นักรบต้องหมั่นซ้อม
ทุกวัน
ถึงจักเข้าโรมรัน
ศึกได้
สมรภูมิมนุษย์นั้น
เหมือนเด็ก
รบใหญ่ในกลางไซร้
ล่วงพ้นปริยาย
ตะวันธรรม
พระคุณของ หลวงปู่ฯพระผู้ปราบมาร
วันอาทิตย์ที่ ๕
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
Link ไฟล์เสียงนำนั่งสมาธิใน youtube
ง่ายแต่ลึก 2 |EP.11| : พระคุณหลวงปู่พระผู้ปราบมาร
นึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบาๆ พอสบายๆ
ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายเรา ทั้งเนื้อทั้งตัวให้มีความรู้สึกว่าสบาย
แล้วก็ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง รวมใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ
ให้นึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายอยู่ในกลางท้องของเรา
ถ้าใครใจยังไม่ละเอียดก็นึกว่ามีท่านอยู่ อาราธนาให้ท่านอยู่กลางกายของเรา
แม้จะนึกเห็นไม่ชัดก็ไม่เป็นไร ให้นึกอย่างเบาๆ สบายๆ ว่า ท่านอยู่ในกลางกายของเรา
หรือเราอยู่ในกลางกายของท่านอย่างเบาๆ
สบายๆจนกระทั่งถูกส่วนก็จะเห็นท่านชัดใสสว่างขึ้นมาเอง นึกถึงท่านให้ต่อเนื่อง
อย่าให้เผลอนะ
นึกถึงว่า ท่านเป็นบุคคลพิเศษ บุคคลผู้เลิศ
ที่หาใครมาเสมอเหมือนในยุคนี้ได้ยาก โดยนึกทบทวนประวัติชีวิตของท่านในชาตินี้
ที่เราเคยศึกษาเรียนรู้มาแล้วก็พอที่จะเข้าใจท่านได้ใจเราจะได้เกิดความปีติเลื่อมใสในข้อวัตรปฏิบัติและมโนปณิธานของท่าน
ใจที่เลื่อมใสนี้แหละ จะทำให้ใจหยุดนิ่งและเข้าถึงท่านได้ แต่ถ้าใจเรานิ่งแล้ว
เราก็ไม่ต้องไปนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นให้นิ่งอย่างเดียวอยู่ภายใน
แต่ถ้าใจยังไม่นิ่ง ก็ต้องให้ใจผูกพันเกี่ยวกับเรื่องราวของท่าน
จะทำให้ความฟุ้งของใจเราหายไปจะนึกถึงท่านได้ง่าย
คิดจะออกบวช
พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
ท่านมีความนึกคิดที่แตกต่างจากคนวัยเดียวกัน อายุ ๑๙ ปีก็คิดจะออกบวช
เพราะพิจารณาเห็นความไม่มีสาระแก่นสารของชีวิตที่ผ่านมาของบรรพบุรุษที่แสวงหาทรัพย์มาด้วยความยากลำบาก
ครอบครองแล้วก็ชื่นชมทรัพย์ที่ได้มาเพียงช่วงสั้นๆ
แล้วก็จากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอาทรัพย์ที่แสวงหามาได้นั้นติดตัวไปได้เลย
ต่างก็ทิ้งเอาไว้จนกระทั่งตกทอดมาถึงท่าน
ท่านก็คิดต่อไปว่า ท่านไม่อยากจะมีชีวิตเช่นเดียวกับบรรพบุรุษที่ผ่านมาอย่างนั้น
แต่อยากจะมีชีวิตที่ประเสริฐและสูงส่งกว่านั้น
เพราะชีวิตที่เกิดมาชาติหนึ่งควรจะทำให้เกิดประโยชน์ให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้วท่านก็พิจารณาเห็นว่าการออกบวชเท่านั้นจะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้
เมื่อท่านเห็นชีวิตของบรรพบุรุษแล้ว
ก็มาคิดถึงบุคคลที่ท่านควรจะเดินตาม ก็ได้มาทบทวนพุทธประวัติว่า
ขนาดพระองค์เป็นถึงองค์รัชทายาทของกรุงกบิลพัสดุ์
พรั่งพร้อมด้วยสมบัติทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์พึงปรารถนา
แต่ก็เห็นทุกข์โทษภัยของกามสุขนั้น ยังสละทิ้งสิ่งเหล่านั้นโดยไม่อาลัยอาวรณ์
แล้วก็แสวงหาชีวิตใหม่ที่ดีกว่าด้วยการออกบวช
แล้วในที่สุดก็บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บรรลุจุดหมายของชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้เรียนวิชชาชีวิตจนจบหลักสูตรแล้ว
เจนจบในชีวิต ท่านก็อยากจะเป็นอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงได้ตั้งสัตยาธิษฐานว่าจะออกบวชเมื่ออายุ ๑๙ ปี
นี่คือสิ่งที่เราจะต้องทบทวน
เมื่อใจเรายังฟุ้งอยู่ยังไม่นิ่งและยังนึกถึงภาพท่านได้ไม่เต็มที่
และเมื่อออกบวชแล้วตอนอายุ ๒๒ ปี ก็ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม ตั้งแต่บวชวันหนึ่ง
รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งก็บำเพ็ญสมณธรรมเรื่อยมาจนตลอดชีวิต
หลวงปู่เข้าถึงธรรม
๑๑ พรรษา
ผ่านไปด้วยการแสวงหาหนทางแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จากครูบาอาจารย์ต่างๆแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ทำให้มั่นใจในการปฏิบัติธรรม ในที่สุดกลางพรรษาที่ ๑๒
ท่านก็แสวงหาหนทางด้วยตัวเอง กระทั่งสละชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่สละได้ยากโดยยังไม่รู้วิถีทางที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของมโนปณิธานที่ตั้งใจ
แต่ก็ยังกล้าตัดสินใจสละชีวิตทำความเพียร ที่โบสถ์วัดโบสถ์บน
บางคูเวียงจังหวัดนนทบุรี ดังที่เราได้ทราบประวัติ
แล้วในที่สุด เมื่อท่านปล่อยวางทุกสิ่ง ชีวิต อวัยวะ
ทรัพย์คน สัตว์ สิ่งของ ใจก็หยุดนิ่งถูกส่วน ในที่สุดก็ได้บรรลุพระธรรมกาย
เป็นพยานในการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะสิ่งที่ท่านบรรลุไปตรงกับคำสอนที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกที่ท่านศึกษาจนเชี่ยวชาญแล้ว
แล้วก็มาพบคำตอบด้วยการปฏิบัติและประสบการณ์ภายใน
เมื่อบรรลุแล้ว
ท่านก็ไม่ได้หวงแหนทรัพย์ที่ท่านได้บรรลุคืออริยทรัพย์ภายใน ไม่หวงแหนวิชชา
แถมยังตรวจตราดูว่าจะมีใครบรรลุธรรมตามท่านได้บ้าง ในพรรษาเดียวกันนั้น
พอออกพรรษาก็ไปตามที่ได้เห็น และก็เป็นอย่างที่เห็นอย่างนั้นที่วัดบางปลา
และชีวิตท่านก็ดำเนินเรื่อยมา ทั้งศึกษา ฝึกฝนและก็สั่งสอนผู้อื่นไปด้วย
เป็นทั้งนักเรียนและเป็นทั้งครูผู้ให้แสงสว่างไปด้วย
หลวงปู่ พระผู้ปราบมาร
กระทั่งมาเป็นเจ้าอาวาส วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ท่านค้นคว้าด้วยการหยุดนิ่งดิ่งเข้าไปสู่ภายใน ในที่สุดก็รู้เรื่องราวเกี่ยวข้องกับพญามารว่า เป็นต้นเหตุแห่งเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นทั้งตัวเองและผู้อื่นรวมถึงสรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลาย
และค้นพบว่ามีทางเดียวเท่านั้นที่จะปลดปล่อยตัวเองและสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากความเป็นเชลย
คือต้องปราบมารไปให้ถึงตัวจริง ถึงต้นเหตุที่เป็นผู้ต้นคิดในการประกอบเหตุต่างๆและก็มีผลบังเกิดขึ้นมาสู่ภพภูมิที่หยาบทั้งในโลกนี้และโลกอื่นทั้งหมด
และก็ได้ศึกษาเรียนรู้ ค้นคว้า สู้รบปรบมือกับพญามารจนตลอดชีวิตของท่าน
ทั้งสู้กับพญามารซึ่งเป็นงานหลัก
รองลงมาก็คือเทศนาสั่งสอนให้คนบรรลุธรรมตาม
ถัดลงมาอีกก็ช่วยทุกข์มนุษย์และก็สรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลายจนหมดอายุขัย
กระทั่งความรู้นั้นตกทอดมาถึงพวกเรา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก
เราก็ได้อาศัยความรู้ของท่าน ทำตามท่าน ความสุข ความสงบ ความบริสุทธิ์
ความสมหวังในชีวิตก็ค่อยๆ ทยอยเกิดขึ้น ทำให้เข้าใจเรื่องบุญบาปกฎแห่งการกระทำ
การสร้างบารมี
แล้วก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของชีวิตเราไปสู่เป้าหมายเดียวกันกับท่าน
ซึ่งเป็นเป้าหมายอันสูงสุดที่มีเฉพาะธาตุธรรมพิเศษเท่านั้นจึงจะมีความรู้สึกนึกคิดอย่างนี้
นอกนั้นก็จะไปสิ้นสุดที่นิพพานถอดกาย ก่อนหน้านั้นก็นิพพานไม่ถอดกาย
แต่เป้าหมายสุดท้ายนี่ก็จะมีเฉพาะธาตุธรรมพิเศษจึงจะได้ศึกษาเรียนรู้ตรงนี้
การที่ได้ยินได้ฟัง ได้ศึกษา ได้เรียนรู้
จนกระทั่งถึงจุดที่เราเปลี่ยนแปลงชีวิต
และตั้งมโนปณิธานไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก
ทั้งหมดนี้คือพระคุณของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
ซึ่งเราก็จะต้องตอบแทนพระคุณท่านหรือประกาศเกียรติคุณของท่าน
นอกเหนือจากธรรมปฏิบัติหรือการชักชวนแนะนำให้คนปฏิบัติธรรม รวมทั้งทำความดี
ส่วนหนึ่งก็คือการหล่อรูปเหมือนท่านด้วยทองคำ
ถ้านึกได้อย่างนี้เราก็จะปลื้มปีติใจว่า เรามีส่วนสำคัญในการประกาศคุณของท่าน
เทิดพระคุณท่าน พอใจปีติสุข การระลึกนึกถึงภาพท่านในกลางกายมันก็ง่าย
การระลึกนึกถึงภาพท่านอยู่กลางกายเราเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่
เพราะจะนำให้ใจเราไปหยุดนิ่งในตำแหน่งที่ถูกต้อง
มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอรหันต์ทุกพระองค์
พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯท่านหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ เมื่อเราไปหยุด ณ จุดเดียวกันกับที่ท่านหยุด
และผู้รู้ทั้งหลายท่านหยุด ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ถือเป็นความสำเร็จในชีวิตอันสูงส่งยิ่งกว่าการที่เราได้รับลาภ ยศสรรเสริญ
อะไรต่างๆ เหล่านั้นมากมายนัก
เมื่อเราไปอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับท่าน
เราก็จะรู้จักท่านเพิ่มขึ้น จะซาบซึ้งถึงพระคุณท่านมากเข้า
เมื่อเข้าใจท่านเพิ่มขึ้นจากการหยุดนิ่ง และเข้าใจคำว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ
ซึ่งจะไปเชื่อมโยงกับคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า
ใจเป็นธาตุสำเร็จทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ มีใจถึงก่อน มีใจเป็นใหญ่ อย่างนี้เป็นต้น
แต่ก็ไม่มีใครมาอธิบายให้ฟังว่า “ใจ” มีลักษณะอย่างไรและอยู่ที่ตรงไหนถึงจะสำเร็จ
มีแต่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ นี่แหละอธิบายว่า
ลักษณะของใจ
“ใจ” ประกอบไปด้วยความเห็น
ความจำ ความคิด ความรู้ ๔ อย่างนี้ รวมหยุดเป็นจุดเดียวเรียกว่า ใจ
มีลักษณะเป็นดวงและต้องอยู่ในตำแหน่งแห่งความสำเร็จ คือ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
และใจจะสำเร็จได้ก็ต้องหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ อย่างนี้ จึงจะไปเชื่อมโยงกันได้
ความเข้าใจในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
ก็จะขยายเพิ่มขึ้น
ตรงนี้จะสร้าง ฉันทะ ความรัก
ความสมัครใจที่เราจะปฏิบัติธรรม ที่จะฝึกหยุดฝึกนิ่งให้เข้าไปสู่ภายในเพิ่มขึ้นด้วยตัวของเราเอง
เราจะเอาชนะความรู้สึกว่า ต้องฝืน ต้องพยายามทำสมาธิ
พยายามนำใจกลับมาหยุดนิ่งเราได้ข้ามภูเขาแห่งอุปสรรคเหล่านี้ไปแล้ว
เมื่อฉันทะเกิดขึ้น วิริยะ ก็จะตามมา
จะทำความเพียรตลอดทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน จะมี จิตตะ ใจจะจดจ่อที่กลางกายในทุกๆ
กิจวัตรกิจกรรม ตั้งแต่อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ทำมาหากิน ทำมาค้าขาย เรียนหนังสือ
กระทั่งเข้าห้องนอน ใจก็จะจดจ่ออยู่ที่ตรงนี้
พอจิตตะเกิดขึ้น ความเอาใจใส่ที่จะให้สมปรารถนา
ให้ประสบความสำเร็จในการนำใจกลับมาหยุดนิ่งตรงนี้ ก็ทำให้เรามีอัธยาศัยเป็นคนช่างสังเกต
(วิมังสา) เพื่อที่จะจับจุดให้ได้ว่า
ควรจะวางใจอย่างไรจึงจะพอเหมาะพอดีสำหรับตัวเรา เราจะรู้วิธีวางใจว่า
ต้องนึกอย่างนี้ คิดอย่างนี้ แตะใจเบาๆ อย่างนี้
จะต้องขยับเนื้อขยับตัวอย่างนี้แล้วจึงจะถูกส่วน
ถ้าเราวางใจเป็น
จะทำให้เห็นภาพภายใน ถือว่าเราประสบความสำเร็จอย่างสูงส่งในชีวิต
เพราะเมื่อเราวางใจเป็นแล้ว เราอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลก ในทุกๆ สถานการณ์
ไม่ว่าสถานการณ์ของโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม เราจะอยู่เหนือสิ่งแวดล้อมนั้น
สิ่งแวดล้อมนั้นไม่มีอิทธิพลทำให้ใจเราหวั่นไหวง่อนแง่น คลอนแคลน เพราะเรารู้วิธีวางใจด้วยตัวของเราเองตรงนี้จะทำให้เราประสบความสำเร็จ
คือใจหยุดนิ่งได้ หยุดจึงเป็นตัวสำเร็จ และจะเข้าใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ความซาบซึ้งในพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ก็มากขึ้น
จนถึงระดับว่า การนำเอาทองคำมาหล่อพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯเป็นเรื่องเล็กน้อย
ถ้าเรามีโคตรเพชรที่ใหญ่ๆ เราก็อยากจะนำมาแกะ
อยากจะนำสิ่งที่มีมูลค่าและคุณค่าสูงๆ
มาบรรจงแกะสลักบุคคลที่มีคุณค่าอันสูงส่งที่ไม่มีประมาณอย่างนี้
ความรู้สึกเราจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้นจริงๆ เราจะเข้าใจคำนี้มากขึ้นด้วยตัวของเราเอง
เพราะฉะนั้น การจับจุดได้ หรือรู้วิธีวางใจของเราเอง
เหมือนเป็นอาวุธคู่กายเรา เรารู้ เราชำนาญ รู้วิธีการว่า
ของเรามันจะแตกต่างจากคนอื่น ของเราจะต้องคิดอย่างนี้ นึกอย่างนี้
วางใจอย่างนี้จึงจะพอดี แล้วกายก็ขยาย ใจก็ขยาย
เข้าถึงความสุขได้อยู่ได้ทุกหนทุกแห่งตั้งแต่ท้องทะเล ถึงยอดเขา
ถึงในอวกาศในโลกนี้ และโลกอื่น เมื่อเรารู้จักวิธีวางใจเป็นด้วยตัวของเราเอง
นี่แหละเรื่องต่างๆ เหล่านี้ มันก็จะเกี่ยวข้องเกี่ยวโยงกันมาตามลำดับอย่างนี้
ระลึกนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
ดังนั้น ท่านจึงเป็นบุคคลอันประเสริฐสูงส่งมาก
การยกย่องสรรเสริญท่านนั้นไม่ได้เกินความเป็นจริงเลย และจริงๆ
แล้วเรายังไปไม่ถึงความเป็นจริงของท่านด้วยซ้ำไป แค่มาถึงคำว่าหยุดเป็นตัวสำเร็จ
ซึ่งเป็นจุดเบื้องต้นของการเข้าไปสู่ความเป็นจริงของท่าน ซึ่งอยู่ลึกมากๆ
เพราะว่าพระผู้ปราบมารนั้นลึกมากๆ ทีเดียว ถ้าไม่ลึกซึ้งมากๆ
ก็ไปปราบมารสู้กับพญามารไม่ได้ เพราะฉะนั้นปากประตูที่จะนำไปถึงท่านได้คือ
หยุดเป็นตัวสำเร็จ ถ้าเราจับจุดได้ รู้วิธีการที่จะวางใจได้
ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องศึกษา ฝึกฝน อบรมตัวของเราเอง ทุกวัน
ทุกคืนทุกเวลาอย่างสม่ำเสมอเลย
การระลึกนึกถึงภาพท่านบ่อยๆ
จะนำไปถึงจุดตรงนี้เองมีหลายท่านมาเล่าให้ฟังว่า ในเทศกาลนี้
ก่อนช่วงจะหล่อรูปเหมือนของท่าน
หลวงพ่อได้นำให้ตรึกระลึกนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ทุกวัน ทั้งวัน
แล้วก็นำไปสู่จุดเล็กใสๆ ที่ครอบคลุมความรู้ต่างๆ เหล่านั้นไว้
ได้กันเป็นจำนวนมากและก็มีความสุขมาก แม้ว่ายังไปไม่ไกลกว่านั้น
แต่ก็มีความพึงพอใจ มีความรู้สึกว่าเรื่องการเสียเวลานี่ ไม่ได้คิด
เพราะสิ่งที่ได้รับมันยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก
บางคนเป็นสิบปี สิบกว่าปีกว่าจะมาถึงจุดนี้
และก็ไม่คิดว่าจุดเล็กใสๆ
นี้จะให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนอีกทั้งมันอยู่ในตัว
อยู่ในกลางกายของเราเอง ทั้งใส ทั้งสว่างนั่ง นอน ยืน เดิน ก็เป็นสุขอยู่ภายใน
กระทั่งเห็นดวงใส เห็นดวงในดวงใสๆ เห็นกายในกายใสๆ เห็นองค์พระใสๆ
เห็นองค์พระในองค์พระใสๆ ก็ค่อยๆ เดินทางเข้าไปสู่ภายในเรื่อยๆ
ความรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯก็เพิ่มขึ้นเป็นทับทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ
คือมีความรู้สึกว่าเราจะยกย่องเทิดทูนหรือประกาศเกียรติคุณของผู้ที่บอกถ้อยคำอันประเสริฐว่า
ในตัวมีพระธรรมกาย ซึ่งเป็นกายตรัสรู้ธรรมของเราเอง เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
เราสามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีการหยุดกับนิ่ง เราจะมีความรู้สึกเทิดพระคุณท่าน
ดังนั้น ต่อจากนี้ไปก็ให้ประคับประคองใจกันไปนิ่งๆ
นุ่มๆเบาๆ สบายๆ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะ
หลวงพ่อธัมมชโย
วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2565