เมื่อแสงสูรย์เคลื่อนคล้อย
ลาไกล
ดาวเดือนระยิบไหว ส่องหล้า
ทุกอย่างเปลี่ยนแปรไป ปกติ
กายเสื่อมทุกวันจ้า อย่าได้มัวเพลิน
ตะวันธรรม
เจริญมรณานุสติ
วันจันทร์ที่
๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
Link ไฟล์เสียงนำนั่งสมาธิใน youtube
ง่ายแต่ลึก 4 |EP.12| : เจริญมรณานุสติ
เมื่อเราบูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่วมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คน ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย
ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตัก พอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูก พอสบายๆ คล้ายๆ กับตอนที่เราใกล้จะหลับ
อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา
แล้วก็ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจให้ว่างๆ คราวนี้เราก็มาสมมติว่า
ภายในร่างกายของเราปราศจากอวัยวะ ปอด ตับ ม้าม ไต หัวใจ เป็นต้น สมมติเป็นที่โล่งๆ
ว่างๆ เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง กลวงภายใน คล้ายๆ ท่อแก้ว ท่อเพชรใสๆ
นึกถึงบุญ
คราวนี้เราก็มานึกถึงบุญทุกๆ
บุญที่เราทำผ่านมา บุญเล็ก บุญน้อย บุญใหญ่ บุญทุกชนิด
จนกระทั่งบุญล่าสุด คือ บุญกฐินสามัคคีที่ผ่านมา
กับบุญใหม่ที่เราจะถวายภัตตาหารและเครื่องไทยธรรม สังฆทาน
แด่พระเถรานุเถระทั่วประเทศ ๓,๐๐๐ วัด
รวมทุกบุญให้มากลั่นจิตกลั่นใจเราให้บริสุทธิ์ สะอาด หลุดพ้นจากนิวรณ์ธรรม
สิ่งที่เป็นข้าศึกต่อใจหยุดใจนิ่ง ต่อการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ให้ละลายหายสูญไปให้หมด ให้แปรเปลี่ยน มาเป็นดวงบุญที่ใสๆ สว่างไสว
อยู่ในศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่กลางท้อง ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒
นิ้วมือ เป็นดวงธรรมใสๆ ที่สว่างไสว อยู่ในกลางท้องของเรา
แล้วเราก็เอาใจของเราหยุดนิ่งๆ
อยู่กลางดวงใสๆ ด้วยใจที่ปลื้มปีติในบุญกุศลที่เราได้กระทำไว้ ทั้งทาน ทั้งศีล
ทั้งภาวนาเป็นต้น ทุกบุญที่เราทำไว้ จะเป็นที่พึ่งของเราทั้งในปัจจุบัน
แล้วก็ในปรโลก ตลอดจนชีวิตในสังสารวัฏ ทำใจของเราให้ปลื้มในมหาทานบารมี
ในศีลที่เรารักษา ในภาวนาที่เราได้ฝึกฝนเป็นต้น เป็นดวงบุญใสๆ ด้วยใจที่แช่มชื่น
ให้ใจใสๆ
ความตายไม่มีนิมิตหมาย
เราจะต้องไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต
เพราะความตายไม่มีนิมิตหมาย อย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเอาไว้
มันไม่มีนิมิตหมายเลยว่า เราจะไปวันไหน เวลาไหน ด้วยวิธีการใด
ชีวิตในมนุษย์สั้นนะ
บางคนก็อยู่ไม่ถึงอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ ในยุคนี้คือ ๗๕ ปี บางคนก็เท่าอายุขัยคือ
๗๕ ปี น้อยคนจะยิ่งไปกว่านี้ ๘๐ ปี ๘๐ กว่าปี ๙๐ กว่าปี ยิ่ง ๑๐๐ ปี หรือ ๑๐๐
กว่าปียิ่งหายาก นับคนได้ เพราะฉะนั้นเราไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต
เราจะต้องให้จิตของเราตามระลึกนึกถึงบุญให้ได้ตลอดทุกวัน
ทุกคืน ทุกเวลา ทุกอนุวินาที ควบคู่กับการทำมาหากินของเราในชีวิตประจำวัน
ที่หลวงพ่อให้สโลแกนเอาไว้ว่า “เศรษฐกิจกับจิตใจต้องไปด้วยกัน” เราก็ต้องทำ ๒
อย่างนี้ควบคู่กันไปแล้วก็เตรียมตัวเตรียมใจของเราให้พร้อมที่จะเดินทางไปสู่ปรโลก
อย่าเข้าใจผิดว่า
การนึกถึงความตาย จะทำให้เราหดหู่ใจ เศร้าหมอง ต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่ คิดใหม่ว่า
การระลึกนึกถึงความตาย
หรือการเจริญมรณานุสตินี้จะทำให้เราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต จะคิด จะพูด จะทำ
อย่างมีสติ พอมีสติ ก็มีปัญญา เลือกที่จะคิด เลือกที่จะพูด
แล้วก็เลือกที่จะทำทางกายวาจาใจนี้ให้เป็นทางมาแห่งบุญกุศลที่จะสั่งสมติดในศูนย์กลางกาย
ซึ่งจะนำไปใช้ตอนใกล้จะละโลกในสงครามศึกชิงภพ ปิดงบดุลชีวิต
ทำให้เราปลอดภัยในชีวิต จากโลกนี้ไปด้วยชัยชนะมีสุคติเป็นที่ไป
แล้วยิ่งเราอธิษฐานจิตว่า
จะไปอยู่วงบุญพิเศษ ที่สวรรค์ชั้นดุสิตบุรี ก็จะต้องสั่งสมบุญเอาไว้เยอะๆ
อธิษฐานจิตเอาไว้มุ่งให้แน่วแน่ไปอยู่ใกล้ๆ กัน
ตรงนั้นเป็นที่ที่เราจะพักกันชั่วคราว ก่อนที่จะลงมาสร้างบารมีใหม่ในเมืองมนุษย์
และบุญนี้ยังติดตามเราไปอีกในชีวิตของสังสารวัฏ ที่ลงมาเกิดในมนุษย์โลกจะทำให้เราปิดอบาย
เปิดประตูสวรรค์ แล้วก็ยังทำพระนิพพานให้แจ้งได้ด้วย นี่สำคัญนะลูกนะ
เพราะฉะนั้น คืนนี้ทำใจให้ใสๆ
ให้ปลื้มปีติในคุณงามความดี ที่เราได้กระทำผ่านมาเล็กบ้าง ปานกลางบ้าง ใหญ่บ้าง
เป็นทีๆ บ้าง ถี่ๆ บ้าง ให้ปลื้มใจ เป็นดวงบุญใสๆ กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์
ใสเหมือนเพชรหรือยิ่งกว่านั้น ใสเกินใส สว่างไสวอยู่ในกลางกาย ฐานที่ ๗
ให้ใจมันชุ่มอย่างนี้เลย
คืนนี้ก็เช่นเคย ใครเหนื่อย ใครง่วง
ใครเพลีย ใครตั้งใจมากเกินไปทำให้ตึงเครียด เราก็ผ่อนด้วยการให้มันหลับไปในสมาธิ
ในกลางดวงบุญที่ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ นั่น สักพักหนึ่งพอเราสดชื่น
มันก็จะตื่นขึ้นมาเอง แล้วเราก็ทำความเพียรต่อ ใครเมื่อยก็ขยับ ฟุ้งก็ลืมตา
แล้วก็เริ่มต้นว่ากันใหม่
ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในคืนนี้นะลูกนะ
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565