ป่วยอย่างสง่างาม
วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ (๑๓.๓๐ - ๑๕.๓๐ น.)
สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย
ปรับใจ วางใจ
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะจ๊ะ
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส
ไร้กังวลในทุกสิ่ง หยุดใจเบาๆ สบาย ไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
บริกรรมนิมิต
จะตรึกเป็นองค์พระ
ดวงแก้วใสๆ หรือไม่นึกถึงอะไรเลยก็ได้ เอาอย่างเดียว ให้หยุดนิ่งๆ อยู่ภายใน
เพราะหยุดเป็นตัวสำเร็จ ที่จะทำให้เราเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว เราก็หยุดอย่างสบายเบาๆ
แม้ไม่เห็นอะไรเลยก็ไม่เป็นไร
ทำความรู้สึกว่า ภายในเรามีองค์พระ มีดวงแก้วใสๆ อย่างนี้ไปก่อนก็ได้ พอใจนิ่ง นุ่ม
ละมุนละไม ถูกส่วนเข้า เดี๋ยวก็ไม่มืด จะมีแสงสว่างเกิดขึ้นเอง เป็นแสงสว่างภายในที่มาพร้อมกับความสบายยิ่งกว่าปกติ
มาพร้อมกับสุข ใจจะสบาย
อุทิศส่วนกุศล
ช่วงบ่ายทุกวันอาทิตย์
เป็นช่วงที่เราตามระลึกนึกถึงบุญที่ได้ทำผ่านมา ตอนเช้าวันนี้ที่มาสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย
ถวายข้าวพระ สังฆทานแด่ภิกษุสามเณร ผู้ประพฤติธรรม ได้ฟังเรื่องราวที่ดี
ที่จะทำให้เราเข้าใจชีวิตได้แจ่มแจ้งขึ้น เป็นทางมาแห่งบุญกุศลทั้งหลาย
เรานึกถึงบุญดังกล่าวเอามาอธิษฐานในใจ
ให้ติดเป็นผังสำเร็จไปในภพเบื้องหน้า ส่วนหนึ่งก็เอาบุญมาใช้ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เอาไว้ใช้ในอนาคต
แล้วจะได้อุทิศบุญกุศลไปยังบรรพบุรุษบุพการี ญาติสนิทมิตรสหาย และสัมพันธชนที่ละโลกไปแล้ว
พ่อ แม่
ปู่ ย่า ตา ยาย เอาบุญไปให้ท่าน ท่านจะอยู่ในภพภูมิใดก็ตาม เราก็อุทิศบุญไปให้ ที่มีทุกข์มากก็จะทุกข์น้อย
ที่มีทุกข์น้อยก็จะพ้นทุกข์ ที่สุขน้อยก็จะสุขมาก
มีสุขมากแล้วก็มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งผู้ที่ละโลกเขาหมดสิทธิ์ในการทำบุญ
นอกจากอนุโมทนาบุญ ถ้าหากท่านเหล่านั้นอยู่ในภพภูมิที่อนุโมทนาได้ ท่านก็จะได้อนุโมทนา
และได้บุญกุศลที่เราอุทิศไปให้ ยกเว้นไปอยู่ในภพภูมิในมหานรก โลกันตนรก ไปอยู่ในภพภูมิที่อุทิศด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้
ต้องอุทิศด้วยวิธีพิเศษ ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมกาย
วิชชาธรรมกายของมหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน
เราต้องเอาบุญนี้อุทิศไปให้กับผู้ที่เราเคยไปพลาดพลั้งล่วงเกินเขา
ที่ผ่านมาในอดีต แล้วผูกเวรกันเอาไว้ จะได้ตัดกระแสเวรกัน เขาไปอยู่ในภพภูมิใดก็ตาม
เราอุทิศบุญไปให้ทั้งด้วยวิธีธรรมดาและวิธีพิเศษ จะได้เป็นอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
เพราะว่าการดำเนินชีวิตที่พลาดพลั้งอกุศลเข้าสิงจิต มีโอกาสทำผิดด้วยกาย วาจา ใจ
แล้วก็มีวิบากเกิดขึ้น เราจะได้แบ่งบุญไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ชีวิตในสังสารวัฏล้วนแต่เคยเกิดเป็นเครือญาติกับเราทั้งสิ้น ในสถานะที่ต่างๆ กันไป
ตอนนี้เราก็เอาใจหยุดนิ่งๆ
สบาย อากาศไม่อ้าวเกินไป ฝนก็ได้ตกลงมาพอให้ผู้มีบุญได้ประพฤติธรรมอย่างสะดวกสบาย
ดับความร้อนกายร้อนใจให้หายไป เราจะได้กลายเป็นผู้ที่เย็นกาย เย็นใจ
ที่ภาษาธรรมะเรียกว่า สีตภูโต แปลว่า
ผู้ที่มีความเย็นแล้ว ความร้อนด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เจือจางลงไป
มีความเย็นเกิดขึ้นมา เราหยุดนิ่งๆ สบาย ให้ใจใสๆ หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง เบาๆ
รักตัวเองต้องรักการปฏิบัติธรรม
ถ้าเรารักตัวเอง
เราก็ต้องรักการปฏิบัติธรรม เพราะจะทำให้เราได้พบพระธรรมกาย หรืออย่างน้อยก็ได้เข้าถึงความสุข
ต้องสั่งสมสมาธิกันไปทุกวัน
สั่งสมไปเรื่อยๆ ให้สม่ำเสมอ อย่าท้อใจในเมื่อเรายังไม่สมหวัง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ความสมหวังก็ค่อยๆ
สั่งสมไปทีละเล็กทีละน้อย ขึ้นอยู่กับการสั่งสมการปฏิบัติธรรมทุกวัน
ให้มีชั่วโมงหยุด
ชั่วโมงนิ่ง ชั่วโมงกลางให้ได้สม่ำเสมอ เหมือนนักบินมีชั่วโมงบินเยอะๆ จะมีความคล่องความชำนาญ
ใจเราจะคุ้นเคยกับการวางใจที่กลางกาย เราจะค่อยๆ คุ้นเคยกัน แต่ถ้าหากว่าเราห่างเหินไปนานเข้าก็จะไม่ค่อยคุ้นเคย
ทั้งๆ ที่อยู่ที่แท้จริงของใจเรา คือ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ในกลางท้องเหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
ต้องสบาย
เราหยุดใจนิ่งอย่างเบาสบาย
ตรึกถึงองค์พระแก้วขาวใสบริสุทธิ์ก็ได้ เป็นดวงใสๆ บริสุทธิ์ก็ได้ หรือวางใจนิ่งเฉยๆ
ก็ได้ แต่ต้องสบาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ตาม ต้องผ่อนคลาย สบาย ทำตัวให้สบาย ทำใจให้สงบ
ให้หยุดให้นิ่งกันนะ อย่าตั้งใจเกินไป วางเบาๆ สบาย นิ่งๆ
อย่าหลับนะลูกนะ
ให้นิ่งๆ สบายๆ เพื่อจะได้ตรึกนึกถึงบุญที่ได้ทำผ่านมา และที่กำลังจะทำต่อไป โดยเอาปัจจัยไทยธรรมมาสร้างมหาทานบารมี
จะได้บุญอย่างเต็มที่เพราะใจเราใส
ป่วยอย่างสง่างาม
เราใช้บุญเก่าไปทุกวันนะลูกนะ
บุญใหม่ก็ต้องสร้างกันทุกวัน เพราะบุญเก่าใช้ไปก็หมดไปเรื่อยๆ จึงมีคำว่า หมดบุญ หมดบุญก็หมดสิทธิ์ในทุกสิ่ง เพราะฉะนั้นต้องสั่งสมบุญเอาไว้ให้เยอะๆ
โดยเฉพาะ
ถ้าตอนนี้เรามีสุขภาพไม่แข็งแรง เป็นโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรง ก็มีข้อควรปฏิบัติดังนี้
ช่วงนี้จะต้องเป็นช่วงเวลาที่เราต้องให้โอกาสแก่ตัวเองทำความสงบของใจ
ให้ใจสงบนิ่งๆ
สั่งสมบุญไปทุกๆ
บุญ
นึกคิดแต่เรื่องดีๆ ที่เป็นกุศลธรรม ไม่ใช่เรื่องโจ๊ก
เรื่องตลกโปกฮา แต่เป็นเรื่องกุศลธรรมความดีที่เราทำเอาไว้ ใจต้องคิดวนเวียนอยู่ในสิ่งเหล่านี้
รักษาอารมณ์ของเรา อย่าให้เสียง่าย ให้อารมณ์ดีๆ
เวลาปล่อยคำพูดออกมา
ต้องเลือกประโยคหรือถ้อยคำที่ทุกคนสบายใจ เขามีความสุข มีพลังใจในการทำงาน
ทำความดี
ทำทุกอย่างด้วยใจที่ชื่นบาน
เอาจริงได้ แต่อย่าถึงกับเอาจังจนเครียด เราไม่ชอบคำว่า เครียด เวลาใครบอกว่า เราเครียด
เราจะต้องช่วยเขาหน่อย คือ ให้เขาดูเรา แล้วเราไม่เครียดอย่างนั้นจริงๆ
มันก็จะสบายใจ ความสบายใจขยายไปถึงสิ่งแวดล้อมภายในครอบครัว ที่ทำงาน
และทุกหนทุกแห่ง
พยายามนึกตรึกองค์พระใสๆ
เอาไว้ ใจจะได้มีความผาสุก ตอนป่วยเราจะต้องใกล้พระรัตนตรัย และกุศลธรรมให้มากๆ ใกล้ต่ออารมณ์ดีให้มากๆ อย่าห่วงอาลัยกังวลจนเกินไป หรือไปคาดหวังอะไรกับสมาชิกในครอบครัวจนเกินไป เอาพอดีๆ แล้วใจเราจะเบิกบาน แช่มชื่น
ยิ่งถ้าเรารู้ว่ามีเวลาเหลือน้อยที่จะอยู่ในโลกนี้ ก็ต้องรักษาใจให้ใสๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ต้องอยู่กับพระรัตนตรัย
ถึงตอนละโลก ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวของเราเอง
เพราะทำแทนกันไม่ได้ เราอยากเข้าถึงพระธรรมกายในตัว
แต่ให้คนอื่นเขาทำแทนอย่างนี้ไม่ได้ ต้องทำเอง
เราอยากได้ความสุขแต่ให้คนอื่นเขาทำแทนก็ไม่ได้ เราต้องทำเอง ความสุขถึงจะเกิดขึ้น ยิ่งเหลือเวลาน้อย เราต้องทำกันอย่างนี้ แล้วดีไม่ดีการทำอย่างนี้กลับกลายเป็นการยืดเวลาที่ใครๆ
ว่าเหลือน้อยให้ยาวออกไป สิ่งที่อัศจรรย์มักเกิดขึ้นกับใจที่อัศจรรย์
ทำถูกหลักวิชชา มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งภายใน
นี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องศึกษาเรียนรู้กันเอาไว้ให้ดี
อุทิศส่วนกุศล
ตอนช่วงนี้บุญยังเกิดขึ้นอยู่
ทั้งบุญเก่า บุญที่เรากำลังจะทำก็เกิดเป็นดวงใสสว่างไสวติดมาอยู่ในกลางตัวของเรา ตอนนี้เราก็นึกถึงบุญ
แล้วนึกถึงผู้ที่ละโลกไปแล้ว จะเป็นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา
ญาติสนิทมิตรสหาย จะเป็นใครที่เราระลึกชื่อได้เราก็นึก นึกถึงบุญแล้วก็อุทิศเจาะจงไปให้บุคคลนั้น
บุคคลนี้ ชื่อนั้น ชื่อนี้ ในขณะที่มหาปูชนียาจารย์ท่านกำลังคุมบุญให้กับพวกเรา
ตามหลักวิชชาธรรมกาย
เราก็นิ่งๆ
แล้วนึกไปอย่างสบายๆ ขอบุญนี้ให้ถึงกับท่านนั้น ท่านนี้
เพราะผู้ที่ละโลกไปแล้วหมดสิทธิ์ในการสั่งสมบุญ นอกจากอนุโมทนาบุญ
แล้วยิ่งบางคนเรานึกไม่ถึงเลย สมาชิกในบ้าน หรือผู้ที่เราเคารพนับถือใกล้ชิดว่า ละโลกไปแล้ว
จะมีชีวิตอย่างนั้นในปรโลก ที่มีความทุกข์ทรมาน เพราะบางทีเรามองเห็นว่า เป็นคนดีแบบชาวโลก
บางทีก็ไม่เป็นอย่างนั้น แล้วเราจะไปเข้าใจเอาเองว่า ท่านจะต้องไปดีเสมอไป เป็นไปไม่ได้
ดังนั้น
เพื่อความปลอดภัย เราต้องนึกถึงบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านเรื่อยๆ ทำบ่อยๆ
แล้วบุญจะได้ช่อง ที่ทุกข์มากก็จะได้ทุกข์น้อย ทุกข์น้อยก็จะได้พ้นทุกข์
ที่ท่านมีสุขน้อยก็จะได้สุขมาก มีสุขมากก็จะได้มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ นะ
ตอนนี้นึกไปอย่างสบายๆ ถ้าเราจำชื่อบรรพบุรุษของเราไม่ได้ก็นึกรวมๆ ไม่เจาะจง
แต่นึกอย่างสบายๆ
ในช่วงนี้มหาปูชนียาจารย์กำลังคุมบุญให้เราอยู่
นึกไปเรื่อยๆ รวมทั้งคู่กรรมคู่เวร นึกรวมๆ ไป นึกนิดเดียว แล้ววางใจนิ่งๆ ว่า ขอผลบุญที่เราทำในวันนี้ให้ถึงแก่ผู้ที่เราเคยทำพลาดพลั้งล่วงเกินกันมาข้ามชาติ
นับภพนับชาติไม่ถ้วน เมื่ออกุศลเข้าสิงจิต ขอให้กรรมนี้เป็นอโหสิกรรม
มีความบริสุทธิ์ซึ่งกันและกัน เราจะได้สร้างบารมีกันไปอย่างเดียว แล้วเราก็วางใจหยุดนิ่งเฉยๆ
ทำภาวนาของเราต่อไป ไม่ต้องนึกเยอะ นึกนิดเดียว แล้วก็ปล่อยอย่างนั้น วางนิ่งๆ
ให้สบาย
เพราะต่อจากนั้นเป็นเรื่องของมหาปูชนียาจารย์ที่ท่านจะเอ็นดูพวกเรา
อาศัยมหากรุณาของท่าน ประกอบวิชชาธรรมกาย ทำไปตามความปรารถนาของเรา แล้วก็ตามกำลังบุญของเราด้วย
สังคมชาวสวรรค์
บุญส่วนหนึ่งของเราจะไปเป็นทิพยสมบัติในสุคติโลกสวรรค์
มีทั้งบริวารสมบัติ มีบริวารเกิดขึ้น เพิ่มขึ้น สวยงามขึ้น เครื่องประดับก็เพิ่ม
เครื่องประดับของบริวาร ทิพยสมบัติของเราก็เพิ่ม วิมานของเราก็จะค่อยๆ ขยายไป
ประณีตขึ้น บางทีเปลี่ยนรูปทรงก็มี ด้วยบุญที่เราทำสั่งสมอย่างสม่ำเสมอ
เราจะเห็นสิ่งที่เราทำนั้นเพื่อเราแท้ๆ
ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเราเอง ในเมื่อเราต้องตายแล้วก็ต้องเกิดอีก
เพราะเชื้อการเกิดยังไม่หมด ตายแล้วก็ต้องมีที่อยู่ที่เหมาะสม ที่ควรแก่การเสวยสุขเพื่อชีวิตในปรโลก
สังคมนั้นก็แตกต่างจากสังคมมนุษย์
ทิพยสมบัติจะเป็นเครื่องเอาไว้โชว์ เป็นเกียรติ เป็นที่ชื่นชม ถ้าบุญน้อยจะต้องไปอยู่ข้างหลังเขา
มันถอยออกไป อยู่ในกลุ่มเขาไม่ได้ เหมือนมนุษย์ในโลกนี้
พวกมีบุญมากเขาก็จะอยู่ในกลุ่มพวกเศรษฐี มหาเศรษฐี บรมเศรษฐี บุญน้อยก็จะมีอีกสังคมหนึ่ง
แตกต่างกันไป
สังคมในปรโลกก็เหมือนกัน
บุญน้อยก็อยู่อีกพวกหนึ่ง บุญปานกลางอีกพวกหนึ่ง บุญมากก็อีกพวกหนึ่ง
เมื่อเราต้องตาย ก็ตายอย่างถูกหลักวิชชา แล้วไปอยู่ในที่ดีๆ
ซึ่งตอนนี้เราตั้งเป้าเอาไว้ ตั้งความปรารถนาเอาไว้จะไปอยู่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ
ซึ่งตรงนั้นไม่ใช่ว่าไปกันได้ง่ายๆ ต้องมีมโนปณิธานแน่วแน่ที่จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
โดยเฉพาะในวงพิเศษ แล้วต้องสั่งสมบุญเป็นนิจ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน คือ ทั้งทำด้วยตัวเอง
แล้วไปชวนคนอื่นทำด้วย เราปรารถนาไปตรงนั้นก็ต้องไม่อายใครอีกเหมือนกัน เราจะไม่ใช้คำว่า
รู้อย่างนี้ตอนมีชีวิตอยู่ทำให้เยอะ คิดได้แต่ทำไม่ได้ จะมีแต่ทางมาแห่งความช้ำใจน้อยใจ
ตอนนี้เรามีชีวิตอยู่จะออกแบบชีวิตอย่างไรก็เอา
การเดินทางไปสู่ปรโลกของท่านอนาถเศรษฐี
เราได้ศึกษาการเดินทางจากมนุษย์ไปเทวโลกของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
ซึ่งสั่งสมบุญบารมีตลอดชีวิต นับจากวันที่พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า การเดินทางของท่านไปด้วยมหาปราสาททิพยยาน
ไปถึงสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว ขบวนยังไม่ออกจากเมืองมนุษย์เลย ยังอยู่อีกเยอะแยะ นั่นเป็นตัวอย่างที่ดีให้เราได้ศึกษาดำเนินรอยตาม
เพราะตรงนั้นทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไป ถ้าหากสั่งสมบุญเอาไว้ อย่าไปคิดว่าอยู่ตรงไหนก็ได้
อย่าไปคิดอย่างนั้นนะ เพราะเวลาไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ แล้ว ไม่ได้เป็นอย่างตอนเป็นมนุษย์ที่เราคิดอย่างนั้น
ถ้าทุกข์ก็จะทุกข์นาน ลำบากก็ลำบากนาน ถ้าทิพยสมบัติน้อยก็จะน้อยใจนาน ยาวนาน
ตอนนี้เราสั่งสมบุญกันมาอย่างต่อเนื่อง
ทิพยสมบัติเราก็จะเกิดขึ้น วิมานสวยสดงดงาม มีทั้งสวน สระ สารพัด งดงามทีเดียว
มีฤดูสบาย ไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนในเมืองมนุษย์ ไม่หนาว ไม่ร้อน ฝนไม่ตก มีแต่ฝนดอกไม้ทิพย์ที่ตกลงมาบำรุงบำเรอเสริมบารมีด้วย
นี่คือบุญที่จะส่งผลในสุคติโลกสวรรค์
แต่การกระทำอยู่ที่เมืองมนุษย์
ให้นึกอย่างนี้ไป สั่งสมไปเรื่อยๆ บริวารวิมานหนึ่งถ้าแวะอีกวิมานหนึ่งถ้าคุยกันก็จะคุยกันแต่เรื่องบุญบารมีของเจ้านายของตัวว่า
ได้สั่งสมบุญอย่างนั้น อย่างนี้ อย่างโน้น เวลาเดินทางไปไหนมาไหนด้วยเทวรถ
รถของเทวดา อย่างที่เราคุ้นกับคำว่าราชรถ บุญน้อยต้องหลบข้างทาง ต้องให้บุญใหญ่เขาเดินทางไปก่อนคล้ายๆ
เมืองมนุษย์อย่างนี้ มีบุญมีบารมีไม่มากก็ต้องจอดต้องคอย ต้องหลบ ต้องหลีก ให้ผู้มีบุญบารมีมากเดินทางไปก่อน
คล้ายๆ อย่างนั้น แต่ว่ารูปร่างลักษณะสถานที่เปลี่ยนแปลงไป
ตามความเหมาะสมกับภูมิประเทศที่นั้น ในสถานภพภูมินั้นเป็นอย่างไร
สิ่งเหล่านี้เราสามารถจะศึกษาและเรียนรู้ได้
ถ้าเราได้เข้าถึงพระธรรมกาย ถึงพระรัตนตรัยในตัว เรามีบุญเก่าที่สั่งสมกันมาดี
ที่จะทำให้ถึงพระธรรมกายในตัวได้ เหลือแต่ความขยันและขี้เกียจในตอนนี้
ความสม่ำเสมอถูกหลักวิชชาไหม ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญทีเดียว
คราวนี้เราก็แผ่เมตตายังสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ถ้าเรายังเข้าไม่ถึงพระธรรมกาย เราก็นึกเป็นถ้อยคำ หรือส่งความปรารถนาดีไป นึกเป็นภาพคล้ายๆ
แสงสว่างที่เจิดจ้า ออกจากตัวของเรา เป็นแสงแห่งความบริสุทธิ์ที่จะไปขจัดมลทินในจิตในใจของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
แต่ถ้าเข้าถึงก็ไปอีกแบบหนึ่ง การแผ่เมตตามีเป็นขั้นเป็นตอนกันไปอย่างนั้น
วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565