ลูกมีบุญที่จะเข้าถึงธรรมได้
วันพุธที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ (๑๙.๐๐ - ๒๐.๓๐ น.)
บ้านแก้วเรือนทองของคุณยาย สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย-ปรับใจ
เมื่อเราบูชาพระรัตนตรัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไป ตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพานกันทุกๆ คนนะจ๊ะ
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ
ค่อนลูก อย่าถึงกับให้ปิดสนิท เหมือนคนทำตาหยีอย่างนั้นนะ หลับพอสบายๆ คล้ายๆ
กับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตานะจ๊ะ
ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามให้ปลด
ให้ปล่อย ให้วาง ทำให้ใจว่างๆ จากอารมณ์ทั้งหลาย
นึกถึงบุญ
แล้วก็สมมติว่า
ร่างกายของเราปราศจากอวัยวะภายใน ไม่มีปอด ไม่มีตับ ไม่มีหัวใจ เป็นต้น สมมติว่า
เป็นที่โล่งๆ ว่างๆ เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรงภายใน กลวงตั้งแต่ศีรษะเรื่อยเข้าไปถึงเพดานปาก
ปากช่องคอ กลางท้อง เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง กลวงภายใน คล้ายท่อแก้วใสๆ
ให้เป็นทางไหลผ่านของกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์
ความดีงามที่เราได้สั่งสมอบรมมาตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
สร้างบุญบารมีเรื่อยมา ทั้งทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ
อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาบารมี สร้างมานับภพนับชาติไม่ถ้วน จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
รวมกับอานุภาพอันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย
คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ และพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบิดามารดา ครูบาอาจารย์
รวมเป็นกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์ ไหลผ่านกลางท่อแก้วใสๆ ภายในกายของเรา
กระแสธารแห่งความบริสุทธิ์จะมีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพมาก
ขจัดสิ่งที่เป็นมลทินของใจเราให้หมดสิ้นไปได้ ตั้งแต่ความโลภ ความโกรธ
ความหลง อุปกิเลสทั้งหลาย นิวรณ์ทั้ง ๕ วิบัติ บาปศักดิ์สิทธิ์ วิบากกรรม วิบากมาร
อุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิต ทุกข์ โศก โรค ภัย สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ
ให้ละลายหายสูญไปให้หมด เหลือแต่ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของใจ
ที่บังเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ความบริสุทธิ์เบื้องต้น
ที่มีความใสคล้ายกับเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิ ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว
กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาด พระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ปรากฏเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกาย
ฐานที่ ๗
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗
สำหรับท่านที่มาใหม่
ไม่รู้จักศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ก็สมมติ หยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง
จากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง ให้เส้นด้ายตัดกันเป็นกากบาท
จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม ให้สมมติเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางมาวางซ้อนกัน
และนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสองสูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
ตรงนี้แหละเรียกว่า
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อใจของเราหยุดนิ่งสนิทได้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
จึงจะเห็นฐานที่ ๗ ได้
เพราะฉะนั้น
จำง่ายๆ ว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ หรือจำให้ง่ายกว่านั้นเข้าไปอีก จะได้ไม่กังวลว่าสูงจากสะดือขึ้นมา ๒
นิ้วมือ ให้กำหนดไปว่า อยู่ในกลางท้อง ในตำแหน่งที่เราพึงพอใจ มีความรู้สึกมั่นใจว่า
ตรงนี้แหละ คือ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จำแค่นี้นะจ๊ะ
บริกรรมนิมิต
ดวงใสๆ
แห่งความบริสุทธิ์เบื้องต้น อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
อย่างใหญ่ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน บังเกิดขึ้นที่ตรงนี้แหละ กลางท้อง
ในตำแหน่งที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
ลักษณะกลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว
ใส บริสุทธิ์ เหมือนเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วน ไม่มีไฝฝ้า ไร้มลทิน ใส
บริสุทธิ์ ให้เอาใจของเราที่แวบไปแวบมา มาหยุดอยู่ที่กลางดวงใสๆ
ให้ตรึกนึกถึงดวงใส เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของดวงใสๆ
ตรึก คือ การนึกถึงดวงใสๆ อย่างสบายๆ คล้ายๆ
กับเรานึกถึงสิ่งที่เรารัก เราคุ้นเคยที่เราเห็นจนเจนตาอย่างนั้น
ไม่ใช่เป็นการเพ่งลูกแก้ว ไม่ใช่ไปจ้องหรือไปเค้นภาพลูกแก้วให้ทะลักออกมาจากกลางท้อง
ให้นึกให้สบายๆ อย่างนี้ ถึงจะเรียกว่า ตรึก
เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของดวงใสๆ
ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ เรื่อยไปเลย อย่าเผลอนะจ๊ะ อย่าให้เผลอไปคิดเรื่องอื่น
แต่ถ้าอดเผลอไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ดึงใจกลับมาเริ่มต้นใหม่ อย่างง่ายๆ
ตรึกนึกถึงดวงใส
หยุดอยู่กลางดวงใส ทำอย่างนี้ แค่นี้ เท่านั้น ให้ได้ตลอดไปเลย แต่ว่าเราทำอย่างนี้แล้ว
ใจยังอดที่จะแวบไปคิดเรื่องอื่นไม่ได้ ก็ให้ประกอบบริกรรมภาวนาในใจ ให้เป็นเสียงของความละเอียดอ่อน
ที่อยู่ในสำนึกลึกๆ ดังออกมาจากกลางดวงใสๆ ที่อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
บริกรรมภาวนา
ภาวนาในใจว่า
สัมมาอะระหังๆๆ ตรึกนึกถึงดวงใส
ใจหยุดไปในกลางดวงใสๆ สัมมาอะระหังๆ ภาวนาไปอย่างสบายๆ ไม่ช้า ไม่เร็วเกินไป
เอาพอดีๆ ที่เรามีความรู้สึกว่า สบาย ทุกครั้งที่ภาวนา สัมมาอะระหัง จะต้องไม่ลืมตรึกนึกถึงดวงใส
หยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ นะจ๊ะ ทำอย่างนี้ แค่นี้เท่านั้น จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง
เวลาใจหยุดนิ่ง
มันจะทิ้งคำภาวนาไป จะมีอาการคล้ายๆ กับเราลืมคำภาวนา สัมมาอะระหัง แต่ใจไม่ได้ไปคิดเรื่องอื่นเลย
มันนิ่งๆ อยู่ในกลางดวง หรือเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากจะภาวนาต่อไป
อยากจะวางใจนิ่งเฉยๆ อยู่ที่กลางดวงใสๆ ถ้าเกิดความรู้สึกอย่างนี้ก็ไม่ต้องย้อนกลับมาภาวนาใหม่
ให้รักษาใจหยุด ใจนิ่งๆ อยู่ที่กลางดวงใสๆ อย่างนี้เรื่อยไป
แม้ว่าเราจะกำหนดเห็นได้ไม่ชัดเจน
หรือชัดเจนไม่มาก หรือชัดเจนมากก็ตาม เมื่อใจหยุดดีแล้ว ไม่ต้องประกอบบริกรรมภาวนา
หยุดนิ่งอยู่ในกลางดวง ที่เราเห็นคุ่มๆ ค่ำๆ บ้าง เห็นรัวๆ รางๆ ก็ไม่เป็นไร
หรือไม่เห็นเลย นึกไม่ออก ก็ไม่ต้องไปนึก วางใจนิ่งเฉยๆ อย่างสบายๆ ทำใจให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ตรึกไปเรื่อยๆ
วิธีแก้ไขอุปสรรคในการปฏิบัติธรรม
ถ้าหากว่าง่วง
คือ ใจเราสู้ แต่สังขารมันไม่อำนวย มันอยากจะพัก เพราะเราเดินทางไกลมา
เหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน ถ้าง่วงก็ปล่อยให้หลับ แต่หลับอยู่ตรงศูนย์กลางกาย
ฐานที่ ๗ แบบบัณฑิต แบบนักปราชญ์นะจ๊ะ ถ้าง่วงก็ให้หลับอย่างนี้
ถ้าเมื่อยก็ขยับแข้ง
ขยับขา แต่อย่าให้เกิดเสียงดังจนกระทั่งสะเทือนคนที่นั่งข้างๆ ถ้าฟุ้งก็ภาวนา สัมมาอะระหัง
หรือลืมตา ลืมตามาดูคุณยายก็ได้ พอรู้สึกว่ามีความพร้อม อยากจะนั่งต่อ
อยากจะหลับตา เราก็หลับตา เริ่มต้นกันใหม่
จำง่ายๆ
ว่า ถ้าง่วงก็ปล่อยให้มันหลับ ถ้าเมื่อยก็ขยับ ถ้าฟุ้งก็ลืมตา แล้วเราก็ว่ากันใหม่
ทำอย่างนี้ แค่นี้ เท่านั้น ถ้าไม่หลับเลยจะดีที่สุด แต่ถ้าหากจำเป็นต้องหลับ
ก็ปล่อยให้หลับ อย่าไปฝืนมันนะลูกนะ อย่าฝืน ปล่อยมันไป ฝืนแล้วมันมึนศีรษะ แล้วจะเบื่อหน่ายต่อการนั่ง
หลับได้หลับไป เราเฉย
หลับในกลางกาย
บุญก็จะไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ไม่มาก แต่ก็ยังมีส่วนแห่งบุญที่เกิดขึ้น
จะกลั่นกาย วาจา ใจของเรา ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ไปเรื่อยๆ จนเรารู้สึกว่ากายและใจเริ่มสดชื่น
เหมือนเราตื่นจากหลับ เราก็เริ่มต้นฝึกใหม่ วางใจศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ที่เดิมอย่างเบาๆ
สบายๆ
ตอนที่จะหลับกับเวลาที่จะเห็นธรรมะมันคล้ายๆ
กัน แต่หลับนี่มันขาดสติ แต่เวลาใจหยุดนี่มันมีสติสมบูรณ์ ต่างกันตรงนี้แหละ
แต่อารมณ์คล้ายๆ กัน คือ ต้องละเอียดอ่อน ค่อยๆ เคลิ้มๆ ละเอียดอ่อนอย่างนั้น
ถ้ารักษาสติได้
คือ มีสติ มีความรู้ตัว ระลึกถึงศูนย์กลางกายได้ เดี๋ยวก็วูบ ถูกดูดเข้าไป
เห็นดวงใสๆ สว่างไสว ที่มาพร้อมกับความสุข ความสบาย ความเบิกบาน ความแช่มชื่น ตื่นตัวภายใน
รู้สึกว่าระบบประสาทกล้ามเนื้อของเรามีชีวิตชีวา เหมือนอยู่ในแหล่งแห่งความสดชื่น
แหล่งแห่งความสุข
มันจะสดชื่นไปทั้งเนื้อทั้งตัว
ตั้งแต่เส้นผมบนศีรษะถึงพื้นเท้าโดยรอบเลย จะสดชื่นหมดทั้งระบบประสาท อวัยวะภายใน กล้ามเนื้อ
ผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็นต่างๆ สดชื่นเบิกบาน เกิดความพึงพอใจ อยากอยู่กับอารมณ์นี้นานๆ
เพราะเป็นอารมณ์ที่ใส เยือกเย็น อยู่แล้วเป็นสุข เพราะอยู่เย็นสบาย เป็นอย่างนี้ทีเดียว
แล้วจะเป็นกำลังใจให้เราอยากจะนั่งอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งหยุดไปถูกส่วน
แล้วจะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายใน เพื่อมุ่งที่จะไปให้ถึงที่พึ่งที่ระลึกภายใน คือ พระรัตนตรัย ได้แก่ พุทธรัตนะ
ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ที่อยู่ภายในตัวของเรา จะเคลื่อนไปตรงนั้น จำง่ายๆ
คือจะเคลื่อนไปเพื่อให้ถึงธรรมกายนั่นเอง ใจจะใส จะเบิกบาน จะแช่มชื่น
ทำอย่างนี้นะลูกนะ
ลูกทุกคนมีบุญที่จะเข้าถึงธรรมได้
ลูกทุกๆ
คน มีบุญมาก มากพอที่จะเข้าถึงพระธรรมกาย เพราะชาติที่ผ่านๆ มา ลูกทุกคนได้เข้าถึงอยู่แล้ว
แต่พอเรามาเกิด เราไม่รู้เรื่อง เกิดใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องราว
เกี่ยวกับเรื่องของชีวิต แล้วก็ลืมเรื่องเก่าไปเสียแล้ว ถูกอวิชชาบดบังเอาไว้
พอเริ่มเจริญเติบโตก็ถูกโลกหล่อหลอมให้ใช้ความคิด
ตอนเล็กๆ ก็คิดน้อยๆ พอโตขึ้นก็คิดมากขึ้น พอเริ่มวัยเรียนก็คิดเรื่องเรียน วัยรุ่นก็เรื่องเรียนด้วย
เรื่องรักด้วย อยากลองโน่นลองนี่ วัยหนุ่มวัยสาวก็อยากจะครองเรือน พอครองเรือนไปแล้วก็ต้องคิดเรื่องแก้ปัญหา
ทั้งตัวเราและครอบครัว คิดเรื่องทำมาหากิน มีปัญหา มีแรงกดดันสารพัด
ต้องประคองชีวิตให้อยู่รอด
จนกระทั่งถึงวัยชราก็คิดเรื่องสุขภาพ
ความเสื่อมของร่างกาย คอยแก้ไขอยู่ตลอด คิดเรื่อยมาเลย คิดห่วงโน่น ห่วงนี่
ห่วงลูกห่วงหลานกันไป ใจมันก็วิ่ง ไม่มีหยุดนิ่งเลย
ไปตามความทะยานอยากของเราที่ยังขาดปัญญาบริสุทธิ์ ความรู้มันไม่สมบูรณ์
อยากจะหาความสุข อยากจะหาวิธีแก้ไขปัญหาและแรงกดดัน
อยากจะแสวงหาความสมบูรณ์ของชีวิต
เพราะฉะนั้น
จิตก็ไม่ได้ว่างจากความคิด ใจก็เริ่มห่างเหินจากที่ตั้งดั้งเดิม คือ
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จึงไม่เจอความสุข จึงไม่เจอความสำเร็จในชีวิต
จึงไม่เจอหนทางสายกลางภายใน จึงไม่เจอพระรัตนตรัยในตัว ไม่เจอที่พึ่งที่ระลึก ทั้งๆ
ที่เราเคยทำได้มาตั้งแต่ภพชาติในอดีตแล้ว
พอบุญเก่าตามมาทัน
ก็ดึงดูดให้มาได้ยินได้ฟังเรื่องราวของธรรมกาย ได้ทดลองปฏิบัติ ได้รับคำแนะนำว่า ต้องหยุด คือ หยุดใจจากความอยากทั้งหลาย อยากได้
อยากมี อยากเป็นอะไรต่างๆ เหล่านี้ หยุดหมด หรือไม่อยากจะเป็นโน่นเป็นนี่ แต่เขาอยากให้เราเป็น
มันยุ่ง หยุดจนกระทั่งถึงจุดที่ปลอดความคิด พอปลอดความคิดได้ เราก็จะเข้าถึงดวงธรรมภายใน
แล้วก็จะเข้าถึงพระธรรมกายภายใน
ลูกทุกคนมีบุญบารมีที่สั่งสมมากันอย่างดีแล้ว
ให้ทำใจหยุดนิ่งๆ เฉยๆ อย่างสบายๆ ให้ใจบริสุทธิ์ ให้ใจเป็นกุศล
ไม่ต้องไปคิดเรื่องอะไรเลย นิ่งๆ เฉยๆ เดี๋ยวคุณยาย พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ
ที่ท่านคอยดูแลเราอยู่ ทั้งพระนิพพาน ท่านก็จะลงแก้ไข ให้ใจเราใส
ให้ใจเราบริสุทธิ์ ให้ใจเราหยุด ให้ใจเรานิ่ง ให้ใจเราดิ่งเข้าไปสู่ภายใน
ให้ใจเราได้เข้าถึงธรรมและถึงพระรัตนตรัยในตัวได้ เพราะฉะนั้น หยุดนิ่งเฉยๆ
นะลูกนะ อย่างสบายๆ อย่าทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้ ต่างคนต่างทำกันไปเงียบๆ นะลูกนะ
อธิษฐานจิต
คราวนี้ให้เรานึกถึงบุญที่เราได้ปฏิบัติธรรมมา
หรือบุญที่ได้จากการปฏิบัติธรรมในวันนี้ ซึ่งมีอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ไพศาล เป็นทางไปสู่มรรคผลนิพพาน
นึกถึงบุญนี้ แล้วเราก็ตั้งอธิษฐานจิตว่า
ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่เกิดจากธรรมปฏิบัตินี้
ให้เราชีวิตมีแต่ความสุข มีแต่ความเจริญ ให้มีความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ
ธาตุธรรมเห็น จำ คิด รู้ของเรา ให้เราได้สร้างบารมีได้ตลอดรอดฝั่ง
สร้างเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกวันทุกคืน ทุกอนุวินาที ให้เรามีกำลังใจในการสั่งสมบุญบารมี
ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่มีวันถดถอยลงมาเลย
ให้เราได้รู้แจ้ง
เห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมอันใดที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ และคุณยายอาจารย์ได้บรรลุ ขอเราจงบรรลุธรรมนั้น อย่างสะดวกสบาย
อย่างง่ายดาย อย่างถูกต้องร่องรอย ตรงไปตามความเป็นจริงทุกประการ
เราจะปฏิบัติธรรมด้วยความบริสุทธิ์
บริบูรณ์แห่งชีวิตของเรา ไม่ใช่เพื่อความอยากเด่น อยากดัง
หรือต้องการให้ใครมายกย่องสรรเสริญ หรือปรารถนาลาภสักการะ แต่เรามุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อทำความบริสุทธิ์ของเราให้ยิ่งขึ้นไป
จิตยิ่งสะอาด ยิ่งบริสุทธิ์ จะยิ่งมีความสุข มีปัญญาบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น
รู้เห็นอะไรไปตามความเป็นจริง
จะทำให้เราดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง
สมบูรณ์ มีความสุขตลอดเส้นทางในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของชีวิตก็ยังมีความสุข
แม้จะเป็นคนป่วยที่อยู่บนเตียงก็ตาม แต่จะป่วยอย่างองอาจ สง่างาม ป่วยแต่เพียงร่างกาย
แต่จิตใจองอาจ สูงส่ง มีความสุข อยู่ในบุญกุศล อยู่ในธรรม
อยู่ในพระธรรมกายที่สุกใสสว่าง
เมื่อละโลกไปแล้วจะมีความสุขในสัมปรายภพ
เข้าไปเป็นสหายแห่งเทวดา แห่งชาวสวรรค์ เมื่อเราปรารถนาจะไปสวรรค์ชั้นดุสิต วงบุญพิเศษ
เป็นแหล่งรวมผู้มีบุญทั้งหลายที่ได้สั่งสมบุญเป็นอันมาก ซึ่งเต็มไปด้วยพระอริยเจ้า
พระบรมโพธิสัตว์ที่เป็นนิยตโพธิสัตว์ ที่เป็นอนิยตโพธิสัตว์ เราก็ต้องสั่งสมบุญให้มากๆ
เหมือนท่านเหล่านั้น แล้วจะขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว
ทางลัดก็
คือ ทำดวงใสๆ ให้ปรากฏ ชัดแจ่ม อยู่ในกลางกาย
อย่างน้อยต้องได้ดวงใสๆ ยิ่งได้พระธรรมกายก็หายห่วง ไปสวรรค์ชั้นดุสิต
วงบุญพิเศษได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีใครไปนำส่ง
อย่างนี้เราจะเกิดความปีติ
และภาคภูมิใจในตัวของเราเอง เราจะเคารพรักตัวของเราเอง มีความภาคภูมิใจที่ไม่มีวันสิ้นสุด
แล้วก็จะตอบคำถามของชาวสวรรค์ได้ ด้วยความปีติเบิกบาน ด้วยความองอาจทีเดียว
เพราะฉะนั้น ต้องได้ดวงหรือองค์พระใสๆ นะลูกนะ
ด้วยอานุภาพแห่งบุญในวันนี้
ขอให้เราได้มีสมบัติใหญ่ตักไม่พร่อง เอามาไว้ใช้สร้างบารมีอย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น
ให้สมบัติไหลมาเทมาทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน ให้หมดหนี้สิน
เหลือกินเหลือใช้ เหลือไว้สร้างบารมี
ให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง
อายุยืนยาวเป็นร้อยปี หรือร้อยยี่สิบปีเหมือนมหาอุบาสิกาวิสาขา หรือเหมือนพระพากุละ
อายุร้อยหกสิบปี อธิษฐานไว้ให้เรามีอายุยืนยาว เพื่อเราจะได้สร้างบารมีได้ไปนานๆ เรานึกอธิษฐานให้มันสูงๆ
เอาไว้เวลาหล่นมาก็จะหล่นมากลางๆ
จะประกอบธุรกิจการงานอันใด
ก็ให้ประสบความสำเร็จเป็นอัศจรรย์ จะทำงานส่วนตัว ทำมาค้าขาย อะไรที่เป็นสัมมาอาชีวะ
ก็ให้ประสบความสำเร็จเป็นอัศจรรย์ จะขายขนม ขายอาหาร ขายผลไม้ เสื้อผ้า ที่ดิน
บ้านช่อง รถรา โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
อะไรที่นอกเหนือจากนี้
ให้ซื้อง่าย ขายคล่อง กำไรงาม เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ให้สมบัติไหลมาเทมา
ทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน ให้ใจเราแจ่มใส
มีความสุขกาย สุขใจ
หากทำงานบริษัทห้างร้าน
หรือรับราชการก็ดี ให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ให้ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานทุกระดับชั้น
ตั้งแต่ผู้ใต้บังคับบัญชา ไปจนกระทั่งถึงผู้บังคับบัญชา
จะศึกษาเล่าเรียนก็ให้เป็นบัณฑิต เป็นนักปราชญ์ แทงตลอดทุกศาสตร์ทุกชาติ ให้เราได้สร้างบารมีให้ยิ่งขึ้นไป
จะครองเรือนก็ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
เป็นครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกาย ครอบครัวตัวอย่างของโลก ให้เป็นที่รักของมนุษย์
ของเทวดาทั้งหลาย จะค้าขายอะไรตั้งแต่ไม้จิ้มฟันจนกระทั่งเพชรพลอยให้ขายได้เป็นอัศจรรย์
เทน้ำเทท่า สมบัติหลั่งไหลมา เหมือนฝนตกลงมาในจักรวาลที่ไม่มีลมพายุต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ให้สายสมบัติเชื่อมโยงมาสู่ตัวของเรา
จะไปทำหน้าที่ผู้นำบุญ
ยอดกัลยาณมิตร ให้มีบุญพิเศษ พูดจากับใครให้ชนะคนหมด ให้ถูกอกถูกใจถูกพระทัยมนุษย์ทุกๆ
คน ใครได้ยินได้ฟังก็ให้เกิดความปีติเลื่อมใส เกิดกุศลศรัทธา มาสร้างบารมีร่วมกันกับเรา
จะเดินทางไกลให้ปลอดภัย ให้บุญหล่อเลี้ยงรักษา ให้เทวดา พรหม อรูปพรหม
พระนิพพานรักษา ให้ได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมในทุกสถานที่
ถ้าหากเป็นบรรพชิต
ก็ให้สมบูรณ์ไปด้วยปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เทศนาไพเราะเบื้องต้น ท่ามกลาง
เบื้องปลาย บริสุทธิ์บริบูรณ์ทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ เป็นครูเขา อาจารย์เขา ศาสนาใดๆ
ก็ให้แพ้ภัย แพ้อำนาจไปให้หมด
ใครได้ยินได้ฟังธรรมก็ให้เกิดความปีติ
เกิดความเลื่อมใส ขนพองสยองเกล้า ให้ดีอกดีใจ ได้เข้าถึงพระธรรมกายภายในกันทุกคนเลย
ให้เราได้บวชได้ตลอดรอดฝั่ง จนกระทั่งหมดอายุขัย ไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
เราจะปรารถนาอะไรก็ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ทีเดียว
อุทิศส่วนกุศล
แผ่เมตตา
ขอบุญที่เกิดจากธรรมปฏิบัติในวันนี้
ให้ถึงแก่บรรพบุรุษของเราที่ละโลกไปแล้ว บุพการีของเรา ญาติสนิทมิตรสหายสัมพันธชน
มีบิดามารดา ปู่ย่าตายายของเรา เป็นต้น ให้ได้มีส่วนแห่งบุญที่เราได้อุทิศไปในวันนี้
ขออาราธนาพระธรรมกายของพระพุทธเจ้า
พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระผู้ปราบมาร และคุณยายอาจารย์ของเรา
นำบุญนี้ไปให้แก่บุพการี บรรพบุรุษ หมู่ญาติสนิทมิตรสหายของเราเหล่านั้น
ที่มีทุกข์มากก็ให้ทุกข์น้อย ที่มีทุกข์น้อยก็ให้พ้นทุกข์ ที่มีสุขน้อยก็ให้สุขมาก
ที่มีสุขแล้วก็ให้มากยิ่งขึ้น
และให้บุญนี้ถึงแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ
ที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ใน ๓๑ ภูมิ ในกำเนิดทั้ง ๔ ในกามภพ รูปภพ อรูปภพ
ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล
ให้ได้รับบุญที่เราได้อุทิศแบ่งปันไปนี้
ให้ได้อนุโมทนาสาธุการ และป่าวประกาศกันต่อๆ กันไป ให้รับรู้ รับเห็น เป็นพยาน
อนุโมทนาสาธุการกันหมดทุกๆ คน
ให้บุญนี้
ดลบันดาลให้ประเทศไทยของเราเป็นปิ่นนานาประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำก็ให้รุ่งเรือง ประเทศชาติ
ศาสนา พุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติ ให้เป็นที่พึ่งต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
พุทธบริษัททั้ง ๔ ก็ขอให้สามัคคี กลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
วิชชาธรรมกายให้เป็นที่ปรากฏแก่มวลมนุษยชาติ
ทุกชาติ ทุกภาษา ไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ใด
ที่มีธรรมกายอยู่ในกลางกาย ก็ขอให้เขาได้เข้าถึงธรรมกายกันหมดทุกๆ คน
ให้อยู่เย็นเป็นสุข ให้ทำมาค้าขึ้น ให้เจริญรุ่งเรือง
ให้ประเทศชาติ
ศาสนา วิชชาธรรมกาย สถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้ปกครองประเทศ ทุกคนเลย ทั้งรัฐบาล
ท่านสว. ต่างๆ เหล่านั้น ให้อยู่เย็นเป็นสุข มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
จิตใจเบิกบานสว่างไสวในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ให้มีดวงปัญญากว้างไกลที่จะแก้ไขปัญหาของปวงชนชาวไทยได้
ให้มีความสามัคคีกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ช่วยกันสนับสนุนยกประเทศไทยของเราให้เป็นปิ่นนานาประเทศ
และให้ลูกทุกคนที่อยู่ภายในประเทศ
ทั่วประเทศ และที่อยู่ต่างประเทศทั่วโลกที่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรมกัน
ทุกวันทุกคืนก็ให้มีความสุข มีความเจริญ
ประสบความสำเร็จในชีวิตในธุรกิจการงานและสิ่งที่พึงปรารถนา ให้มีดวงตาเห็นธรรม
เข้าถึงพระธรรมกายกันทุกๆ คน
วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565