ฝึกใจหยุดนิ่งอย่างสบาย
วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ (๑๙.๐๐ - ๒๐.๑๕ น.)
บ้านแก้วเรือนทองของคุณยาย สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย-ปรับใจ
เมื่อเราบูชาพระรัตนตรัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะจ๊ะ
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูก
อย่าถึงกับปิดสนิท พอสบายๆ คล้ายๆ ตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา
อย่ากดลูกนัยน์ตานะ
ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจให้ว่างๆ
นึกตัวเราเป็นท่อธารแห่งบุญบารมี
ความบริสุทธิ์
แล้วสมมติว่า ภายในร่างกายของเรา ตั้งแต่ในกะโหลกศีรษะเรื่อยลงมาเลยถึงกลางท้อง
เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง ปราศจากอวัยวะภายใน ปอด ตับ ม้าม ไต เป็นต้น ให้สมมติว่า
เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรงภายใน กลวงเหมือนท่อแก้วใสๆ
ให้เป็นทางไหลผ่านของกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์
ความดีงาม ตั้งแต่ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี
สัจจบารมี อธิษฐานบารมี ที่เราได้สั่งสมอบรมมาตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
สร้างบารมีเรื่อยมานับภพนับชาติไม่ถ้วน จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
รวมกับอานุภาพอันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย
คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ และพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบิดามารดา ครูบาอาจารย์
รวมเป็นกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์ ที่ไหลผ่านท่อแก้วใสๆ
กระแสธารแห่งความบริสุทธิ์นี้
มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพมาก ขจัดสิ่งที่เป็นมลทินของใจเรา ตั้งแต่ความโลภ ความโกรธ
ความหลง อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฐิ นิวรณ์ทั้ง ๕ อุปกิเลสทั้งหลาย วิบัติ
บาปศักดิ์สิทธิ์ วิบากกรรมที่เราพลาดพลั้งไปทำมาจากภพในอดีต หรือแม้ในปัจจุบัน วิบากมารที่ขัดขวางการสร้างบารมีของเรา
อุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิต ทุกข์ โศก โรค ภัย สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ
ให้ละลายหายสูญไปให้หมด
ให้เหลือแต่ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของใจที่ใสบริสุทธิ์
ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ ขนาดเล็กเท่ากับดวงดาวในอากาศ
ขนาดกลางเท่ากับพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ขนาดใหญ่เท่ากับพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
บังเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ นี้ สำหรับท่านที่มาใหม่ยังไม่รู้จัก
ก็ให้สมมติว่า หยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง
จากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง
ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม ให้สมมติเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางมาวางซ้อนกัน
แล้วนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง สูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ตรงนี้แหละเรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จำง่ายๆ ว่า
อยู่ในกลางท้องของเรา ในตำแหน่งที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ หรือจำง่ายๆ
กว่านี้เข้าไปอีก ก็คืออยู่ในกลางท้องของเรา ตรงจุดที่เราพึงพอใจ มั่นใจว่าตรงนี้คือศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
บริกรรมนิมิต
ความบริสุทธิ์เบื้องต้นที่เป็นดวงใสๆ
คล้ายกับเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์
อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
บังเกิดขึ้นที่ตรงนี้ ให้เอาใจของเราที่แวบไปแวบมา คิดไปในเรื่องราวต่างๆ
นำมาหยุดนิ่งๆ ที่กลางดวงใสๆ ให้ตรึกนึกถึงดวงใส
เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของดวงใสๆ ทำอย่างนี้เรื่อยไป
ตรึก คือ การนึกถึงดวงใสๆ อย่างสบายๆ โดยไม่ลุ้น ไม่เร่ง ไม่เพ่ง ไม่จ้อง นึกอย่างสบาย
ๆ คล้าย ๆ กับนึกถึงสิ่งที่เรารัก
สิ่งที่เราคุ้นเคย ไม่ใช่ไปเพ่งดวงแก้วหรือลูกแก้ว อย่างคนที่เขาไม่เข้าใจ
หรือไม่อยากจะเข้าใจ เขาพูดบ่อยๆ
เราก็ตรึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าใจแวบไปคิดเรื่องอื่นก็ช่างมัน
เราก็ค่อยๆ ประคองใจดึงกลับมาใหม่ มาตั้งอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ที่กลางดวงใสๆ ถ้าแวบไปคิดเรื่องอื่นก็ดึงกลับมาอย่างนี้ แล้วมาเริ่มต้นอย่างง่ายๆ
บริกรรมภาวนา
แต่ถ้าทำอย่างนี้แล้ว
สู้ความฟุ้งไม่ไหว ก็ต้องประกอบบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ อย่าให้ช้า อย่าให้เร็วนัก
เอาพอดีๆ โดยให้เสียงคำภาวนานั้นเป็นเสียงที่เราไม่ได้บังคับหรือใช้กำลังในการท่องเลย
เป็นเสียงที่ละเอียดอ่อน นุ่มนวล ละมุนละไม ดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของดวงใสๆ
เราภาวนาในใจว่า สัมมาอะระหังๆๆ
นึกถึงดวงใส
เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของดวงใสๆ สัมมาอะระหังๆๆ ภาวนาอย่างนี้ เรื่อยไปเลย กี่สิบ
กี่ร้อย กี่พัน กี่หมื่น กี่แสนครั้งก็ได้ จนกว่าใจจะหยุดนิ่งๆ ที่กลางดวงใสๆ
มันก็จะทิ้งคำภาวนาไปเอง จะมีอาการคล้ายๆ กับเราลืมคำภาวนาไป หรือใจไม่อยากจะภาวนาต่อ
อยากหยุดนิ่งๆ กลางดวงใสๆ อย่างนี้ แค่นี้เท่านั้น ถ้าความรู้สึกอย่างนี้เกิดขึ้น
ก็ไม่ต้องย้อนกลับมาภาวนาใหม่ ให้รักษาใจใสๆ อย่างนี้เรื่อยไปเลย
ตรึกอย่างสบาย
อย่าบีบเค้นภาพ
ตรึกไปเรื่อยๆ
อย่างสบายๆ แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนอย่างที่เราปรารถนาก็ตาม มันจะคุ่มๆ ค่ำๆ รัวๆ รางๆ
แค่ไหนก็ช่างมัน ตรึกไปเรื่อยๆ อย่าไปพยายามบีบเค้นภาพ
ให้มันชัด ให้มันใสขึ้น โดยการใช้กำลังทางใจไปบีบ ไปเค้นภาพ เพื่อให้มันชัด
ให้มันใส ให้มันสว่าง อย่าทำอย่างนี้นะลูกนะ
หยุดนิ่งเฉยๆ เรื่อยไป มันจะคุ่มๆ ค่ำๆ รัวๆ รางๆ ก็ช่างมัน ทำอย่างนี้
แค่นี้เท่านั้น ไม่ช้ามันจะชัด จะใส จะสว่างเอง อย่าลืมคำว่า เอง นะลูกนะ มันจะชัด จะใส จะสว่างเอง แต่ถ้าเราไปบีบ
ไปเค้น ไปใช้กำลังบังคับให้ภาพมันชัด ให้มันใส ให้มันสว่าง มันจะยิ่งหยาบ ใจจะหยาบ
จะเหนื่อย จะเครียด และจะมืดไปด้วยซ้ำ อย่างนี้ผิดวิธีนะลูกนะ นั่งแล้วไม่มีความสุข
ผิดวิธี
วิธีที่ถูกก็ คือ หยุดนิ่งเฉยๆ ไม่ชัด ไม่เป็นไร วางใจนิ่งๆ
มีให้ดูแค่ไหน เราก็ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ ไม่ต้องไปบีบเค้น ไม่ต้องไปบังคับใจ บังคับภาพ
หยุดกับนิ่งเฉยๆ อย่างนุ่มๆ ละมุนละไม สบายๆ
ค่อยๆ
วางใจเบาๆ เหมือนขนนกที่ลอยฟ่องอยู่ในอากาศ ค่อยๆ ตกลงมาที่พื้นดินหรือพื้นน้ำ ใจก็ค่อยๆ
วางเบาๆ อย่างนั้น ไม่ชัดไม่เป็นไรนะลูกนะ ทำใจหลวมๆ เหมือนเราสวมเสื้อที่ไม่คับ ใจหลวมๆ
วางใจให้พอดีๆ
พอดีนี่สังเกตดูว่า ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป เรามีความรู้สึกพึงพอใจกับการวางใจอย่างนี้
แม้ไม่เห็นภาพ ยังรักษาความสงบของใจ โดยไม่ให้ใจกระสับกระส่าย ทุรนทุรายได้
อย่างนี้ถูกต้องนะลูกนะ วางนิ่งๆ ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวชัดเอง ใสเอง สว่างเอง เพราะฉะนั้นทำอย่างสบายๆ
วิธีแก้อุปสรรค
ง่วง เมื่อย ฟุ้ง
ถ้าง่วง
สมมติว่า ใจเรานี่สู้ อยากนั่ง แต่สังขารมันอยากจะพัก เพราะเราเหนื่อยมาจากงาน จากการเดินทาง
สังขารเขาอยากจะพัก ถ้าง่วงก็ปล่อยให้มันหลับนะลูกนะ อย่าไปฝืน แต่หลับอย่างนักปราชญ์บัณฑิต
อย่างผู้รู้ หลับแล้วต้องได้บุญด้วย แม้ไม่มากก็ตาม หลับแล้วกระแสธารแห่งบุญจะต้องกลั่นจิตกลั่นใจเราให้ใสไปด้วย
หลับอยู่ในสมาธิ ในกลางกาย มันจะผล๊อยไปเอง ไม่นานเท่าไร พอสดชื่น มันก็ตื่นขึ้นมาใหม่
คราวนี้เราก็เริ่มต้นอย่างง่ายๆ หยุดนิ่งเฉยๆ อย่างสบายๆ จะภาวนา สัมมาอะระหัง
ก็ได้ ไม่ภาวนาก็ได้
ฉะนั้น ถ้าง่วงก็หลับ เมื่อยก็ขยับ แต่อย่าให้กระเทือนคนข้างๆ
เขานะลูกนะ
ถ้าฟุ้ง
บริกรรมภาวนาสู้ไม่ไหว ก็ลืมตาขึ้นมา ดูรูปคุณยาย จนกระทั่งรู้สึกว่า
เราอยากหลับตาต่อ ก็หลับตาใหม่ นิ่งๆ ปรับยุทธวิธีอย่างนี้นะ ทำได้อย่างนี้
ไม่ช้าจะสมหวังดังใจ เพราะทำถูกวิธี
ถ้าทำถูกวิธี
เข้าถึงได้ทุกคน
ลูกทุกคนมีบุญมาก
บุญเก่าที่สั่งสมมาเอาไว้อย่างดีแล้ว เหลือแต่เพียงให้โอกาสกับตัวเอง ทำให้ถูกวิธีการ
โดยการหยุดนิ่งเฉยๆ อย่างสบายๆ เดี๋ยวก็เข้าถึงเอง ไม่ว่าจะมืดมิด มืดสนิท ก็ยังมีสิทธิ์ถึงธรรมได้
เพราะทำถูกวิธี ทำอย่างนี้นะลูกนะ ใจหลวมๆ สบายๆ จะมืด สว่าง ชัดหรือไม่ชัด ไม่ต้องไปสนใจ
อย่าไปกังวล วางนิ่งๆ เฉยๆ
ถ้าหากแสงสว่างเกิดขึ้นก็อย่าไปลิงโลดใจ
ปีติใจมากเกินไป ให้ระงับจิตระงับใจของเราเอาไว้ แต่ถ้ามันไม่มีอะไรใหม่ให้เราดู
ก็อย่าไปฮึดฮัด ไปหงุดหงิด อย่าไปรำคาญใจ นิ่งอย่างเดียว ให้สบายๆ ให้ใจเป็นกุศล
เป็นกลางๆ สะอาด เกลี้ยงเกลา จะมืด จะสว่าง จะมีอะไรให้ดูหรือไม่ให้ดูก็ช่างมัน
นิ่งเฉยๆ นุ่มๆ อย่างละมุนละไม ให้ใจสบ๊าย สบาย ไม่ช้าจะสมหวังดังใจที่เราปรารถนา จะมืดตื้อมืดสนิทก็มีสิทธิ์เห็นดวงธรรม
เข้าถึงพระธรรมกายได้ เพราะฉะนั้นทำอย่างนี้เรื่อยไปเลย อย่างสบายๆ
การเข้ากลาง
ส่วนคนที่ทำเป็นแล้ว
ก็วางใจหยุดนิ่งๆ ไปเรื่อยๆ ถูกส่วนเดี๋ยวก็จะเคลื่อนเข้าไปในกลางของกลางเอง
การเข้ากลางของกลางต้องเข้าไปเอง
ไม่ใช่ไปดันให้เข้า ดันให้เข้าผิดวิธีนะลูกนะ ถ้าดันแล้วมันจะเด้ง จิตจะหยาบ
จะเหนื่อย จะหงุดหงิด จะฮึดฮัด ต้องนิ่งๆ เมื่อมันยังไม่เข้ากลางก็ช่างมัน วางเฉยๆ
พอถูกส่วนเท่านั้น
มันจะเข้ากลางของกลางไปเอง เราก็ปล่อยใจไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปลุ้น
ไม่ต้องไปเอาใจช่วย นิ่งเฉยๆ ยิ่งหยุด ยิ่งนิ่ง มันจะดิ่งเข้ากลางไปเรื่อยๆ
ยิ่งดิ่งเท่าไรก็จะยิ่งเห็นชัดใส สว่าง เจิดจ้าขึ้นมา ทำอย่างนี้นะลูกนะ
เข้าใจดีแล้ว
ต่อจากนี้ไป ต่างคนต่างนั่งฝึกใจหยุดนิ่งอย่างสบายๆ สมกับเป็นผู้มีบุญ ต้องสบายๆ
ไม่ใช่ลำบากๆ เพราะเรามีบุญ ต้องทำให้สมกับผู้มีบุญนะ
อธิษฐานจิต
คราวนี้เราก็รวมใจหยุดนิ่งๆ
ในกลางกาย นึกถึงบุญที่บังเกิดขึ้นจากธรรมปฏิบัติในวันนี้ ซึ่งมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ไพศาล
ให้บุญนี้ดลบันดาลให้เรา มีความสุข มีความเจริญ คิดอะไรในสิ่งที่ดีสมความปรารถนา ให้มีดวงตาเห็นธรรม
ให้สมบัติไหลมาเทมา ทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับ ทั้งตื่น ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน
อย่างสะดวกสบาย อย่างง่ายดาย
ถ้าค้าขายอะไรก็ตาม
ก็ให้ซื้อง่าย ขายคล่อง กำไรงาม เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ค้ำจุนพระพุทธศาสนา ประดุจท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีและมหาอุบาสิกาวิสาขา
จะทำงานเอกชนหรือรับราชการก็ดี ก็ให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
ให้ได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากเพื่อนร่วมงาน
จะศึกษาเล่าเรียนก็ให้เป็นบัณฑิต
เป็นนักปราชญ์ จะครองเรือนก็ให้เป็นครอบครัวธรรมกาย ครอบครัวตัวอย่างของโลก
เป็นครอบครัวแก้ว ให้เป็นที่รักของมนุษย์ ของเทวดาทั้งหลาย
ให้หมดหนี้สินเหลือกินเหลือใช้ เหลือไว้สร้างบารมีอย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น
ให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง
อายุยืนยาว เหมือนมหาอุบาสิกาวิสาขาหรือพระอานนท์ ๑๒๐ ปี หรือเหมือนอย่างพระพากุละ
๑๖๐ ปี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
ให้บุญที่ได้จากในคืนนี้
หมู่ญาติของเราคนไหนเจ็บป่วยไข้ ก็ขอให้หายเจ็บ หายป่วย หายไข้ หนักก็เป็นเบา เบาก็หาย
ถ้าหมดอายุขัยก็ให้ไปดี
ให้มีบุญบารมีพิเศษ
ที่จะไปทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร ก็ขอให้มีถ้อยคำอันศักดิ์สิทธิ์ พูดจาชนะใจคน
ถูกอกถูกใจ ถูกพระทัยมนุษย์ทุกคน ใครได้ยินได้ฟังก็ให้เกิดกุศลศรัทธาเลื่อมใส
มาสร้างบารมีร่วมกันกับเรา จะเดินทางไกลไปที่ใดก็ให้บุญหล่อเลี้ยงรักษาให้ปลอดภัย จะไปถึงที่ใด
ก็ให้ได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมในทุกสถานที่ ให้จิตใจของเราเป็นบุญ เป็นกุศล บริสุทธิ์ทั้งกาย
ทั้งวาจา ทั้งใจ สะอาดทั้งธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้ ให้มีกำลังใจในการสร้างบารมีให้สูงส่งยิ่งๆ
ขึ้นไปทุกวันทุกคืนทีเดียว
ปฏิบัติธรรมก็ให้พบพระธรรมกาย
ให้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ธรรมอันใดที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และคุณยายอาจารย์ได้บรรลุ
ขอให้เราได้บรรลุธรรมนั้น
อัคคีภัย
โจรภัย ราชภัย ภัยทุกชนิด อย่าได้มากล้ำกราย ให้พบปะแต่สิ่งที่ดีงาม ที่จะนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
จะนึก จะคิด จะปรารถนาอะไรในสิ่งที่ดีก็ให้สมหวังดังใจ
ขอบุญนี้
ดลบันดาลให้สิ่งที่เราได้ตั้งความปรารถนาจะสร้างมหาวิหารของคุณยายอาจารย์
และทุกมหาทานบารมีให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ให้สมบัติไหลมาเทมา ทันอกทันใจ ทันใช้ในการสร้างบารมีอย่างอัศจรรย์ทีเดียว
แผ่เมตตา
ขอบุญนี้
ให้ถึงแก่หมู่ญาติ บรรพบุรุษของเราที่ละโลกไปแล้ว จะเป็นบุพการีของเราก็ตาม บิดามารดา
ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้อง ญาติสนิทมิตรสหาย สัมพันธชน
ให้มีส่วนแห่งบุญกุศลที่เราได้แบ่งปันอุทิศไปในคืนนี้ ที่มีทุกข์มากก็ให้ทุกข์น้อย
ที่มีทุกข์น้อยก็ให้พ้นทุกข์ ที่มีสุขน้อยก็ให้สุขมาก ที่มีสุขมากแล้วก็ให้มากยิ่งๆ
ขึ้นไปตามลำดับ
ให้บุญนี้ถึงแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
๓๑ ภูมิ ในกามภพ รูปภพ อรูปภพ ในกำเนิดทั้ง ๔ ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล
ให้ได้มีส่วนแห่งบุญที่เราได้กระทำในวันนี้ คืนนี้ ให้อนุโมทนาสาธุการ แล้วก็บอกกล่าวประกาศกันต่อๆ
ไป ให้ได้มาร่วมอนุโมทนาสาธุการ อนุโมทนาแล้วก็ให้อยู่เย็นเป็นสุข สุขกาย สุขใจ
ทั้งวัน ทั้งคืน ทั้งหลับ ทั้งตื่น ทั้งนั่ง นอน ยืน เดินทีเดียว
ให้เรานึกแผ่เมตตาไป
ให้ประเทศชาติ ศาสนา วิชชาธรรมกาย พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ประเทศไทยนานาประเทศ
วิชชาธรรมกายให้เป็นที่พึ่งต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา
ไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ ที่มีธรรมกายอยู่ในตัว
ให้เขาได้บรรลุธรรมกาย มีความสุขกาย สุขใจ ให้สมหวังดังใจ
บรรลุวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ให้เป็นอัศจรรย์ทีเดียว
พุทธบริษัททั้ง
๔ ก็ให้สามัคคีกลมเกลียว เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่จะปกป้องผองภัยที่จะเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา
ให้มีศีลมีธรรม ประพฤติถูกต้องตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด ที่เป็นพระเป็นเณรก็ขอให้ได้บรรลุ
๓ ป. คือ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ และให้เป็นครูเขาอาจารย์เขา แสดงธรรมเทศนา
ให้ไพเราะเบื้องต้น ท่ามกลาง เบื้องปลาย บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ
ใครได้ยินได้ฟังก็ให้เกิดความปีติเลื่อมใส ขนพองสยองเกล้า ให้ดีอกดีใจ ได้เข้าถึงธรรมกันหมดทุกๆ
คนทีเดียว
จะศึกษาวิชชาธรรมกายก็ให้ทะลุปรุโปร่งหมด
ให้บวชให้ได้ตลอดชีวิต อย่าได้มีอุปสรรคอันใดมาขัดขวางในหนทางแห่งการสร้างบารมี
ให้เป็นเนื้อนาบุญ เป็นอายุของพระศาสนากันทุกๆ รูป ทีเดียว ตลอดทั้งสังฆมณฑลนี้และทั่วโลก
ก็ขอให้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ศึกษาเล่าเรียน ฝึกฝนตัวเอง แล้วสั่งสอนผู้อื่น
ให้ได้บรรลุธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด เราก็นึกอธิษฐานจิตแล้วก็แผ่เมตตาไปนะ
วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565