นึกบริกรรมนิมิตด้วยสิ่งที่คุ้นเคย
บ้านแก้วเรือนทองของคุณยาย สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย-ปรับใจ
เมื่อเราบูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไป ตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คน
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย
ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูก
อย่าถึงกับให้ปิดสนิท พอสบายๆ คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา
อย่ากดลูกนัยน์ตา
ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น
ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด
ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจให้ว่างๆ จากเครื่องพันธนาการของชีวิต
นึกถึงบุญ
แล้วสมมติว่า ภายในร่างกายของเรา ตั้งแต่กะโหลกศีรษะเรื่อยมาถึงกลางท้องปราศจากอวัยวะภายใน
เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง กลวงภายใน คล้ายกับท่อแก้วใสๆ
ให้เป็นทางไหลผ่านของกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์และความดีงาม
ที่เราได้สั่งสมอบรมมาตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ สร้างบุญสร้างบารมี ๓๐
ทัศเรื่อยมา นับภพนับชาติไม่ถ้วนจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
รวมกับอานุภาพอันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ
และพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ หรือพระอุปัชฌาย์อาจารย์
รวมกันเป็นกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์
ไหลผ่านกลางกายของเราที่มีลักษณะคล้ายท่อแก้วใสๆ
ขจัดสิ่งที่เป็นมลทินที่มีอยู่ในใจให้หมดสิ้นไป
ตั้งแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความหงุดหงิด งุ่นง่าน ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ
นิวรณ์ทั้ง ๕ อุปกิเลสทั้งหลาย วิบัติ บาปศักดิ์สิทธิ์ วิบากกรรม วิบากมาร
อุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิต ความขัดสนยากจน ทุกข์ โศก โรค ภัย สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ
ให้ละลายหายสูญไปให้หมด
เหลือแต่ความบริสุทธิ์ที่ปรากฏเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ เป็นดวงใสๆ คล้ายเพชร ลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย
กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ ขนาดเล็กเท่ากับดวงดาวในอากาศ
ขนาดกลางเท่ากับพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ขนาดใหญ่เท่ากับพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
ปรากฏเกิดขึ้นที่ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ตำแหน่งศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
สำหรับบางท่านที่ไม่รู้จักว่า ฐานที่
๗ นั้นอยู่ที่ตรงไหน ให้สมมติว่า หยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง
จากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง
ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท
จุดตัดของเส้นด้ายทั้งสองจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม สมมติเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางมาวางซ้อนกัน
แล้วนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง สูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ตรงนี้แหละ เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ซึ่งจะเห็นได้ต่อเมื่อใจของเราหยุดนิ่งได้สนิทสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะฉะนั้น ให้จำง่ายๆ ว่า ฐานที่ ๗
นั้นอยู่ตรงกลางท้อง ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ หรือจำง่ายๆ
กว่านี้ก็คือ อยู่ในกลางท้องนั่นเอง ในตำแหน่งที่เรามีความมั่นใจว่าตรงนี้ใช่
หรือตรงจุดที่กลางท้องที่สบายๆ ที่เรามีความรู้สึกมั่นใจ
ดวงสว่างของความบริสุทธิ์เบื้องต้นปรากฏขึ้นที่ตรงนี้แหละ ในกลางท้องของเรา
ที่ใสบริสุทธิ์ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย
กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ
อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
บริกรรมนิมิต
เอาใจที่แวบไปแวบมา มาหยุดนิ่งๆ
อยู่ที่กลางดวงใสๆ ให้ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของดวงใสๆ
ตรึก ก็คือการนึกถึงดวงใสๆ อย่างสบายๆ คล้ายๆ
กับนึกถึงสิ่งที่เรารัก หรือสิ่งที่เราคุ้นเคย ไม่ใช่เป็นการเพ่งลูกแก้ว
หรือเค้นภาพ ให้ทะลักมาในกลางท้อง แต่เป็นการประคองใจเบาๆ ตรงกลางดวงใสๆ
อย่างนี้เรียกว่า การตรึก
ให้ตรึกถึงดวงใส หยุดอยู่กลางดวงใสๆ
ทำอย่างนี้เรื่อยไป จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง ถ้าหากเราทำอย่างนี้แล้ว
ใจยังอดแวบไปคิดในเรื่องต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ ก็ไม่เป็นไร พอรู้ตัว
เราก็ดึงกลับมาใหม่อย่างง่ายๆ แล้วเริ่มต้นด้วยวิธีการดังกล่าว ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่แวบไป
บริกรรมภาวนา
แต่ถ้าทำอย่างนี้แล้ว
ยังแวบบ่อยเหลือเกิน ก็ต้องประกอบบริกรรมภาวนา เพื่อประคองใจให้หยุดนิ่ง
ให้คำภาวนาเป็นเสียงที่ละเอียดอ่อน โดยไม่ได้ใช้กำลังในการท่อง คล้ายเสียงเพลงที่เราชอบ
หรือเสียงสวดมนต์ที่เราคุ้นเคยดังออกมาเอง
ภาวนาไปในใจเบาๆ อย่างสบายๆ สัมมาอะระหังๆๆ
ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ ภาวนาอย่างนี้เรื่อยไป จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง
เมื่อใจหยุดนิ่ง จะทิ้งคำภาวนาไปเอง
จะมีอาการคล้ายๆ กับว่า เราลืมคำภาวนาไป ถ้าใจไม่ฟุ้ง หรือมีความรู้สึกว่าไม่อยากจะภาวนา
สัมมาอะระหัง ต่อไป อยากจะรักษาใจให้หยุดนิ่งเฉยๆ อย่างนี้ รู้สึกว่าสบายใจกว่า
ถ้าเกิดอาการหรือความรู้สึกอย่างนี้ ก็ไม่ต้องย้อนกลับมาภาวนาสัมมาอะระหังใหม่
ให้เอาใจไปหยุดนิ่งๆ ที่กลางดวงใสๆ อย่างนั้น เรื่อยไปเลย อย่างสบายๆ
อย่าทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้นะ
ให้ตรึกไปเรื่อยๆ พอถูกส่วนเข้า เดี๋ยวก็จะเห็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวของเรา
ตั้งแต่ดวงใสๆ กายภายในใสๆ หรือองค์พระใสๆ ทำอย่างนี้เรื่อยไปเลย
บริกรรมนิมิตด้วยสิ่งที่คุ้นเคย
มีข้อแนะนำเพิ่มเติมพิเศษ
สำหรับบางท่านที่มีอาชีพค้าผลไม้ หรือมีอาชีพหลากหลาย
โดยนำวิธีการที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ท่านได้สอนแก่นาคที่ได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พระอุโบสถ
โดยให้นาคผู้นั้น
ที่นั่งคุกเข่ากระโหย่งเท้าพนมมือต่อหน้าท่าน นึกถึงปอยผมที่ปลงเอาไว้เมื่อเช้า
น้อมมาตั้งไว้ในกลางกาย หรือจำง่ายๆ ว่า กลางท้อง ให้เอาใจมาหยุดนิ่งๆ
อยู่กลางปอยผมที่อยู่กลางท้องนั้น นึกไปเรื่อยๆ
แล้วท่านก็ซักถามนาคว่า
เส้นผม ปลายมันชี้ไปทางไหน โคนชี้ไปทางไหน นาคก็ตอบคำถามทุกครั้งที่ท่านถามว่า
โคนชี้ไปทางนี้ ปลายชี้ไปทางนี้ จนกระทั่งเห็นปอยผมนั้นเปลี่ยนแปลง
จากสีดำเป็นสีใส เป็นปอยผมแก้วที่ใสเหมือนเพชร กายก็เริ่มเบา ใจก็เริ่มปลอดโปร่ง
สบาย อาการปวดเมื่อยหรือตัวสั่นเพราะนั่งอยู่ในท่ากระโหย่งเท้าที่ไม่ถนัด
เป็นเวลายาวนานถึงชั่วโมงครึ่งก็หายไป พร้อมกับปอยผมแก้วนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นดวงใสๆ
ใสเหมือนเพชรอยู่กลางท้อง
แล้วท่านก็ทำพิธีอุปสมบทนาคผู้นั้นเป็นพระภิกษุ
ซึ่งท่านก็แนะนำให้จำดวงแก้วที่เกิดขึ้นในกลางท้องเมื่อใจหยุดนิ่งว่า
นั่นแหละดวงปฐมมรรค ต้นทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน ที่จะทำพระนิพพานให้แจ้ง
ให้รักษาเอาไว้ให้ดีว่า บวชมาแล้วเรามีวัตถุประสงค์จะทำพระนิพพานให้แจ้งเพียงประการเดียว
เราได้ต้นทางแล้ว คือ ดวงปฐมมรรค ให้รักษาเอาไว้ อย่าให้หาย
แล้วให้ไปทำต่อหลังจากบวชแล้ว นี่คือคำแนะนำสั่งสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ หรือหลวงปู่สดของเรา
หลวงพ่อเลยนำวิธีการนั้น
มาแนะนำสำหรับผู้ที่มีอาชีพหลากหลาย ตั้งแต่ขายผลไม้เรื่อยไป
ใครขายทุเรียนก็ให้นึกเอาลูกทุเรียนที่ตัวขาย เห็นอยู่ทุกวันจำเจ เอามาตั้งไว้กลางท้อง
ขายทุกวัน ฉะนั้นมันต้องนึกออก เอาไปตั้งกลางท้อง แล้วก็ทำใจหยุดนิ่ง
มองให้ใสเป็นทุเรียนเพชรให้ได้ แล้วจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทีเดียว
เพราะใจใสสมบัติใหญ่จะไหลมา แถมจะได้เข้าถึงพระธรรมกายในตัวเสียด้วย
ก็เลยแนะให้เอาทุเรียนมาตั้งไว้เป็นบริกรรมนิมิตแทนปอยผม หรือดวงแก้ว
ใครขายเงาะ
ก็ให้นึกเอาเงาะมาตั้งเอาไว้ในกลางท้อง ใครขายมังคุด ก็เอามังคุดมาตั้งกลางท้อง
มองให้ใสๆ เป็นมังคุดเพชรให้ได้ ใครขายแตงโม ส้มโอ ส้มเขียวหวาน
ก็ได้แนะนำไปตามลำดับ
ใครขายซาลาเปา
ไส้เค็ม ไส้หวาน ไส้เค็มก็มีหยักย่นๆ ไส้หวานก็เรียบๆ
ตั้งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การหยุดนิ่งเหมือนปอยผม นำไปสู่การหยุดนิ่ง
กระทั่งเข้าถึงดวงใส แล้วถึงพระธรรมกายภายในในที่สุด
หรือใครขายไข่มุก
ไข่มุกกลมๆ มีละอองนวลของไข่มุก เราจะนึกถึงไข่มุกก็ได้ เราจะเห็นไข่มุกขึ้นมาเลย
ถ้าเม็ดเดียวไม่พอ ก็เอาไข่มุกโผล่ขึ้นมา ๒ เม็ด ๓ เม็ด ยังนึกไม่ออก
ก็เอามาทีละเข่งเลย ไข่มุกเต็มไปหมดเลย ก็มองไป
คราวนี้จะอ้างว่านึกไม่ออกไม่ได้แล้ว เพราะเทลงเข่งเลย
หรือเทเพชรเป็นกะละมังอย่างนี้ เพชรใสๆ เจียระไนแล้วบ้าง หรือจะเอาแบบไม่เจียระไน
เหมือนเทพบุตรสหัสสรังสี มีรัศมีพัน ที่สายบังเหียนควบคุมราชรถเป็นเพชรกลมๆ ใสๆ
สว่างๆ อยู่ในตัว ร้อยเป็นพวงอย่างนั้นไปก่อนก็ได้นะลูกนะ ค่อยๆ นึกไป ให้ใจเย็นๆ
เพราะฉะนั้น
ในกรณีที่นึกดวงใสๆ ไม่ออก หรือกำลังฟุ้งอยู่
นึกอะไรไม่ออก ให้นึกเอาสิ่งที่ทำมาค้าขายมาตั้งไว้กลางท้อง
จะนึกอย่างนี้ก่อนก็ได้ เริ่มต้นจากสิ่งที่เราคุ้นก่อน
วิธีแก้ไขอุปสรรคในการปฏิบัติธรรม
ถ้าง่วงก็ปล่อยให้หลับ แต่หลับในกลาง
ถ้าเมื่อยก็ขยับ แต่อย่าให้กระทบกระเทือนคนข้างเคียงเขา หรือเมื่อยมากก็ลุกย่องเบาๆ
ค่อยๆ ไปเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้นยืดสาย หายเมื่อยเราก็กลับมาใหม่ แต่อย่ากลับบ้านไปเลย
ถ้าเมื่อยก็ขยับ ง่วงก็หลับ
ฟุ้งก็ลืมตา ดูดวงตาของคุณยาย ของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ที่มีภาพตั้งอยู่ หรือของพระพุทธรูป
จะเป็นพระพุทธรูปที่เป็นโลหะก็ได้ เป็นพระพุทธรูปแก้วใสๆ ก็ได้
ท่านจะหันหน้าเข้าหาเรา หรือออกไปทางเดียวกับตัวเราก็ตามใจท่านไปก่อน
ปล่อยใจไปอย่างสบายๆ
ถ้านึกองค์เดียวไม่ออก
นึกทีหนึ่งเป็นล้านๆ องค์ก็ได้ เอาร้อยองค์ก่อน นึกไม่ออกก็เอาพันองค์
ที่อยู่ในอิริยาบถไหนก็แล้วแต่ หรือจะนึกที่มหาธรรมกายเจดีย์ ๓๐๐,๐๐๐
องค์ เดี๋ยวก็จะมีสักองค์ผุดเกิดขึ้นตรงกลาง พระสีทองผ่องอำไพ แล้วก็จะใสเป็นแก้ว
ใสเป็นเพชรไปในที่สุด มองอย่างนี้นะลูกนะ มองเรื่อยๆ ไป อย่างสบายๆ
มีให้มองชัดเจนแค่ไหน เราก็มองอย่างนั้นไปก่อน ไม่ต้องไปเร่งร้อนที่จะให้มันชัด ใส
ให้ได้ดังใจของเรา มีให้ดูแค่ไหนเราก็ดูไปอย่างสบายๆ
เมื่อใจเจิดจ้า
วิมานก็สว่างไสว
ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น
ให้สะอาด บริสุทธิ์ อย่างนี้นะ มองไปเรื่อยๆ เลย จะมองเพชรกี่เม็ด พระกี่องค์ เราก็มองไปอย่างสบายๆ
ทำใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ใจของเราจะได้ถูกกลั่นให้สะอาด ให้บริสุทธิ์
ให้ละเอียด พลอยให้ดวงบุญในตัวของเราเจิดจ้า วิมานของเราจะได้สดใส
สว่างไสวทีเดียวนะลูกนะ
เรามีวิมานที่เป็นของเรา มีวิมานที่ร้างๆ
อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตเยอะเลย เจ้าของเขาลงมาสร้างบารมีอยู่ในโลกมนุษย์นี้
ของใครก็ของคนนั้น จะเจิดจ้าอย่างไรก็แล้วแต่ใจของเรา ปรารถนาจะให้ขมุกขมัว สลัวๆ
ก็แล้วแต่ใจเรา จะให้สุกใสสว่าง ก็แล้วแต่ใจเรา ตอนเป็นมนุษย์ คิดอย่างหนึ่ง
ตอนเป็นเทวดาก็คิดอีกอย่างนะลูกนะ
เพราะฉะนั้น นั่งเรื่อยไป
วิมานแม้ร้างเจ้าของ เพราะเจ้าของมานั่งอยู่ข้างหน้ายายก็ตามเถอะ
เราก็จะต้องรักตัวของเรา รักวิมานของเรา ให้เจิดจ้า ให้สดใส
อยู่ที่ใจของเราในกลางตัว ในเมืองมนุษย์นี่แหละ
ลูกทุกคนนั่งอย่างนี้ นั่งไปเรื่อยๆ
ใจเย็นๆ สบายๆ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะลูกนะ
อธิษฐานจิต
แผ่เมตตา
คราวนี้เราก็นึกถึงบุญที่เกิดจากธรรมปฏิบัติ
ซึ่งมีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาล จะนับจะประมาณมิได้
ขออานุภาพแห่งบุญอันไม่มีประมาณที่เกิดจากธรรมปฏิบัตินี้ ให้ขจัดสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ
ของเราให้หมดสิ้นไป ตั้งแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง วิบัติ บาปศักดิ์สิทธิ์
วิบากกรรม วิบากมาร อุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิต ความอดอยาก ยากจน ขัดสน
สร้างบารมีไม่ได้สะดวก ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ความโศกเศร้าเสียใจ คับแค้นใจ
ร่ำพิไรรำพัน โรคภัยไข้เจ็บในตัวต่างๆ สิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดให้ละลายหายสูญไปให้หมด
ให้เหลือแต่สิ่งที่ดีๆ
ปรากฏเกิดขึ้น เป็นผังแห่งความดีงาม ตั้งแต่สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อายุยืนยาว
ได้สร้างบารมีกันไปนานๆ
จะประกอบธุรกิจการงานอันใดก็ให้ประสบความสำเร็จเป็นอัศจรรย์ ซื้อง่าย ขายคล่อง
กำไรงาม เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ เป็นมหาเศรษฐีคู่บุญค้ำจุนพระพุทธศาสนา
ประดุจท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และมหาอุบาสิกาวิสาขา
ให้สมบัติไหลมาเทมา ทั้งวันทั้งคืน
ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน หมดหนี้สินเหลือกิน เหลือใช้
เหลือไว้สร้างบารมี ให้ผังรวยถาวร ติดตัวไปในภพเบื้องหน้า
สมบูรณ์ไปด้วยสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง
เอาไว้ใช้สร้างบารมีอย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น ครอบครัวก็ให้อยู่เย็นเป็นสุข เป็นครอบครัวแก้ว
ครอบครัวธรรมกาย ครอบครัวตัวอย่างของโลก ให้เป็นที่รักของมนุษย์ ของเทวดาทั้งหลาย
ให้มีบุญพิเศษ ไปทำหน้าที่ผู้นำบุญ
ยอดกัลยาณมิตร ก็ให้สมหวังดังใจในทุกสิ่ง ให้มีดวงปัญญาสว่างไสว
แตกฉานแทงตลอดทั้งทางโลกและทางธรรม จะตอบคำถามของบุคคลใดก็ตาม ให้เขาได้หายสงสัย
เกิดความอาจหาญ ร่าเริง เบิกบานในการสร้างบารมี
ให้ได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมในทุกสถานที่ เดินทางไกลก็ให้ปลอดภัย อัคคีภัย
โจรภัย ราชภัย ภัยทุกชนิด อย่าได้มากล้ำกราย
ภิกษุสามเณร
ก็ขอให้ศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรม ได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค ปฏิบัติธรรมก็ให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ได้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย ให้เป็นครูเขา อาจารย์เขา
เทศนาสั่งสอนธรรมะอันใดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ให้ไพเราะเบื้องต้น ท่ามกลาง
เบื้องปลาย บริสุทธิ์ บริบูรณ์ทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ ใครได้ยินได้ฟัง
ก็ให้เกิดความปีติเลื่อมใส ขนพองสยองเกล้า ให้ดีอกดีใจ บรรลุธรรมาภิสมัยกันทุกๆ คน
จะปรารถนาอะไรในสิ่งที่ดีก็ให้สมหวังดังใจในทุกสิ่ง
ลูกที่อยู่ต่างประเทศทั่วโลก
ก็ขอให้สมหวังดังใจในทุกสิ่ง ให้ทำมาหากินมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรง
ธรรมะสว่างไสว คิดอะไรก็ให้ได้สมความปรารถนา ภายในประเทศทั่วประเทศ
ก็ให้เจริญรุ่งเรืองในธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จะค้าขายอะไรก็ให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ในธุรกิจการงาน รับราชการหรืองานเอกชน
ก็ให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ศึกษาเล่าเรียนก็ให้เป็นบัณฑิตนักปราชญ์กันทุกๆ คน
ให้บุญนี้ได้ถึงแก่หมู่ญาติ
บรรพบุรุษ บุพการี ที่ละโลกไปแล้ว มีบิดามารดา ปู่ย่า ตายาย พี่ป้า น้า อา
ญาติสนิทมิตรสหาย สัมพันธชน เป็นต้น
ให้มีส่วนแห่งบุญส่วนที่เราได้ประพฤติปฏิบัติธรรมในวันนี้
รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ ที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร ๓๑ ภูมิ
ในภพทั้ง ๓ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ในกำเนิดทั้งสี่ ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล
ขอให้มีส่วนแห่งบุญที่เราได้อุทิศไปในวันนี้
ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมกายของคุณยาย
พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และพระนิพพาน
ได้นำบุญนี้ไปถึงแก่หมู่ญาติและสรรพสัตว์ทั้งหลายดังกล่าว ที่มีทุกข์มาก ก็ให้ทุกข์น้อย
ที่มีทุกข์น้อย ก็ให้พ้นทุกข์ ที่มีสุขน้อย ก็ให้สุขมาก ที่มากแล้ว
ก็ให้สุขมากยิ่งขึ้นไปตามลำดับ
ให้จิตใจของเราเบิกบาน
อาจหาญร่าเริงในธรรม อย่าได้ตกต่ำเลย อย่าได้ประมาท อย่าได้ชะล่าใจ
ให้ได้สร้างบุญบารมีทุกวันทุกคืน ทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งนั่ง นอน
ยืน เดิน ให้เป็นผู้มีบุญ มีบารมี มีธรรมะที่สว่างไสว มีดวงปัญญาที่แตกฉานแทงตลอด
ทั้งทางโลกและทางธรรม แล้วก็นึกอธิษฐานจิตกันไปกันทุกๆ คนนะจ๊ะ
ให้พร
คืนนี้ให้หลับเป็นสุข
อยู่ในกลางพระธรรมกาย ให้พระนิพพานปกปักรักษาทั้งวันทั้งคืน ให้กลั่นกายวาจาใจลูกทุกคนให้สะอาดริสุทธิ์
จะได้เหมาะสมเป็นภาชนะสำหรับรองรับสมบัติใหญ่ที่จะเกิดขึ้นทั้งโลกียทรัพย์และอริยทรัพย์
ตื่นขึ้นมาก็ให้สดชื่นเบิกบานในธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปทำมาหากิน ทำมาค้าขาย
ประกอบธุรกิจการงานในสาขาอาชีพอันใดก็ตามให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
สมบัติไหลมาเทมา แก้วแหวนเงินทอง ทรัพย์สินเนืองนองตลอดเวลา จงทุกประการเทอญ
วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565