หยุดแค่พริบตาเดียวได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่
วันอังคารที่ ๕ มีนาคม
พ.ศ. ๒๕๔๕ (๑๙.๐๐ – ๒๐.๓๐ น.)
บ้านแก้วเรือนทองของคุณยาย สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
เมื่อเราบูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไป ให้ตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพานกันทุกคนนะจ๊ะ
หลับตาของเราเบาๆ
พอสบายๆ คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา
หลับตาค่อนลูก อย่าถึงกับปิดสนิท จะได้ทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนผ่อนคลาย ตั้งแต่ใบหน้า ศีรษะ ลำคอ บ่า ไหล่ แขนทั้งสอง
ถึงปลายนิ้วมือ ผ่อนคลายให้หมด กล้ามเนื้อบริเวณลำตัว ขาทั้งสองถึงปลายนิ้วเท้า
ให้ผ่อนคลายให้หมด
ปรับใจ
ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร
ทิ้งไปให้หมดจากใจ ให้ใจเราปลอดโปร่ง ว่างเปล่าจากอารมณ์ทุกสิ่ง ความคิดต่างๆ
สมมติให้ร่างกายของเราเป็นปล่อง
เป็นช่อง เป็นโพรง ปราศจากอวัยวะภายใน ตับ ไต ไส้ พุงไม่มี เป็นที่โล่งๆ ว่างๆ
กลวงเหมือนท่อแก้วใส ให้เป็นทางไหลผ่านของกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์ ความดีงาม
บุญบารมี ๓๐ ทัศ ที่เราได้สั่งสมอบรมมา ตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้
รวมทั้งอานุภาพอันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย
และคุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์เป็นต้น
รวมเป็นกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์ไหลผ่านท่อแก้วใสภายในกายเรา ขจัดสิ่งที่เป็นมลทินให้สิ้นไป
ตั้งแต่ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ นิวรณ์ทั้ง ๕ วิบัติบาปศักดิ์สิทธิ์ วิบากกรรม
วิบากมาร อุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิต ทุกข์โศกโรคภัย ให้หมดสิ้นไป
หลงเหลือแต่ความบริสุทธิ์ที่ผุดเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ เหนือสะดือขึ้นมาสองนิ้วมือในกลางท้อง เป็นดวงใส สะอาด บริสุทธิ์ ประดุจเพชรที่เจียระไนแล้ว
ไม่มีตำหนิ ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว ขนาดเล็กเท่ากับดวงดาวในอากาศ ขนาดกลางเท่ากับพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
ขนาดใหญ่เท่ากับพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ชัดเหมือนลืมตาเห็น ใสประดุจเพชร
สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
บริกรรมนิมิต-บริกรรมภาวนา
ให้ตรึกนึกถึงดวงใส
ที่กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว ตรึก คือ นึกอย่างสบายๆ คล้ายกับนึกถึงสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราคุ้นเคย
หยุดไปในกลางดวงใส ให้ต่อเนื่องกันไปอย่างสบาย อย่าให้เผลอไปคิดเรื่องอื่น
ถ้าใจแวบไปคิดเรื่องอื่น ก็ให้ประกอบบริกรรมภาวนา สัมมาอะระหังๆๆ ภาวนาไปเรื่อยๆ
พร้อมกับตรึกนึกถึงดวงใส หยุดอยู่ที่กลางดวงใสอย่างสบายๆ จะภาวนากี่ครั้งก็ได้
จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง
เมื่อใจหยุดนิ่งจะทิ้งคำภาวนาไปเอง
มีอาการคล้ายเราลืมภาวนา หรือมีความรู้สึกว่าไม่อยากจะภาวนาต่อ
อยากเอาใจหยุดนิ่งเฉยที่กลางดวงใส ถ้าเกิดความรู้สึกอย่างนี้ก็ไม่ต้องกลับมาภาวนา สัมมาอะระหัง
ใหม่ ให้รักษาใจ ให้หยุดนิ่ง หยุดอย่างเดียวโดยไม่ต้องทำอะไร
หยุดนิ่งเฉยที่กลางดวงใสอย่างสบายๆ
ทำเพียงแค่นี้เท่านั้นแหละ อย่าทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
จะทำให้ใจหยุดนิ่งแน่นเข้าไปเรื่อยๆ
คำว่า
“แน่น” ไม่ได้หมายถึงอึดอัด
แต่ว่านิ่งสนิทมากขึ้น จนกระทั่งร่างกายหายไปเลย คล้ายกับเราไม่มีตัวตน เห็นแต่ดวงสว่าง
อยู่ในกลางความว่าง คล้ายกลางอวกาศ อยู่ในกลางที่โล่งๆ ว่างๆ เป็นดวงใสๆ อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ
อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
กิจที่ควรทำ
ให้ฝึกใจหยุดนิ่งให้ชำนาญ เรามาเกิดในชาตินี้ หรือแต่ละชาติที่ผ่านมา
ก็ต้องการมาฝึกใจให้หยุดนิ่ง ซึ่งเป็นกรณียกิจ เป็นกิจที่ควรทำ เป็นกิจที่เป็นแก่นสารของชีวิต
เป็นงานที่แท้จริงของเรา เป็นวิชชาชีวิตที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ให้ประณีตขึ้น
ละเอียดขึ้น บริสุทธิ์เพิ่มขึ้น ยิ่งบริสุทธิ์มากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
ยิ่งบริสุทธิ์
วิชชาก็จะเกิดขึ้น เป็นความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้ง ทำให้เราได้เห็นอะไรไปตามความเป็นจริง
สิ่งที่ไม่เที่ยงก็เห็นว่าไม่เที่ยง สิ่งที่เป็นทุกข์ก็เห็นว่าเป็นทุกข์ สิ่งที่เป็นอนัตตาก็เห็นว่าเป็นอนัตตา
และในทางตรงกันข้าม สิ่งอะไรที่เที่ยงก็จะเห็นว่าเที่ยง สิ่งที่เป็นสุขก็จะเห็นว่าสุข
สิ่งที่เป็นอัตตาก็จะเห็นว่าเป็นอัตตา เป็นตัวตนที่แท้จริง ที่เป็นอิสระ
พญามารบังคับบัญชาไม่ได้ อยู่ในอำนาจของเรา เป็นใหญ่ในตัวของตัวเอง
ไม่มีใครเป็นใหญ่ในตัวเรา เป็นอิสระ เสวยสุขอย่างเดียว
เราเกิดมาเพื่อการนี้ ใจหยุดคือที่สุดของการแสวงหา ที่สุดของการทำงานที่แท้จริง
ทางสายกลางภายใน
เราจะต้องฝึกให้ใจหยุดใจนิ่งอย่างนี้ให้ได้
จนกว่าจะเข้าถึง ดวงปฐมมรรค คือ เบื้องต้นที่จะไปสู่อายตนนิพพาน
เป็นต้นทางของเส้นทางสายกลาง
เส้นทางแห่งความบริสุทธิ์
ที่เรียกว่า “วิสุทธิมรรค”
เส้นทางการหลุดพ้นที่เรียกว่า
“วิมุตติมรรค”
เส้นทางแห่งพระอริยเจ้าที่เรียกว่า
“อริยมรรค”
เป็นทางเดินของใจที่จะไปสู่ความบริสุทธิ์ยิ่งๆ
ขึ้นไป จะทำให้เราได้เข้าถึงกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม หรือที่เรียกว่า
สติปัฏฐาน ๔ ซึ่งเป็นทางแห่งความบริสุทธิ์ที่จะหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ
จะทำให้เราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ถึงพุทธรัตนะ ถึงธรรมรัตนะ ถึงสังฆรัตนะ ๓ อย่างนี้เป็นแก่นของพระพุทธศาสนา
เป็นแก่นของชีวิต เป็นที่พึ่งที่ระลึกของตัวเรา ที่จะขจัดทุกข์ โศก โรค ภัย กิเลสอาสวะ
วิบัติ บาปศักดิ์สิทธิ์ วิบากกรรม สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ ให้ละลายหายสูญไปให้หมด
ไตรสรณคมน์
เมื่อเข้าถึงจนกระทั่ง
ชัด ใส แจ่ม ได้ชื่อว่า เข้าถึง ไตรสรณคมน์
มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเรา พึ่งได้ตั้งแต่เข้าถึงจนกระทั่งหมดอายุขัย
และเป็นที่พึ่งของเราในสัมปรายภพด้วย นอกจากเป็นที่พึ่งให้กับตัวเราแล้ว ยังเป็นที่พึ่งให้แก่หมู่ญาติและสรรพสัตว์ทั้งหลาย
เพราะพระรัตนตรัยนั้น
มีคุณไม่มีประมาณ
อัปมาโณ
พุทโธ
อัปมาโณ
ธัมโม
อัปมาโณ
สังโฆ
๓
อย่างนี้ มีพระคุณอย่างไม่มีประมาณ มีอานุภาพมาก สามารถช่วยหมู่ญาติของเรา
บิดามารดา ญาติพี่น้องของเรา เป็นต้น ที่ละโลกไปแล้ว ไปอยู่ในภพภูมิไหนก็ตาม
ไปรู้ไปเห็นหมด ไปจับมือถือแขนกันได้ พูดจาโต้ตอบกันได้ ถ้าตกไปในอบายก็สามารถช่วยขึ้นจากอบายได้
ถ้าไปอยู่สุคติก็สามารถไปเพิ่มบุญบารมีให้มากขึ้นได้
พระรัตนตรัยนี้แหละ จะนำเราให้เข้าถึงอายตนนิพพาน ทำพระนิพพานให้แจ้งได้
พระรัตนตรัยภายในนี้ จึงเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันประเสริฐ
สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกเท่านี้หรือมากกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว
เพราะฉะนั้น
เราต้องปฏิบัติให้เข้าถึงพระรัตนตรัยให้ได้ จะได้เป็นที่พึ่งของเรา ในทุกอริยาบถ
จะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน ก็ให้ชัด ใส แจ่ม อยู่ภายใน
เวลานอนก็หลับอยู่ในพระรัตนตรัย เวลาตื่นก็ตื่นอยู่ในกลางพระรัตนตรัย
ข้างในหยุดนิ่ง
แต่ข้างนอกเคลื่อนไหว ทำภารกิจต่างๆ จะทำมาหากินอะไรก็ตาม
ถ้าใจหยุดนิ่งอยู่ภายในแล้ว มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
ธุรกิจการงานนั้นก็จะประสบความสำเร็จเป็นอัศจรรย์ทีเดียว
ด้วยอานุภาพอันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย
วิชชา
๓
แล้วยังได้ศึกษาวิชชา
๓ ด้วย
บุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกชาติหนหลังของตัวเรา
จุตูปปาตญาณ ๖ การเกิด จุติ ปฏิสนธิ ผลแห่งกรรม
ของสัตวโลกทั้งหลายได้ เห็นแจ่มแจ้ง เห็นชัดทีเดียว การไปเกิดมาเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ยากดีมีจน ผิวพรรณดี ผิวพรรณทราม มีความเป็นอยู่ที่หลากหลายแตกต่างกัน
รู้ชัดแจ่มแจ้งด้วยจุตูปปาตญาณ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
อาสวักขยญาณ
การทำอาสวะให้หมดสิ้นไปด้วยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย เราจะเห็นอาสวะกิเลสบังคับตั้งแต่
กายมนุษย์หยาบ
กายมนุษย์ละเอียด
กายทิพย์หยาบ
กายทิพย์ละเอียด
กายรูปพรหมหยาบ
กายรูปพรหมละเอียด
กายอรูปพรหมหยาบ
กายอรูปพรหมละเอียด
กายธรรมโคตรภูหยาบ
กายธรรมโคตรภูละเอียด
กายธรรมพระโสดาบันหยาบ
กายธรรมพระโสดาละเอียด
กายธรรมพระสกทาคามีหยาบ
กายธรรมพระสกทาคามีละเอียด
กายธรรมพระอนาคามีหยาบ
กายธรรมพระอนาคามีละเอียด
กายธรรมพระอรหันต์หยาบ
กายธรรมพระอรหัตละเอียด
เห็นกิเลสอาสวะเข้าไปบังคับบัญชา
ตั้งแต่กิเลสหยาบ ไปจนกระทั่งกิเลสที่ละเอียด ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ขั้นหยาบกับขั้นละเอียด เห็นหมด ด้วยธรรมจักขุของธรรมกาย และด้วยญาณทัสสนะอันบริสุทธิ์ของธรรมกาย
ซึ่งเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว
เมื่อเห็นกิเลสอาสวะเป็นอย่างไร
หน้าตาเป็นอย่างไร บังคับอย่างไร บังคับมายาวนานแค่ไหน แหล่งที่มาอยู่ตรงไหน
ธรรมกายเห็นหมด พระรัตนตรัยในตัวเห็นหมด ก็จะเข้าไปขจัดกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ
จนกระทั่งเป็นกายธรรมอรหันต์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งหลายได้
วิชชาธรรมกาย
แล้วยังมีโอกาสได้ศึกษาวิชชาธรรมกายต่อไปอีก
วิชชาธรรมกายเหมือนใบไม้ในป่าประดู่ลาย
ที่พระพุทธเจ้าท่านอุปมาให้พระสาวกได้รับทราบว่า สิ่งที่สอนนั้นแค่เพียงใบไม้ในกำมือ
แต่ความรู้มียิ่งไปกว่านี้ ยังมีอีกมากมายที่ไม่ได้นำมาสอน
วิชชาธรรมกายเหมือนใบไม้ในป่าประดู่ลาย
จะศึกษาได้ด้วยธรรมกาย โดยการหยุด การนิ่ง ที่ละเอียดลุ่มลึกไปตามลำดับ
จนกระทั่งไปรู้ไปเห็นธาตุธรรมต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นกุสลาธัมมา ธรรมที่เป็นกุศล
อกุสลาธัมมา ธรรมที่เป็นบาปอกุศล อัพยากตาธัมมา ธรรมที่เป็นกลาง ไม่บุญไม่บาป
ไปรู้ไปเห็นแล้ว
ก็จะสะสางธาตุธรรมของตัวเองนั้น ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ เป็นธาตุล้วนๆ ธรรมล้วนๆ เป็นวิราคธาตุ วิราคธรรม คือ ธาตุธรรมที่เป็นกุศลล้วนๆ
บริสุทธิ์ล้วนๆ สะสางธาตุธรรมอย่างอื่นที่ปนเป็นเข้ามา ให้เหลือแต่ธาตุธรรมที่บริสุทธิ์
ก็จะหลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสการบังคับบัญชาของพญามารได้ เรื่องลึกซึ้งนัก
อย่าให้สิ่งใดมาเป็นอุปสรรคต่อการฝึกใจ
ให้ฝึกใจให้หยุดให้นิ่งให้ได้
สิ่งอื่นจะเป็นเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ เรื่องธุรกิจการงาน เรื่องทำมาหากิน
เรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้ เป็นสิ่งไม่เป็นสาระ ไม่เป็นแก่นสาร หยุดกับนิ่งนี่แหละเป็นสาระแก่นสารของชีวิต
ที่จะทำให้เราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยดังกล่าว
เราเกิดมาเพื่อการนี้ ต้องใช้ทุกอนุวินาทีฝึกฝนใจให้หยุดให้นิ่งให้ได้
หยุดแค่กระพริบตาเดียว ได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่ไพศาลมากกว่าสร้างโบสถ์สร้างวิหารมากมายนัก
เพราะว่าเป็นทางมรรคผลนิพพาน ทางหลุดทางพ้นจากกิเลสอาสวะ
หยุดประเดี๋ยวเดียวความสุขก็พรั่งพรูออกมา
นั่งครึ้มอกครึ้มใจอยู่ได้ เพราะฉะนั้นหยุดกับนิ่งนี่แหละ
เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต อย่าให้สิ่งใดมาเป็นอุปสรรคต่อการฝึกใจให้หยุดนิ่ง
ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า จะเจ็บ จะป่วย จะไข้ จะอ่อนเพลียอะไรก็แล้วแต่ ให้ลงมือนั่งปฏิบัติไปเลย
กำหนดจิตว่า เราจะหยุดจะนิ่งให้ได้ พอใจเราตั้งมั่น ตั้งใจแน่วแน่ ไม่ช้าความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็จะหายไป
เปลี่ยนมาเป็นความสุข แม้ความทุกข์ทรมานที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ ก็จะเลือนหายไป
อานิสงส์การเข้าถึงธรรม
หายป่วยจากมะเร็ง
ผู้ป่วยคนหนึ่งเป็นโรคมะเร็ง
หมอบอกว่า จะมีชีวิตอยู่อีกแค่ไม่กี่เดือน ต้องตายแล้ว ให้ร่ำลาหมู่ญาติเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี
ใจก็เศร้าหมอง เพราะไม่รู้ว่าตายแล้วจะไปไหน ชีวิตในสัมปรายภพก็ยังไม่รู้เรื่อง
จึงเป็นกังวลและทุกข์ใจมาก ทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ แต่เมื่อได้ยอดกัลยาณมิตรไปแนะนำ
ให้ปล่อยวางเรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วย เรื่องที่หมอได้มาบอกเอาไว้ ทำให้วิตกกังวล
เป็นทุกข์ซ้อนทุกข์ ทุกข์ยกกำลังสอง แล้วกำหนดจิตไปเลย ตัดใจให้แน่วแน่
อยู่ตรงกลางของกลาง ให้หยุดให้นิ่ง
เมื่อตั้งใจทำจริงแล้ว
ของจริงก็ปรากฏ แม้สังขารจะไม่อำนวย จะเจ็บป่วยไข้ด้วยโรคภัยที่ร้ายแรง
แต่ก็สู้กำลังใจที่เข้มแข็งแน่วแน่ จะฝึกใจให้หยุดนิ่งให้ได้ ในที่สุดก็เอาชนะทุกขเวทนานั้นได้
อยู่เหนือความทุกขเวทนา ใจหลุดจากสังขารแห่งความทุกข์ทรมาน
นิ่งเข้าถึงความสว่างภายใน เห็นปฐมมรรค เห็นตัวเอง ในที่สุดก็เข้าถึงองค์พระธรรมกายในตัว
ความสุขก็พรั่งพรูออกมา
จนลืมไปว่า ตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย ลืมไปว่า หมอบอกว่าจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกไม่นาน
ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความทุกข์ทรมาน มีแต่สุขอย่างเดียวอยู่ในธรรมกาย
สว่างไสว ไม่หวาดเกรงต่อมรณภัย มีจิตใจที่เข้มแข็ง ปีติ เบิกบาน
สว่างไสวอยู่ในกลางธรรมกาย
สิ่งที่เหนือธรรมชาติก็เกิดขึ้น
ทำให้การพยากรณ์ของแพทย์ผิดพลาดไป อายุยืนยาวต่อมาได้อีก ๑๐ ปี จากไม่กี่เดือนที่หมอได้พยากรณ์เอาไว้
จากความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์ของหมอ ทำให้หมออัศจรรย์ใจว่า คนไข้คนนี้ทำไมหน้าตาเบิกบาน
เนื้อตัวเกลี้ยงเกลาสะอาด ดวงตาสดใส ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล
ผู้ที่มาเยี่ยมไข้ก็ได้กำลังใจจากคนไข้
หมอกับพยาบาลก็ได้กำลังใจจากคนไข้ คนไข้ก็มีความสุขอยู่ในกลางธรรมกาย
ชัด ใส แจ่ม ธรรมกายจึงเป็นที่พึ่งที่ระลึกอย่างสำคัญ ขจัดทุกข์ภัย ขจัดโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์
แม้ละโลกก็ถอดกาย ตายก่อนตายได้
จะไปอยู่ภพภูมิไหนก็ได้ตามความปรารถนาของตน ผู้ที่เข้าถึงธรรมกาย เป็นธรรมกาย
เป็นที่ต้องการของชาวสวรรค์ทั้งหลาย อยากเข้าไปเป็นสหายด้วย
อยากอัญเชิญให้ไปอยู่ด้วย เพราะเข้าใกล้ธรรมกายแล้ว มีความสุข ชุ่มอกชุ่มใจ
เย็นอกเย็นใจ มีกำลังใจที่สูงส่ง อยากอยู่ใกล้ เหมือนใกล้ร่มไม้ใหญ่
เกิดความอบอุ่นใจ ปลอดภัย มีปีติสุข มีกำลังใจ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำความดี ธรรมกายจึงเป็นของประเสริฐเลิศยิ่งนัก
ตั้งแต่พรหม
อรูปพรหมลงมาถึงมนุษย์ ต้องกราบไหว้บูชาธรรมกายทั้งสิ้น ธรรมกายจึงสำคัญ
เป็นที่ประชุมรวมของธรรมทั้งปวง หมวดหมู่แห่งธรรม ๘๔,๐๐๐
พระธรรมขันธ์ก็รวมประชุมอยู่ในธรรมกายนี้แหละ
เพราะฉะนั้น
ให้ลูกทุกคนหมั่นฝึกฝนอบรมจิตใจของเราให้หยุดให้นิ่ง เอาจริงก็จะพบของจริง เราจะอาศัยกายมนุษย์นี้อยู่เพียงชั่วคราว
ให้รีบชิงช่วงความแข็งแรงและสดชื่นของร่างกายนี้ ก่อนที่จะถูกช่วงชิงไป ช่วงชิงความแข็งแรง
ความสดชื่นของร่างกายนี้ออกไป ทิ้งเอาความเสื่อมมาให้ ต้องชิงช่วงก่อนถูกช่วงชิง
ต้องทำอย่างนี้นะลูกนะ
วันนี้เรามาประชุมพร้อมกันต่อหน้าคุณยายของเรา
ซึ่งท่านลงมาคุมธรรมะให้เรา ทั้งหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ทั้งพระนิพพาน พร้อมกับกลั่นแก้เรา
ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้หลุดพ้นจากสิ่งที่ไร้สาระ
ให้เข้าถึงแก่นของชีวิตที่เป็นสาระคือธรรมกาย
เราจะต้องพบกับท่านครึ่งทางที่กลางกาย เอาใจนิ่งๆ กันให้ดีนะลูกนะ
ต่างคนต่างทำกันไปเงียบๆ นะ
วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565