ใจ หยุดสนิทไว้ กลางกาย
ฟ้า ถล่มดินทลาย นิ่งไว้
ใจ ตรึกทุกลมหาย- ใจลูก
ดิน แต่งปั้นดาวได้ สถิตไซร้ในแดนสรวง
ตะวันธรรม
ฐานที่ ๗ ที่เกิด ดับ
หลับ ตื่น
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
Link ไฟล์เสียงนำนั่งสมาธิใน youtube
ง่ายแต่ลึก 3 |EP.4| : ฐานที่7 ที่เกิด ดับ หลับ ตื่น/อย่ากดลูกนัยน์ตา
ตั้งใจนั่งธรรมะกันนะ หลับตาของเราเบาๆ พอสบายๆ แล้วก็เอาใจหยุดไปนิ่งๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หรือนึกถึงดวงใส เอาใจหยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ
หรือใครเห็นองค์พระก็นึกถึงองค์พระใสๆ หยุดอยู่ในกลางองค์พระใสๆ
ใครยังนึกไม่ค่อยชัด ก็ค่อยๆ ทำไป
อย่าไปบีบเค้นใจเพื่อจะให้เห็นภาพองค์พระได้ชัดเจนนะ ค่อยๆ นึกไปตอนนี้ต้องใจเย็นที่สุดเลย
ค่อยๆ ก็คือ นึกเบาๆ นึกเหมือนเราไม่ได้นึก ไม่ได้นึกก็เหมือนกับนึก คือมันเบาๆ
สบายๆ นึกธรรมดาๆ ถึงดวงใสๆ กลมรอบตัว ไม่มีหยักไม่มีงอเลย กลมเหมือนดวงแก้ว
บางคนนึกไม่ออกจริงๆ เพราะตั้งใจมากเกินไป
พยายามจะไปบีบเค้นให้เห็นภาพ ไม่ว่าจะเป็นภาพที่เราคุ้นเคยก็ตาม
ถ้าตั้งใจจะนึกจริงๆ ก็ยังนึกไม่ออก
เพราะฉะนั้นนับประสาอะไรกับสิ่งที่เรายังไม่ค่อยคุ้นภายใน
ถ้าเราตั้งใจมากเกินไปก็นึกไม่ออก อย่าไปฝืนธรรมชาติของการนึกคิด ให้ค่อยๆ นึก
อย่างสบายๆ แต่ถ้าหากว่าค่อยๆ นึกแล้วก็ยังทำไม่เป็นยังไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไร
ถ้าอย่างนั้นก็ให้วางใจเฉยๆ หยุดกับนิ่งอย่างเดียว หยุดนิ่งๆ นะ ให้หยุดนิ่งๆ
ไม่มีภาพให้เรา นึก ไม่ว่าจะเป็นดวงแก้วองค์พระก็ไม่เป็นไร เราก็นิ่งเฉยๆ
ใจหยุดนิ่งๆ ให้สบายๆ
สบาย ก็คือไม่ตึงเกินไป
ต้องอย่าให้ตึงนะ ให้นิ่งๆ เฉยๆ ถ้าใครทำการบ้าน ๑ สม่ำเสมอได้ทุกข้อ
หรือเกือบจะทุกข้อ เวลามานั่งธรรมะพร้อมๆ กัน มันจะง่ายต่อการนึก
อานิสงส์ของการทำการบ้านสม่ำเสมอ จากยากก็มาเป็นง่าย จากง่ายมาเป็นได้ คือทำได้เลย
เห็นไหมจ๊ะว่า การบ้านที่ให้ไปเพื่อตัวของเราเอง
เพื่อให้ใจของเราคุ้นเคยกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ฐานที่ ๗
ที่เกิด ดับ หลับ ตื่น
พระเดชพระคุณหลวงปู่ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
ท่านตอกย้ำเสมอว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ ที่ตื่น
เกิด เราเกิดมาแล้ว
จะไม่สนใจก็ไม่เป็นไร หลับหรือตื่น ตรงนี้จะไม่สนใจก็ไม่เป็นไร แต่ตายตรงนี้สิ ดับคือตาย ตายตรงฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นประตูสู่ปรโลกนี่
ไม่สนใจไม่ได้ ไม่สนใจอันตราย ถ้าหากว่าเราทำผิดสูตรชีวิตหมองกับใส
คือถ้าใจใสก็ไปดี ใจหมองก็ไปไม่ดี ถ้าผิดสูตรเมื่อไรก็เป็นอันตรายเมื่อนั้น
บาปที่เราได้ทำเอาไว้จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามมันจะได้ช่อง ชิงช่วงช่วงชิงเราไปสู่อบายเลย
ไม่ว่าจะไปอบายช่วงสั้นก็ไม่ควรไป จะไปเกิดเป็นจิ้งจก
ตุ๊กแก อยู่ในภูมิสัตว์เดรัจฉานช่วงสั้นๆ หรือเป็นยุงแค่ ๗ วันก็ยังไม่ควรจะไป
ยิ่งไปเป็นเปรต เป็นอสุรกาย ชีวิตยิ่งยาวนาน ลำบาก มีความทุกข์ทรมานเยอะ
ไปยมโลกก็ไม่เหมาะ เพราะมันเร่าร้อนทุกข์ทรมานยาวนานมาก
ไปขุมบริวารหรือมหานรกก็ไม่ต้องพูดถึงกันน่ะ
ทุคติเป็นที่เดียวที่ไม่ควรจะไปอยู่ ไม่ควรจะไปเลย
หรือไปมีชีวิตอยู่ในอบาย ไม่ควรไป ที่ควรไปคือสุคติภพ อย่างน้อยก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ก็ยังดี
ได้มาสร้างบารมีกันต่อ ได้มาเป็นภุมมเทวา รุกขเทวา อากาศเทวา
มันก็ยังดีกว่าไปอบายภูมิ ถ้าไปสวรรค์ตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา
เรื่อยไป นั่นไม่ต้องพูดถึงล่ะ ถือว่าดีมากๆ สำหรับชีวิตของนักสร้างบารมีที่จะไปพักชั่วคราวในระหว่างที่เราได้เหน็ดเหนื่อยกับการสร้างบารมีด้วยกายมนุษย์มาแล้ว
นี่มันสำคัญอย่างนี้นะลูกนะ
หมั่นฝึกใจให้คุ้นเคยกับศูนย์กลางกาย
ฐานที่ ๗ ต้องทำความคุ้นเคยเอาไว้ให้ดี
ไม่ว่าเราจะเบื่อหรือไม่เบื่อก็ตาม ชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ต้องทำความคุ้นเคยเอาไว้ ไม่ใช่พอนึกไม่เห็นแล้วเราก็เลยขี้เกียจ
เบื่อ แล้วก็เลิกอย่าไปคิดอย่างนั้น
เราทำเพื่อตัวของเราเองนะ ไม่ใช่เพื่อใครเลย
ถ้าเราไม่รักตัวเองนี่อันตราย เพราะฉะนั้นอย่าเบื่อหน่าย
อย่าขี้เกียจในการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง เพื่อทำความคุ้นเคยกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ต้องทำบ่อยๆ
การบ้านที่ให้ไปนั้น ทำไม่ครบก็ต้องทำให้เกือบครบ
ให้สม่ำเสมอทุกวัน อย่าให้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว อย่าให้อะไรมาเป็นข้ออ้าง ข้อแม้
เงื่อนไข
ธรรมชาติของใจ
ถ้านึกถึงอะไรบ่อยๆ มันจะจำแม่น แล้วจะนึกได้ง่าย ไม่ว่าเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม
ถ้าทำบ่อยๆ แล้วมันจะจำได้และมันจะทำได้ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ถ้าเรานึกดวงแก้วใสๆ หรือองค์พระใสๆ บ่อยๆ ทำบ่อยๆ จากยากก็มาเป็นง่าย
จากง่ายก็มาเป็นได้ เดี๋ยวมันก็ได้ จากมืดก็มาสว่าง จากไม่ชัดมันก็มาชัด
เดี๋ยวมันก็ชัดเอง ถ้าเราทำ บ่อยๆ ทำทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง
ขนาดจะใหญ่จะเล็กแค่ไหนเราก็นึกๆ ไปก่อน
ช่วงไหนชอบดวงเล็ก ก็นึกดวงเล็ก ช่วงไหนชอบดวงใหญ่ เราก็นึกดวงใหญ่
ช่วงไหนชอบนึกองค์พระ เราก็นึกองค์พระ ช่วงไหนอยากนึกองค์เล็ก เราก็นึกองค์เล็ก
ช่วงไหนอยากนึกองค์ใหญ่ เราก็นึกองค์ใหญ่ นึกว่าท่านเป็นแก้วไม่ได้
เราก็นึกให้เป็นโลหะก่อนก็ได้ เป็นอิฐ เป็นหิน เป็นปูน เป็นโลหะอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ฝึกฝนไป ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ นึก ค่อยๆ คิดในทุกอิริยาบถที่เราระลึกได้ ฝึกไปเรื่อยๆ
ไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป ไม่ช้าเราก็จะสมหวังนะลูกนะ
-------------------------------------------------
ใดอื่นกี่หมื่นฟ้า พรรณนา
บ่ เทียบหนึ่งเมล็ดงา ลูกไซร้
หยุดเพียงแค่กะพริบตา พ่อชื่น
เหมือนยื่นสุขให้พ่อไว้ หยุดได้หัวใจเขษม
ตะวันธรรม
อย่ากดลูกนัยน์ตา
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
.......ในตอนนี้ก็ให้ตรึกหรือนึกถึงดวงใส
หรือนึกถึงองค์พระใสๆ เอาใจหยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ เอาใจหยุดเข้าไปในกลางองค์พระใสๆ
อย่าให้ใจซัดส่ายไปที่อื่น อย่าให้ฟุ้งกระจายไปจิตจะไม่มีพลัง หยุดนิ่งๆ ให้ใจใสๆ
จะประคองใจด้วยบริกรรมภาวนา สัมมา อะระหัง
ประกอบไปด้วยก็ได้ หรือถ้าหากเรามีความรู้สึกว่าไม่ภาวนาแล้วสบายใจกว่า
เราก็ไม่ต้องภาวนา วางใจเบาๆ หยุดเบาๆ นิ่งเบาๆ สบายๆ
อย่ากดลูกนัยน์ตา
อย่าเหลือบตาลงต่ำ
ลูกนัยน์ตาเราอยู่ในระดับองศาเดิม
ที่เดิมไม่ต้องเหลือบลงต่ำไปดู ไว้ที่เดิม ให้ทำเหมือนเราแอบๆ มองดูดวง
ดูองค์พระนิดๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะดู นั่นแหละคือวิธีดูที่ถูกวิธี
ถ้าจะดูเข้าไปในกลางกายซึ่งเราไม่ค่อยคุ้นเคย
ถ้าขืนเหลือบตาลงไปดูก็เท่ากับกดลูกนัยน์ตา อย่างนี้ผิดวิธี อย่างนี้ปวดกระบอกตา
เมื่อย ตึง นั่งก็ไม่มีความสุข
เราลองนึกถึงคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
ท่านให้เราเหลือกตาช้อนค้างขึ้นไปข้างบนด้วยซ้ำไป เพื่อให้ความเห็นกลับเข้าไปภายใน
ท่านบอกให้ช้อนตาเหลือกค้างขึ้นไป
เหมือนเรามองไต่ไปตามหน้าผากกะโหลกศีรษะไปจนสุดที่เราเหลือกต่อไปไม่ได้แล้ว
เราก็ให้ความเห็นกลับเข้าไปข้างใน แล้วก็ปล่อยลูกนัยน์ตาเป็นปกติอย่าไปเหลือบลงต่ำคือ
ลูกนัยน์ตาก็ยังอยู่ที่เดิม ปล่อยให้เป็นปกติ นี่หลวงปู่ท่านสอนอย่างนี้นะ
เพราะฉะนั้น อย่าเหลือบต่ำจนกลายเป็นกด
แล้วก็เหมือนชำเลือง แอบมองนิดๆ โดยลูกนัยน์ตาอยู่ที่เดิม เราจะเห็นได้ว่า
ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด หรืออย่างที่เราเคยทำแล้วก็รักษาความนิ่งตรงนี้เอาไว้ให้ได้ตลอดเวลาด้วยใจที่เบิกบานด้วย
มันต้องมีตรงนี้ด้วย
โดยไม่คำนึงถึงว่าเราจะได้ไปรู้ไปเห็นอะไรอย่างที่ได้ยินได้ฟัง
เอาแค่ตรงนี้เราทำให้ถูกหลักวิชชาเสียก่อน แล้วก็นิ่งในนิ่งไปเรื่อยๆ สบายๆ
เราก็นิ่งเฉยๆ พอลองนิ่งสัก ๑๐ นาที ลองหยุดนิ่งๆ สบายๆ
ส่วนคนที่เขาทำได้แล้วก็ไม่ยากอะไรแล้วล่ะ เขาทำเป็นแล้ว
ใจไปติดอยู่ตรงกลางแล้ว พอใจติดก็ติดใจแล้วชอบอยู่ตรงนั้นแล้ว ใจก็ไม่ไปไหน
เขาทำได้เขาทำเป็นแล้วมันก็ง่ายทีนี้ของเรายังไม่เป็น หรือเกือบจะเป็น
หรือเป็นเป็นทีๆ ก็ต้องเริ่มต้นตรงนี้เสียก่อน อย่าเพิ่งไปนึกถึงตอนที่มันยาก
หรือที่คนอื่นเขาทำได้ อย่าเพิ่งไปนึกตอนนั้น เอาตอนนี้ก่อน ถ้าทำตรงนี้ได้
เดี๋ยวเราก็ทำตรงนั้นได้มันก็ไม่ได้ยากอะไร อยู่ที่การฝึกนะ ฝึกนิ่งๆ
ลองฝึกนึกดวงแก้วองค์พระดู
ลองฝึกดูค่อยๆ ดวงใสๆ เราจะเหลือกตาช้อนค้างกี่ครั้งก็ได้
ช้อนไปครั้งแรกมันไม่ได้เรื่อง เอ้า ช้อนครั้งที่ ๒ อย่างสบายๆ
หรือจะนึกเป็นฝนดวงแก้วหล่นลงมาจากฟากฟ้าเยอะแยะนับกันไม่ไหว
มันก็ต้องมีสักดวงหนึ่งน่ะ ที่มันหล่นลงมาตรงกลาง คือ นึกภาพองค์พระเยอะแยะ
ซึ่งเรานึกเห็นแต่เรายังไม่เห็น ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ นึกไปก่อน อย่างสบายๆ
ดวงแก้วมีเยอะแยะเราก็นึกเอา องค์พระก็เยอะ
หรือเราจะนึกให้ตัวเราใสเป็นเพชรด้วยก็ยิ่งดี กายของเราตอนนี้บริสุทธิ์ที่สุด
วิบากกรรมวิบากมารอุปสรรคไม่มีเลย สิ่งที่ชั่วๆ ที่ไม่ดีไม่มีเหลือเลย
ร่างกายเราใสเป็นเพชรนึกอย่างนี้ก็ได้ พอเรานึกให้ใจเราใสเป็นเพชรแล้ว
เดี๋ยวข้างในก็เป็นเพชรเอง ข้างในไม่มีตับไตไส้พุง เป็นดวงเพชรที่ดูเป็นดวงกลมๆ
หรือจะนึกเป็นองค์พระเพชร ลองทำดูนะ ทำสักนิดหนึ่ง นิ่งๆ สบายๆ
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565