหมดนี้ รวมเป็นกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์ ที่มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพ
ไหลผ่านท่อแก้วใสๆ ภายในกายของเรา มาขจัดสิ่งที่เป็นมลทินของใจเราให้หมดสิ้นไป
ตั้งแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง วิบัติ บาปศักดิ์สิทธิ์
วิบากกรรมที่เราได้พลาดพลั้งไปทำมา ตั้งแต่ภพในอดีต วิบากมาร ที่มาขัดขวางการสร้างบารมีของเรา
ทำให้เกิดอุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิต
รวมทั้งทุกข์ ความทุกข์ โศก โรคภัย
สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ ให้ละลายหายสูญไปหมด กี่ภพกี่ชาติมา ให้ละลายหายสูญไปให้หมด
ให้หลงเหลือแต่ความบริสุทธิ์ ปราศจากมลทินของใจ เป็นดวงใสๆ ใสคล้ายๆ
กับเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิ ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว
กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ
อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน เป็นความบริสุทธิ์เบื้องต้น
ที่บังเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
สำหรับท่านที่มาใหม่ ยังไม่รู้จัก ก็ให้สมมติว่า หยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น
นำมาขึงให้ตึงจากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง
ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดก็จะเล็กเท่ากับปลายเข็ม
ให้สมมติเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางมาวางซ้อนกัน
แล้วก็นำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง สูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ตรงนี้แหละเรียกว่า
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนต่อเมื่อใจมันหยุดนิ่งสมบูรณ์ ๑๐๐ % แล้ว
เพราะฉะนั้น
เราจำง่ายๆ ว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อยู่ในกลางท้อง
ตรงกึ่งกลางท้องที่เป็นที่โล่งๆ ว่างๆ เหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ตรงนี้แหละ
เป็นที่สุดลมหายใจที่เราสูดหายใจเข้าก็อยู่ตรงนั้น
ดวงใสๆ แห่งความบริสุทธิ์เบื้องต้น
มาปรากฏเกิดขึ้นอยู่ที่ตรงนี้แหละ อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ
อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
ให้เอาใจที่แวบไปแวบมา มาหยุดนิ่งๆ อยู่ที่กลางดวงใสๆ ให้ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดอยู่ที่กลางดวงใสๆ
ตรึก
ตรึก คือ การนึกถึงดวงใสๆ
อย่างสบายๆ โดยไม่มีการเพ่ง การบังคับ การใช้กำลังบังคับใจเรา
เพื่อจะเค้นภาพออกมาไม่ใช่อย่างนั้นนะจ๊ะ คือ นึกเบาๆ สบายๆ คล้ายกับเรานึกถึงสิ่งที่เราคุ้นเคย
สิ่งที่เรารัก
เป็นดวงใสๆ ใสบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว
ไม่มีตำหนิเลย จะสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว
ให้หยุดนิ่งอย่างนี้เฉยๆ ให้ได้ตลอดเวลา อย่าให้ใจเผลอไปคิดเรื่องอื่น
แต่ถ้าเผลอก็ดึงใจกลับมาใหม่ ให้มาหยุดอยู่ตรงกลางดวงใสๆ ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดอยู่กลางดวงใสๆ
ให้ได้ตลอดเวลา อย่าให้เผลอไปคิดเรื่องอื่น
บริกรรมภาวนา
แต่ถ้าหากเราได้ทำอย่างนี้แล้ว
ใจก็ยังอดแวบไปคิดเรื่องอื่นไม่ได้ ก็ให้ประกอบบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ
ควบคู่กับการตรึก ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดอยู่ที่กลางดวงใสๆ ให้ภาวนาในใจว่า สัมมาอะระหังๆๆ
เรื่อยไปเลย กี่ครั้งก็ได้ จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง ใจหยุดนิ่งก็จะทิ้งคำภาวนาไปเอง แต่ว่าใจไม่ได้ฟุ้งไปในเรื่องราวต่างๆ
จะมีอาการคล้ายๆ กับเราลืมไป ลืมภาวนา แล้วก็ใจไม่ฟุ้ง
หรือมีความรู้สึกไม่อยากจะภาวนาต่อ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ต้องภาวนาต่อไป
หยุดนิ่งเฉยๆ อยู่ที่กลางดวงใสๆ ทำอย่างนี้ แค่นี้เท่านั้น
อย่าทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
แต่ถ้าบางท่าน
นึกถึงบริกรรมนิมิตไม่ออก ก็ให้วางใจเฉยๆ ที่กลางท้อง ในตำแหน่งที่เรามั่นใจว่า
เป็นศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ก็ได้ จะภาวนา สัมมาอะระหัง กำกับด้วยก็ได้
หรือไม่ภาวนาก็ไม่เป็นไร
สภาวธรรมภายใน
รักษาใจให้ใสๆ อยู่ที่กลางกายนะจ๊ะ
แตะใจเบาๆ ใช้ระบบสัมผัส วางเบาๆ อย่าไปกังวลว่า มืดหรือสว่าง นิ่งเฉยๆ
ให้หยุดนิ่งๆ อย่างสบายๆ แตะเบาๆ ไป ไม่ช้าใจก็จะขยาย จะเกิดอาการโล่ง โปร่ง เบา
สบาย ขยายกว้างขวางออกไป จนไม่มีความรู้สึกที่ร่างกาย เหมือนตัวหายไป ถ้าใจมันนิ่งอยู่กลางอวกาศที่โล่งๆ
ว่างๆ ก็หยุดนิ่งเรื่อยไป แม้ว่ายังไม่เห็นอะไรก็ตาม
หยุดนิ่งๆ
ให้ดื่มด่ำกับความสุขที่ละเอียดประณีตในกลางหยุดกลางนิ่ง แม้ไม่เห็นอะไรก็ตาม
ให้นิ่งอย่างสบายๆ เสวยความสุขให้ได้เต็มที่เลย ให้ได้ตลอดเวลา เดี๋ยวใจก็จะค่อยๆ
ละเอียดลงไปเรื่อยๆ ละเอียดลงไปๆ
จนกระทั่งความสว่าง กว้างๆ
เหมือนฟ้าสางๆ บังเกิดขึ้น แล้วค่อยๆ เจิดจ้าขึ้นไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
เราก็ยังคงหยุดนิ่งเฉยๆ อย่างสบายๆ อย่างเดิม อย่างเดียว
โดยไม่ต้องไปคิดอะไร ไม่ต้องไปวิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์ประสบการณ์
นิ่งอยู่ในกลางความสว่างอย่างนั้น เดี๋ยวเราก็จะเข้าถึงแหล่งกำเนิดของความสว่างที่เป็นแสงแก้วใสๆ
เนียนตา เนียนใจ
จะเห็นเป็นดวงใสๆ กลมรอบตัว
อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
จะดวงโตใหญ่เล็กขนาดไหนก็ช่าง ใจให้หยุดนิ่งๆ อยู่ที่กลางดวงตรงนั้นแหละ
หยุดเรื่อยไปเลยอย่างสบายๆ
เดี๋ยวดวงนั้นก็จะขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนตกขอบไปเลย แล้วก็มีดวงใหม่เกิดขึ้นมาที่สุกใสกว่าเดิม
สว่างกว่าเดิม ให้ดูเฉยๆ ดูไปอย่างนั้นเอง หรือดูไปงั้นๆ โดยไม่ต้องคิดอะไร สักแต่ว่าเห็น ว่าดวงใสๆ
เกิดขึ้น ดูไปตรงกลางดวง อย่าไปดูขอบๆ ดูกลางอย่างสบายๆ ไปเรื่อยๆ เลย
เดี๋ยวใจก็จะเข้ากลางของกลาง กลางของกลางไปเองเลย เข้ากลางไปเรื่อย
เข้ากลางไป เดี๋ยวก็จะเข้าถึงกายในกาย
กายมนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม กายธรรมโคตรภู กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกิทาคาม
กายธรรมพระอนาคามี กายธรรมพระอรหัต ทั้งหยาบ-ละเอียด ซึ่งมีอยู่แล้วภายใน
เป็นแผนผังชีวิตของเรา
จะเห็นดวง เห็นกายอะไรก็แล้วแต่
ให้ดูไปอย่างนั้น ดูไปงั้นๆ ดูไปเรื่อยๆ
ดูไปอย่างสบายๆ ไม่ต้องไปคิดอะไรเลย ดูเฉยๆ ไม่ต้องไปตื่นเต้น ปีติใจ ลิงโลดใจ
หรือแม้ไม่เห็นอะไรก็อย่าไปเศร้าสร้อยหงอยเหงา ท้อแท้ใจ ดูไปเรื่อยๆ เถิด
เดี๋ยวจะสว่างขึ้นมาเอง เห็นขึ้นมาเอง
แล้วอย่าไปคาดหวังว่า
วันนี้เราจะนั่งให้ดีกว่าเมื่อวาน อย่าไปคาดหวัง อย่าไปตั้งใจเกินไป แค่วางใจเบาๆ
แตะแผ่วๆ สบายๆ แตะไปเรื่อยๆ ฝึกฝนอบรมใจไป ในขณะที่ร่างกายเรายังพออด พอทนไหว
ยังไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้มากมายนัก ยังพอทนไหว ฝึกไปเรื่อยๆ
อย่าเอาใจไปติดกะโหลกกะลามากนัก
กายและสิ่งภายนอกเป็นเพียงเครื่องอาศัย เครื่องอาศัยให้ใจมันไหลผ่านเข้าไปสู่ภายใน
กลางของกลาง ซึ่งเป็นงานที่แท้จริงของเรา จะทำให้เราไปถึงสุดสายธาตุสายธรรมของเรา
ต้องให้ความสำคัญกับตรงนี้ให้มากๆ หยุดนิ่งเฉย กลางของกลางเข้าไปเรื่อยๆ นี่แหละงานที่แท้จริงของเรา
เราปรารถนาอยากจะได้ความสุขอย่างแท้จริงก็ต้องทำอย่างนี้อย่างเดียว
ไม่มีวิธีอื่นเลย วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นที่จะเพิ่มเติมชีวิตของเราให้เต็มเปี่ยม
ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ได้ ใจประณีตได้
ทำอย่างนี้ไม่ว่า เราจะนั่ง จะนอน
จะยืน จะเดิน เราก็ทำมันเรื่อยไปเลย ไม่ต้องไปปรารมภ์ว่า มืดหรือสว่าง ฝึกใจให้มันคุ้นๆ
กับศูนย์กลางกายไปเรื่อยๆ
ทุกสิ่งล้วนไปสู่จุดสลาย
ถ้าใจเราไปติดคน สัตว์ สิ่งของ
ก็หมั่นพิจารณาว่า สรรพสิ่งสรรพสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ช้ามันก็ต้องแตกดับ
เสื่อมสลายหายไป ตอนนี้มันยังรวมกัน ติดอยู่เป็นรูปร่างของคน ของสัตว์
ของสิ่งของแต่ว่า มันจะเดินทางไปสู่จุดสลายทั้งนั้น กระจัดกระจายกันไป
ถ้าเป็นร่างกายของคน อย่างของเรานี่
พอถึงตอนนั้น ผมก็ไปทาง ขนไปทาง เล็บ ฟัน หนัง เนื้อเอ็นกระดูกอะไรต่างๆ
ไปคนละทิศคนละทางทั้งนั้น
ตอนนี้เรามีบุญอยู่
มันยังเกาะกุมเอาไว้ ยังรวมกันอยู่ แต่ต่อไปมันก็ต้องกระจัดกระจาย
ความเสื่อมมันมีอยู่ตลอดเวลาทุกอณุวินาทีเลย ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง อวัยวะภายในเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น
สัตว์ก็เหมือนกัน สิ่งของก็เหมือนกัน ตึกรามบ้านช่อง ภูเขาเลากา ต้นหมากรากไม้
เพชรนิลจินดา บ้านเรือนเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น ในที่สุดก็ไปสู่จุดสลายทั้งสิ้น กระจัดกระจายกันไปแยกแยะกันไป
เมื่อเรายังมีบุญอยู่
มันก็ยังเป็นของเราชั่วคราว แต่เมื่อหมดบุญแล้วมันก็กระจัดกระจายไปที่อื่น
กระจัดกระจายไปเป็นของคนนั้นคนนี้ แล้วก็ไปเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟ
วิญญาณอากาศธาตุแยกกัน กระจายกันออกไป เพราะฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่เพื่อประพฤติธรรม
เพื่อสั่งสมบารมี เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เพื่อไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
นี่ต้องจำไว้นะลูกนะ
เข้าใจอย่างนี้ดีแล้ว ต่อจากนี้ไป
ฝึกใจหยุดใจนิ่งๆ ไปเรื่อยๆ ทำใจให้สบ๊ายสบาย ให้เบิกบาน นั่งหน้ายิ้มๆ ทำใจใสๆ
ใจยิ้มๆ นิ่งๆ นุ่มๆ ละมุนละไม เดี๋ยวคุณยายของเรา พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ
พระนิพพาน ท่านก็จะกลั่นแก้คุมพวกเรา ฉุดพวกเราเข้าไปถึงกลางกาย ไปถึงผู้รู้ภายใน
หน้าที่ของเราคือ ทำหยุดทำนิ่ง เฉยๆ ใจใสๆ ให้เบิกบาน ให้แช่มชื่นนะลูกนะ
ทำอย่างนี้ทุกคน ต่างคนต่างทำกันไปเงียบๆ
อธิษฐานจิต
คราวนี้ เราก็นึกถึงบุญที่เราได้นั่งประพฤติปฏิบัติธรรม
ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ จะมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ไพศาลแค่ไหนก็ตาม
ให้บุญนี้ขจัดทุกข์โศกโรคภัย วิบัติ บาปศักดิ์สิทธิ์ วิบากกรรม วิบากมาร
อุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิตของเราให้หมดสิ้นไป
ใครเจ็บป่วยไข้ก็ขอให้หายเจ็บ
หายป่วย หายไข้ ให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง ให้มีอายุขัยยืนยาวเป็นร้อยปีเลย
แข็งแรง ยิ่งแก่ ยิ่งแข็งแรง เหมือนเพชรเหมือนพลอยอย่างนั้น สว่าง สุกใส
จะประพฤติปฏิบัติธรรมก็ขอให้ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ถึงพระธรรมกาย ได้เข้าถึงวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ให้ได้บรรลุธรรมที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
และคุณยายอาจารย์ของเราท่านได้บรรลุ
จะประกอบธุรกิจการงานอันใดก็ให้ประสบความสำเร็จเป็นอัศจรรย์
ให้ซื้อง่าย ขายคล่อง กำไรงาม เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ค้ำจุนพระพุทธศาสนา ประดุจท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
และมหาอุบาสิกาวิสาขา
ให้เราได้มีสมบัติอัศจรรย์ทันใช้สร้างบารมีในภพนี้
ชาตินี้ อย่างสะดวกสบายอย่างง่ายดาย ให้สมบัติไหลมาเทมาทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับ
ทั้งตื่น ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน หมดหนี้หมดสิน เหลือกินเหลือใช้ เหลือไว้สร้างบารมี
จะค้าขายอะไรที่เป็นสัมมาอาชีวะ ก็ให้ประสบความสำเร็จ ขายอาหาร ขายขนม ขายที่
ขายทาง ขายเสื้อ ขายผ้า ขายโทรศัพท์บ้านช่อง หรือขายอะไรที่นอกเหนือจากนี้ ก็ให้ซื้อง่ายขายคล่องกำไรงาม
ให้ขายดิบขายดีทีเดียว สมบัติมาทุกทิศทุกทางเป็นอัศจรรย์
ให้ครอบครัวเราอยู่เย็นเป็นสุข เป็นครอบครัวแก้ว
ครอบครัวธรรมกาย ครอบครัวตัวอย่างของโลก
ให้สมาชิกภายในครอบครัวรักการสร้างบารมีไม่ขัดแย้งกันเลย เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ให้กลั่นจิตกลั่นใจของเราให้สะอาด บริสุทธิ์ หลุดพ้นจากกิเลส จากอาสวะ สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ
ให้ได้เข้าถึงความสุขอันไพบูลย์
จะทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร
ก็ขอให้มีบุญพิเศษที่จะไปพูดจากับผู้ใด ก็ให้ชนะใจหมด ถูกอกถูกใจ ถูกพระทัย
ใครได้ยินได้ฟังให้เกิดความปีติเลื่อมใส ขนพองสยองเกล้า ให้ดีอกดีใจ
ร่วมใจกันมาสร้างบารมี ให้ได้ในทุกสถานที่ จะเดินทางไกลก็ให้ปลอดภัย ให้บุญหล่อเลี้ยงรักษา
ในทุกสถานที่ให้ได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยม อัคคีภัย โจรภัย ราชภัย
ภัยทุกชนิดอย่าได้มากล้ำกราย ให้พบปะแต่สิ่งที่ดีงาม
ถ้าเป็นนักศึกษาก็ให้เป็นบัณฑิต
เป็นนักปราชญ์ รับราชการก็ให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
ได้รับการสนับสนุนทั้งเพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือผู้บังคับบัญชาหมดทุกๆ
คนเลย ให้จิตใจเราใสสะอาดบริสุทธิ์ ผุดผ่องใสเป็นแก้วทีเดียว แล้วก็ให้บุญของเรานี่บันดาลความปรารถนาให้เราสมหวัง
ให้วิมานของเราสว่างไสว ใหญ่โตโอฬาร
มีทั้งบริวารมากมายก่ายกอง มีสมบัติอันเป็นทิพย์ อาหารทิพย์ทุกอย่าง ทั้งสวนผลหมากรากไม้
ทั้งไม้ดอกไม้ประดับอะไรต่างๆ เหล่านั้น ทั้งสระน้ำสวยงามทีเดียว
ให้เป็นที่เจริญหูเจริญตาแก่เทวดาทั้งหลาย ให้โตใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
ให้เราได้ตั้งมั่นอยู่ในกุศลธรรมตลอดเวลา
สิ่งอะไรที่เป็นบาปเป็นกุศล
ขออย่าได้เกิดขึ้นแม้แต่ความคิด คำพูด และการกระทำ ให้จิตใจเราผ่องใส สว่างไสว
ทั้งวัน ทั้งคืน ทั้งหลับ ทั้งตื่น ทั้งนั่งนอน ยืน เดิน ให้ใจใสๆ
ปฏิบัติธรรมะก็ขอให้เข้าถึงพระธรรมกาย
อย่างสะดวกสบาย อย่างง่ายดาย ให้ใจใส แล้วก็ไม่มีเวรไม่มีภัยแก่ใครทั้งสิ้น
เจ้ากรรมนายเวรก็ให้เลิกแล้วต่อๆ กันไป
ให้ใจเราใสๆ สว่างไสวหมดทุกคน
อุทิศส่วนกุศล
ขอบุญนี้ ให้ถึงแก่บรรพบุรุษของเรา
หมู่ญาติของเราที่ละโลกไปแล้ว ญาติสนิทมิตรสหาย สัมพันธชน บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย
ครูบาอาจารย์ พี่ป้า น้าอา เป็นต้น ให้มีส่วนแห่งบุญที่เราได้ทำในวันนี้
จากธรรมปฏิบัติ รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีประมาณ
ที่เวียนว่ายตายเกิดในภพทั้งสาม ในกามภพ รูปภพ อรูปภพ ตลอดแสนโกฏิจักรวาล
อนันตจักรวาล ใน ๓๑ ภูมิ ในกำเนิดทั้ง ๔ ก็ให้มีส่วนแห่งบุญของเรา
และให้บอกต่อๆ กันไป
ได้อนุโมทนาสาธุการในมหากุศลผลบุญที่เราได้กระทำในวันนี้ ที่มีทุกข์มากก็ให้ทุกข์น้อย
มีทุกข์น้อยก็ให้พ้นทุกข์ มีสุขน้อยก็ให้สุขมาก มีสุขมากแล้วก็มากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
ให้อธิษฐานจิตกันไปตามใจชอบ และสิ่งที่เราตั้งใจไว้จะสร้างมหาวิหารของคุณยาย
ก็ขอให้ได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์นะจ๊ะ ที่เป็นบุญเป็นกุศล อธิษฐานไปเรื่อยๆ
บุญกำลังเกิดขึ้นเยอะแยะเลย นึกอธิษฐานไป
หลับตื่นในอู่ทะเลบุญ
แล้วคืนนี้ กลับไปแล้วอาบน้ำอาบท่า ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
สวดมนต์ไหว้พระเจริญภาวนา พอง่วงเราก็หลับให้เป็นสุข อยู่ในกลางกายของเรา
อยู่ในกลางดวงใสๆ อยู่ในกลางองค์พระใสๆ
คุณยายตอนมีชีวิตอยู่ ท่านเล่าให้ฟังว่า
เวลาหลับ ท่านหลับในอายตนนิพพาน ท่านบอกปล่อยกายไปโน่นเลย ไปสู่สมรภูมิโน่น
ไปหลับในยุทธภูมิที่ปะทะกับพญามาร นั่นท่านทำของท่านได้เป็นอสาธารณะ
ส่วนของเราก็ให้หลับอยู่ในกลางกาย
กลางดวง กลางองค์พระใสๆ นอนยิ้มๆ ให้ใจยิ้มๆ ให้เบิกบาน
จะหลับจะนอนก็ดูท่าทางให้มันสวยงาม ให้ดีๆ เวลาเทวดาเขาลงรักษาเรา เทวดาแถวนั้น
ภุมเทวาที่อยู่ในเขตบ้านเรา อยู่ในเขตการปกครองของเขา รุกขเทวา อากาศเทวา ก็จะได้ลงปกปักรักษา
เห็นเรานอนอยู่ในธรรม ตรึกอยู่ในธรรม
เขาก็มีความปีติยินดี อิ่มเอิบไปด้วยบุญด้วยกุศล ดีใจว่า เรารู้จักแสวงหาบุญ ทั้งๆ
ที่กำลังนอนหลับพักผ่อน ใจใสๆ นอนท่าสวยๆ จะนอนตะแคงหรือนอนยังไงก็แล้วแต่ ให้มันสวยงาม
อย่าไปนอนดิ้นโครมครามกัดฟันกรอดๆ ราวกับโกรธใครอย่างนั้น เดี๋ยวเทวดาเขาจะตำหนิเอา
ถ้าหลับอยู่ในองค์พระ
ในกลางดวงใสๆ เขาก็จะชื่นชม ถ้าเทวดาชื่นชมอนุโมทนา สิริมงคลก็จะเกิดขึ้นกับเรา
สิริเป็นที่มาแห่งโภคทรัพย์ คือ ทรัพย์อยู่ที่ไหนมันก็จะมานอนอยู่ติดกับเรา
คือจะมาอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นต้องหลับอย่างนี้ ถึงจะหลับเป็นสุข ไม่ฝันเลย
แต่ถ้าฝันก็จะฝันสิ่งที่ดีมีสิริมงคล นอนก็เหมือนกับจะเหาะจะลอยได้
พอตื่นเช้ามาก็มองไปตรงกลางก่อน
กลางกายดูดวง ดูองค์พระให้ใสๆ แล้วก็ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำอาบท่า
เสร็จก็มาสวดมนต์ไหว้พระเจริญภาวนา ให้เป็นกิจวัตร
ถ้ามีพระสงฆ์ผ่านหน้าบ้านก็ตื่นมา
หุงข้าวหุงปลาใส่บาตรพระ สืบอายุพระศาสนาต่อไป รักษาธรรมเนียมที่ดี
ให้มหาชนพุทธบริษัทเขาได้เห็น เขาจะได้ทำตาม พุทธศาสนาก็จะได้เจริญรุ่งเรือง
ถ้าเป็นพระก็ให้นอนอย่างมีสติ
เขาเรียกว่า จำวัตร ว.แหวน ไม้หันอากาศ
ต.เต่า ร.เรือ แปลว่า นอนหลับอยู่ในกลางกายด้วยจิตที่เป็นกุศล จิตใจเป็นพระ
คิดเรื่องพระอย่างเดียว ใจใสๆ
หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข เทวดาก็จะได้ลงรักษาเหมือนกัน
ส่วนใครที่เดินทางไกลมานั่งธรรมะ ตอนกลางคืนจะเดินทางกลับก็ให้อยู่ในบุญนะลูกนะ
อยู่ในบุญ อยู่ในธรรมะ อยู่ในองค์พระ ให้ใจใสๆ ให้เดินทางกลับโดยปลอดภัย
กลับไปถึงบ้านก็ทำให้เป็นกิจวัตรอย่างที่แนะนำมาแล้ว
ตื่นมาแต่เช้า เราก็เหมือนออกมาจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์
แหล่งแห่งความสุขออกมา แล้วก็มาทำกิจตอนเช้าเสร็จก็อธิษฐานจิต วันนี้จะทำมาค้าขาย
หรือทำกิจการใดๆ ก็ให้ประสบความสำเร็จ ให้เงินทองไหลมาเทมา ให้สมบัติไหลมาเทมาทุกทิศทุกทางทีเดียว
ให้หมดหนี้หมดสิน เหลือกินเหลือใช้
เหลือไว้สร้างบารมี นึกไปอย่างนี้ตั้งแต่เช้าแล้วก็ให้ยิ้มแย้มแจ่มใส
พูดแต่สิ่งที่ดี มีสิริมงคล สมบัติจะได้เกิดขึ้นทุกวันทุกคืนเลย
และก็นึกถึงว่า ทรัพย์ที่ได้มาเราจะเอามาสร้างบารมี ให้ได้บุญเยอะๆ
ก่อนที่จะสังขารจะแตกดับไปให้ได้บุญมากๆ ใจจะได้ชุ่มอยู่กับบุญ
ทั้งวันทั้งคืน อารมณ์ดี อารมณ์เดียว อารมณ์สบายก็เกิดขึ้น
จะเป็นอุปการะในการประพฤติปฏิบัติธรรมกัน ต้องทำอย่างนี้นะลูกนะ ทุกๆ คนเลย
วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565