กิเลสประจำกายและวิธีแก้
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ (๑๙.๐๐ - ๒๑.๐๐ น.)
บ้านแก้วเรือนทองของคุณยาย สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
เมื่อเราได้บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่วมุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพานกันทุกๆ คนนะลูกนะ
ให้นั่งขัดสมาธิโดยเอาขาขวาทับขาซ้าย
มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
วางไว้บนหน้าตัก พอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูก พอสบายๆ
คล้ายๆ กับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตานะจ๊ะ
วางใจ
แล้วก็ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจให้ว่างๆ นะจ๊ะ
คราวนี้เราก็มาสมมติว่า ภายในร่างกายของเราปราศจากอวัยวะ
สมมติให้เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง เป็นที่โล่งๆ ว่างๆ กลวงภายใน คล้ายๆ ท่อแก้ว
ท่อเพชรใสๆ
เส้นทางสายกลาง
ความจริงมันก็เป็นอย่างนั้นด้วย
ภายในกายของเรามันเป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรงลงไปจริงๆ เราจะเห็นไปตามความเป็นจริงอย่างนี้ได้
ก็ต่อเมื่อใจของเราหยุดได้สนิทติดกลางศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นั่นแหละ
มันจะเป็นปล่อง
เป็นช่อง เป็นโพรงไปเลย กลวงภายใน คล้ายๆ ท่อแก้ว ท่อเพชรใสๆ ซึ่งมีดวงธรรมซ้อนกันอยู่
ตั้งแต่ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน หรือดวงปฐมมรรค ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา
ดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ
แล้วก็จะเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด
ซึ่งเหมือนกับตัวเราที่เป็นเจ้าของ ท่านหญิงเหมือนท่านหญิง ท่านชายเหมือนท่านชาย
นั่งขัดสมาธิ เจริญสมาธิภาวนา หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา
แล้วในกลางนั้น
ก็จะมีดวงธรรมในนั้นแหละ ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ
ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ แล้วก็มีกายในกายซ้อนกันอยู่ กายทิพย์หยาบ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหมหยาบ
กายรูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหมหยาบ กายอรูปพรหมละเอียด กายธรรมโคตรภูหยาบ กายธรรมโคตรภูละเอียด
กายธรรมพระโสดาบันหยาบ-ละเอียด
หน้าตัก ๕ วา สูง ๕ วา
กายธรรมพระสกิทาคามีหยาบ-ละเอียด หน้าตัก ๑๐ วา สูง ๑๐
วา
กายธรรมพระอนาคามีหยาบ-ละเอียด หน้าตัก ๑๕ วา สูง ๑๕ วา
กายธรรมอรหัตหยาบ-ละเอียด หน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา
ระหว่างกายก็จะมีดวงธรรมชุดหนึ่ง
๖ ดวง คั่นกันอยู่
๖
ดวงนี่สำคัญนะจ๊ะ ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ๕
ดวง ซึ่งจะถึงได้ก็ต้องผ่านดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวลาใจละเอียดแล้วมันจะเห็น แบ่งเป็น ๒ ซีก ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ซีกหนึ่ง ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะอีกซีกหนึ่ง
ที่เวลาขจัดกิเลสอาสวะ มันจะแบ่งกัน เรื่องมันละเอียดลึกซึ้ง ลึกมาก ละเอียดมากทีเดียว
เพราะฉะนั้น
จริงๆ แล้วมันกลวงอยู่ข้างใน มีดวงมีกายดังกล่าวนั่นแหละ สลับกัน สลับระหว่างดวงกับกาย
ไปจนถึงที่สุด
กิเลสที่ห่อหุ้มกาย
กิเลส เวลามันหุ้ม
หยาบก็หุ้มกายที่หยาบกว่า กิเลสละเอียดก็หุ้มกับกายที่ละเอียดกว่าเป็นชั้นๆ เข้าไป
อย่างเช่น
กายมนุษย์หยาบ
มีอภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ หุ้มเห็น หุ้มจำ หุ้มคิด หุ้มรู้ ธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้
หุ้มเคลือบ เอิบอาบ ซึมซาบ ปนเป็นอยู่ในนั้น
กายทิพย์ก็จะมีกิเลสในตระกูลโลภะ
โทสะ โมหะเหมือนกัน อภิชฌาก็ตระกูลของโลภะ
พยาบาทตระกูลโทสะ มิจฉาทิฏฐิตระกูลโมหะ พอละเอียดเข้าไป
ชื่อเรียกก็เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ที่หุ้มกายทิพย์
ก็มี โลภะ โทสะ โมหะ
พอหุ้มกายรูปพรหมหยาบ-ละเอียด
ก็เป็น ราคะ โทสะ โมหะ
พอหุ้มกายอรูปพรหมก็จะเป็น กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย อวิชชานุสัย
กิเลสตระกูลเดียวกัน
แต่ละเอียดเข้าไปเรื่อยๆ ชื่อเรียกก็แตกต่างกันไป
แล้วตั้งแต่กายธรรมโคตรภู
กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกิทาคามี กายธรรมพระอนาคามี สังโยชน์ จะเข้าไปบังคับอยู่ตรงกลาง ดำมืดเลย
เป็นจุดดำๆ มืดๆ ซ้อนบังคับอยู่ในกายธรรมโคตรภู ตั้งแต่ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลพัตปรามาส
อะไรอย่างนั้น เป็นต้น เรื่อยไปเลย จนกระทั่งถึง อวิชชา
ที่บังคับอยู่ในกายธรรมพระอนาคามี เป็นชั้นๆๆ เข้าไป
ตั้งแต่พระอนาคามีลงมา บังคับหมด
เหลือแต่กายธรรมอรหัตเท่านั้น ที่เขาบังคับไม่ได้ นี่เป็นของฝ่ายบาป ที่ทำให้ใจเราเศร้าหมอง
ไม่บริสุทธิ์ ทั้งทางความคิด คำพูด และการกระทำ แต่ก็จะมีของฝ่ายบุญไว้แก้กัน
เครื่องแก้ของฝ่ายบุญ
เครื่องแก้ของฝ่ายบุญ ฝ่ายพระ ฝ่ายกุศล
ทาน ศีล ภาวนา
ไว้แก้ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ
ศีล สมาธิ
ปัญญา ไว้แก้ โลภะ โทสะ โมหะ
อธิศีล อธิจิต
อธิปัญญา ไว้แก้ ราคะ โทสะ โมหะ
ปฐมมรรค
มรรคจิต มรรคปัญญา ไว้แก้ กามราคานุสัย ปฏิคานุสัย วิชชานุสัย
แล้วก็มีกายธรรม
คือ ดวงธรรมที่ทำให้เป็นโคตรภู พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี ซ้อนกันอยู่
คอยกลั่นแก้กันไป เพราะฉะนั้นมันซ้อนกันอยู่ข้างใน แล้วเวลาเขาขจัดกิเลสอาสวะ มันก็ขจัดกันเป็นชั้นๆ
เรื่องมันลึกทีเดียว ยากสักนิดหนึ่งนะจ๊ะ หลวงพ่อพูดฟังผ่านๆ หูไปก็แล้วกัน
ในภูมิของวิปัสสนา
มันจะต้องเห็นขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ อริยสัจ ๔ ปฏิจจสมุปบาท นี่เห็นด้วยกายธรรม
เป็นชั้นๆ เข้าไป แล้วเวลาแก้กิเลสในกายมันหลุดไปเลย พอหลุดหมด
กายจะตกศูนย์ เป็นชั้นๆ เข้าไป นี่มันกลวงเข้าไปตลอดอย่างนี้
หยุดเป็นตัวสำเร็จ
ทีนี้เราจะทำให้มันกลวงได้
มันขึ้นอยู่กับหยุดกับนิ่ง ถ้าเราหยุดนิ่งได้ เดี๋ยวใจก็ใส ใจก็ละเอียด สว่าง สงบ
กลวงข้างในเลย หยุดกับนิ่ง หยุดจึงเป็นตัวสำเร็จตรงนี้ ซึ่งลูกทุกคนจะต้องฝึกฝนให้ได้ ฝึกให้ได้
ประคองให้ได้
ทำทั้งวัน มีเวลาเมื่อไรก็เป็นทำ
ควบคู่กับการประกอบสัมมาอาชีวะของเรา จนกระทั่งอินทรีย์มันแก่กล้า ใจก็จะใสๆ เข้าไปเรื่อยๆ
หยุดเข้าไปเรื่อยๆ ฝึกบ่อยๆ ทำบ่อยๆ ใจก็จะคุ้นเคยกับเส้นทางสายกลางภายใน
เพราะฉะนั้น ต้องมีความเพียร ต้องขยัน แล้วก็หมั่นสังเกต ทำให้ถูกหลักวิชชา
ที่ได้แนะนำทุกวันที่ผ่านมานั่นแหละ ฝึกหยุด ฝึกนิ่ง ฝึกให้ใจใสๆ อย่าให้หมองได้
ให้ใสทุกวันเลย
วิธีแก้อุปสรรคในการปฏิบัติธรรม
คืนนี้ก็เช่นเคย
ใครเหนื่อย ใครง่วง ใครเพลีย ใครตึง ใครเครียด
ก็ปล่อยให้มันหลับอยู่ในศูนย์กลางกายในกลางท้องของเรา ใครเมื่อยก็ขยับ ขยับเบาๆ
อย่าให้สะเทือนคนข้างเคียงเขา ใครฟุ้งหยาบก็ลืมตา ลืมตามาดูดวงแก้ว องค์พระ คุณยาย
หลวงปู่ พอใจใส ใจสบายแล้วก็ค่อยๆ หรี่ตาหลับไป หลับเบาๆ สบายๆ
แต่ถ้าฟุ้งละเอียด ไม่ต้องลืมตา
เพราะเป็นความฟุ้งที่เราคุมได้ ถ้ามันมาเป็นภาพ เราก็นึกถึงดวงใสๆ หรือองค์พระใสๆ
ถ้ามาเป็นเสียง เราก็ภาวนา สัมมาอะระหัง ไป ประคองไปเรื่อยๆ
เดี๋ยวความฟุ้งนั้นก็จะหมดไปเอง
พอถูกส่วน
ใจก็หล่นวูบเข้าไป ฐานที่ ๖ ก็จะไปยกเอาดวงธรรม ที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หยาบขึ้นมา
เป็นดวงใสบริสุทธิ์ โตเท่ากับฟองไข่แดงของไก่นั่นแหละ ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
หรือดวงปฐมมรรค เราก็หยุดนิ่งต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จะเข้าถึงดวงธรรมในดวงธรรม
กายในกายเข้าไปเรื่อยๆ
ให้ลูกทุกคนสมหวังดั่งใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในคืนนี้ทุกๆ
คนนะจ๊ะ ต่างคนต่างทำกันไปเงียบๆ
วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565