กายธรรมควรเทิดไว้
ในใจ
เป็นสรณะภายใน
เที่ยงแท้
กว่านี้
บ่ มีใด เทียบได้
น้อมนบท่านไว้แล้ว
ค่ำเช้า สุขเสมอ
ตะวันธรรม
มีความสุขทุกวันแม้วันตาย
อาทิตย์ที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
Link ไฟล์เสียงนำนั่งสมาธิใน youtube
ง่ายแต่ลึก 1 |EP.24| : มีความสุขทุกวันแม้วันตาย
ให้ความสำคัญกับการฝึกใจหยุดนิ่ง เพราะสิ่งที่เราทำนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตที่เรามาเกิดเป็นมนุษย์
เราควรยึดถือใครเป็นหลักในการดำเนินชีวิตก็ต้องเอาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก
ซึ่งแต่เดิมพระองค์ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเรานี่แหละ แต่ผ่านการฝึกตัวซํ้า ๆ
มาหลายภพหลายชาติ ผ่านชีวิตมาทุกระดับ เป็นมามากกว่าที่เราเป็น
และเป็นมายิ่งกว่าตัวเราได้เป็นหรือเคยเป็น
และพระองค์ก็ไม่เห็นประโยชน์อันใดที่ได้เป็นสิ่งเหล่านั้นมาในอดีต
จึงมาสู่เพศภาวะนักบวช คือ ปลีกวิเวกหาที่สงบสงัด
แล้วก็หันมาฝึกใจให้หยุดนิ่งอย่างนี้
เพราะฉะนั้น ฝึกใจหยุดนิ่งจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
นอกนั้นเป็นเรื่องรองลงมา เรื่องการทำมาหากินก็สำคัญเหมือนกัน แต่ว่ารองลงมา
เพราะเราต้องมีปัจจัย ๔ หล่อเลี้ยงสังขาร เพราะฉะนั้นทำมาหากินก็ทำไป
ฝึกใจหยุดนิ่งก็ทำไป ให้ภารกิจกับจิตใจไปคู่กัน เราต้องทำความเข้าใจกันให้ดี
ถ้าเราเข้าใจแจ่มแจ้งซาบซึ้งมันก็จะสอนตัวเองได้
แต่เดิมความรู้สึกว่าพยายามหรือฝืนที่จะทำสมาธิ
ความรู้สึกนี้มันก็จะล่มสลายไป
เพราะมีความรู้สึกว่ามันจำเป็นเหมือนลมหายใจเข้าออกที่เราต้องหายใจทุกวันเพื่อการดำรงอยู่
ชีวิตภายในก็เช่นเดียวกันจะเจริญก้าวหน้าได้ก็ต้องฝึกใจให้หยุดนิ่งอย่างสมํ่าเสมอ
เมื่อเราทราบอย่างนี้ว่าอะไรสำคัญอันดับ ๑ อันดับ ๒
แล้วการจัดระบบระเบียบของชีวิตเราก็จะดีขึ้น จะทำให้ชีวิตเราอยู่เหนือปัญหา
เหนือสิ่งแวดล้อมที่มีความทุกข์ทรมาน แล้วเราก็จะได้เข้าถึงที่พึ่งภายใน
เราพึ่งตัวเราเองได้ และเราก็จะเป็นที่พึ่งให้กับผู้อื่นได้
สังคมก็จะเกิดความสงบร่มเย็น
เราจะมีสุขทุกวันทุกคืนไปจนกระทั่งหมดอายุขัย
ซึ่งเป็นชีวิตในอุดมคติที่เศรษฐี มหาเศรษฐีต้องการ
แต่เขาขาดแคลนความรู้ตรงนี้ว่า อะไรจะทำให้เขาเกิดความพึงพอใจสูงสุด
เมื่อเขาเข้าใจว่าทรัพย์เป็นสิ่งที่จะทำให้เขาได้ความรู้สึกเช่นนั้น
เขาก็แสวงหาทรัพย์ แต่เมื่อ ได้มาแล้วก็อยากได้อีกโดยไม่มีที่สิ้นสุด
แล้วก็ไม่เจอความพึงพอใจอันสูงสุด ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขายังไม่รู้ว่า
เขายังไม่รู้อะไรเลย เขาไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ทีนี้เมื่อเราได้ถึงจุดที่เราพึ่งตัวเองได้
เราก็จะเป็นที่พึ่งกับเพื่อนมนุษย์ได้
ชีวิตเราก็จะพบกับความพึงพอใจสูงสุดทุกวันทุกคืน ซึ่งมันจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ณ
จุดที่หยุดนิ่งตรงนั้น เราจะมีความผุดรู้ มีดวงปัญญาเกิดขึ้นมาว่า
มันมีความสุขยิ่งกว่านี้ มีความนิ่งที่นิ่งกว่านี้อีก ที่เรายังไปไม่ถึง และเราต้องไปให้ถึง
ความรู้สึกนี้ก็จะจูงใจให้เราหยุดในหยุด นิ่งในนิ่งเข้าไปเรื่อย ๆ เอง
การแสวงหาก็จะทำให้เราพบนิ่งในนิ่งเข้าไป
หยุดในหยุดเข้าไปกลางในกลางเข้าไปแล้วก็จะพบสุขในสุขเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ
ความรู้แจ้งเพิ่มขึ้น ความไม่รู้ก็ค่อย ๆ หดหายไป เหมือนดวงอาทิตย์ผุดขึ้นมาในยามเช้า
แสงเงินแสงทองเกิดขึ้น ความมืดก็ค่อย ๆ หดหายไป กระทั่ง ถึงความสว่างที่สูงสุด
ความมืดก็หมดสิ้นไป นี่ก็เช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นลูกก็ต้องให้ความสำคัญกับตรงนี้นะ หยุดกับนิ่งนี่แหละสำคัญมาก ๆ
เมื่อเรามีชีวิตที่มีสุขเพิ่มขึ้นทุกวัน
อย่างนี้จะไม่เรียกว่าชีวิตในฝันหรือในอุดมคติแล้วเราจะเรียกว่าชีวิตอะไร
มีสุขทุกวันกระทั่งถึงวันที่กายมนุษย์หยาบนี้จะแตกดับไป
ซึ่งเป็นปกติธรรมดาของร่างกาย เช่นเดียวกับสรรพสิ่งทั้งหลาย
แม้ร่างกายจะแตกดับก็ไม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์ สุขแม้กระทั่งวันตาย
และตายแล้วก็ยังมีสุขเพิ่มขึ้นด้วยกายใหม่ที่ประณีตกว่ากายเดิม
เหมือนเปลี่ยนภาชนะที่เป็นกระเบื้องเก่า ๆ ผุ ๆ พัง ๆ
ไปเป็นภาชนะทองคำที่ประณีตขึ้นไปเรื่อย ๆ ชีวิตอย่างนี้ลูกทุกคนลองถามตัวเองว่า
เราไม่ต้องการหรือ ชีวิตที่มีความสุขตลอดเส้นทางกระทั่งถึงวันตาย และภายหลังจากตายแล้ว
เป็นชีวิตในอุดมคติที่มนุษย์ทั้งหลายทั่วโลกเขาไม่รู้กัน
พระอริยเจ้าท่านมีชีวิตอย่างนี้แหละ
มีสุขเพิ่มขึ้นทุกวันทุกคืนตลอดเวลา แม้ว่าสังขารจะแก่ จะเจ็บ หรือจะตาย
แก่ก็แก่ไปแต่ใจก็ยังเป็นสุข เจ็บก็เจ็บไปแต่ใจก็เป็นสุข ตายก็ตายไปแต่ใจก็เป็นสุข
สุขตลอดเลย สุขด้วยวิธีการที่ประหยัดที่สุด ที่ไม่ต้องเสียเงินทองอะไร
นอกจากเสียเท่าเดิม ที่เป็นค่าอาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า ยารักษาโรคเท่านั้น
แต่ประโยชน์ที่ได้รับมันยิ่งใหญ่เกินควรเกินคาด
เมื่อเราฝึกมาถึงในระดับหนึ่ง นั่งไปได้นาน ๆ ชั่วโมงหนึ่งแล้วมันก็เลื่อนเวลาของมันออกไปเอง
ออกไป ๒ ชั่วโมง ประเดี๋ยวเดียว เราลืมตาขึ้นมานึกว่า ๑๐ นาที
แล้วมันก็ขยับเขยื้อนเวลาไปอีก ๓ ชั่วโมง ๔ ชั่วโมง ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง ไปเรื่อย
ๆ สุขก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
นี่แหละจ้ะ เป็นเครื่องยืนยันว่า ลูกมีบุญมากที่ได้ยินเรื่องราวเหล่านี้
ในขณะที่ชาวโลกทั้งหลายไม่เคยได้ยิน แต่ว่าจะมีวาสนาหรือไม่
อยู่ที่ลูกนำไปปฏิบัติด้วยตัวของตัวเองเท่านั้น
มีบุญแล้วก็ต้องมีวาสนาที่จะน้อมนำไปปฏิบัติ เพื่อให้มันเกิดผลที่เรียกว่าปฏิเวธ
ให้มีประสบการณ์ภายใน ซึ่งใครทำแทนกันไม่ได้
เพราะฉะนั้นเวลาที่เหลืออยู่นี้ ลูกฝึกไป ฝึกใจหยุดนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ
ไม่ต้องคำนึงถึงดินอากาศฟ้า มันก็เป็นอย่างนี้ตลอดชาติ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน
เดี๋ยวหนาว หนาวแล้วก็ไปร้อน ร้อนก็ไปฝน ฝนก็ไปหนาว ก็วนเวียนกันอยู่อย่างนี้
ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะฉะนั้นก็นั่งไป ทำความเพียรกันไป ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจเข้าถึงพระธรรมกายภายในกันทุกคนนะ
วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565