เรียนใดฤาจักสู้ วิชชา
เรียนอื่นของมารา เขานั้น
เรียนหยุดพุทธศาสนา พาหลุด
พ้นจากมารบีบคั้น กลั่นแกล้งอนันต์กาล
ตะวันธรรม
นิวรณ์ ๕
วันพฤหัสบดีที่
๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
Link ไฟล์เสียงนำนั่งสมาธิใน youtube
ง่ายแต่ลึก 4 |EP.16| : นิวรณ์ 5
เมื่อเราบูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุก ๆ คนนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย
ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตัก พอสบาย ๆ
หลับตาของเราเบา ๆ ค่อนลูก พอสบาย ๆ คล้าย ๆ กับตอนที่เราใกล้จะหลับ
อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา
ทำใจของเราให้เบิกบาน แช่มชื่น
ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด
ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจให้ว่าง ๆ
คราวนี้เราก็มาสมมติว่า ภายในร่างกายของเราปราศจากอวัยวะ
ปอด ตับ ม้าม ไต หัวใจ เป็นต้น สมมติเป็นที่โล่ง ๆ ว่าง ๆ เป็นปล่อง เป็นช่อง
เป็นโพรง กลวงภายใน คล้าย ๆ ท่อแก้ว ท่อเพชรใส ๆ
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของพระเดชพระคุณหลวงปู่
ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ครบ ๑๑๘ ปี ถ้าหากท่านยังมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ ท่านก็จะอายุ
๑๑๘ ปี ท่านได้ทิ้งข้อวัตรปฏิบัติ ปฏิปทามโนปณิธานของท่าน
เป็นต้นบุญต้นแบบให้แก่โลก
แล้วก็ยังได้มอบสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตของมวลมนุษย์และเทวดาเอาไว้ให้กับโลกอีก
ก็คือธรรมปฏิบัติที่จะทำให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ถึงพุทธรัตนะ ถึงธรรมรัตนะ
ถึงสังฆรัตนะ ซึ่งรัตนะทั้งสามนี้เป็นที่พึ่งที่ระลึกของมวลมนุษยชาติ
ของตัวเราทั้งหลาย เป็นผู้ที่จะนำให้เราข้ามพ้นวัฏสงสาร ไปสู่ฝั่งอมตะพระนิพพานได้
การปฏิบัติธรรม
ท่านสรุปวิธีการเอาไว้โดยย่อว่า “หยุดเป็นตัวสำเร็จ” ที่จะทำให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
เข้าถึงพระอริยบุคคลภายใน ซึ่งเราไม่ต้องเสียเวลาไปแสวงหาพระอริยบุคคลภายนอก
เพราะดูยากว่า ท่านใดบุคคลใดจะเป็นพระอริยเจ้า
แต่ท่านแนะให้ได้เข้าถึงพระอริยบุคคลภายใน จะเป็นโคตรภูบุคคล พระโสดาบัน
พระสกิทาคามี พระอนาคามี หรือพระอรหันต์ ตลอดจนกระทั่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า
อยู่ภายในกายยาววา หนาคืบ กว้างศอกของเรานี่แหละ และจะเข้าถึงก็ด้วยหยุดกับนิ่ง
หยุดเป็นตัวสำเร็จ
คือเอาใจที่แวบไปแวบมาคิดไปในเรื่องราวต่าง ๆ
นำกลับมาหยุดนิ่งอยู่กับเนื้อกับตัวที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ในกลางท้องของเรา
ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ โดยให้กำหนดบริกรรมนิมิตเป็นดวงใส ๆ
กลมรอบตัว เหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ แต่ว่าใสประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว
ไม่มีตำหนิเลย โตเท่ากับแก้วตาของเรา คือ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดปลายนิ้วก้อย นิ้วชี้
นิ้วนางของเรา อยู่ในกลางท้องให้เอามาหยุดนิ่งอยู่ที่ฐานที่ ๗
พร้อมกับประคองใจด้วยบริกรรมภาวนาว่า
สัมมาอะระหัง เรื่อยไปเลย กี่ครั้งก็ได้ จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง ซึ่งจะมีอาการอย่างนี้
คือเหมือนเราลืมคำภาวนาสัมมาอะระหังไป แต่ใจไม่ฟุ้งไปคิดเรื่องอื่น
หรือเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากจะภาวนาต่อไป อยากจะหยุดใจนิ่งอย่างนี้อย่างเดียว
คือตรึกนึกถึงดวงใส หยุดอยู่ในกลางดวงใส นี่คือคำแนะนำของท่านว่า
ต้องหยุดอย่างนี้นะเพราะใจไม่หยุด ทำให้เราเข้าไม่ถึงสิ่งที่ดี
ที่มีอยู่ในตัวของเราซึ่งเป็นแผนผังของชีวิต ทำให้เข้าไม่ถึงพระรัตนตรัยในตัว
ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกภายใน
นิวรณ์ ๕
ที่ใจเราไม่หยุด เพราะว่ามีนิวรณ์ ๕
มาเป็นเครื่องกั้น
นิวรณ์ แปลว่า เครื่องกั้น
กั้นไม่ให้ใจของเรา หรือเห็น จำ คิด รู้ เข้าไปถึงดวงธรรมภายใน
ไม่ให้ใจของเราตกศูนย์เข้าไปถึงดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หยาบ ใส บริสุทธิ์
โตเท่ากับฟองไข่แดงของไก่ แล้วก็ลอยขึ้นมาเป็นดวงปฐมมรรค
คือกั้นไม่ให้เข้าถึงปฐมมรรค เขาเรียกว่า นิวรณ์ ๕ มีตั้งแต่
กามฉันทะ คือ การตรึกถึง เรื่องเพศบ้าง
เรื่องทรัพย์สมบัติบ้าง หรือคน สัตว์ สิ่งของ เป็นต้น
พยาบาท ความขุ่นมัว ขัดเคืองใจ มุ่งร้ายเขา
วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย สงสัยว่า เออ
มันมีจริงไหม คนอย่างเราจะเข้าถึงหรือ หรือมีคนอื่นเข้าถึงหรือเปล่า
ถีนมิทธะ ความง่วง ความท้อ เคลิบเคลิ้ม
อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งคิดไปในเรื่องราวต่าง
ๆ
นิวรณ์ ๕
นี้เป็นเครื่องกั้นไม่ให้เราเข้าถึงธรรมภายใน
อุปมาเหมือนเรามีดวงตาที่สามารถเห็นอะไรก็ได้ แต่ถูกถุงดำมาสวมศีรษะครอบเอาไว้ถึง
๕ ชั้น ทำให้มองอะไรไม่เห็นไปตามความเป็นจริง ถุงดำ ๕ ชั้นก็คล้าย ๆ กับนิวรณ์ทั้ง
๕ นี่แหละ เพราะนิวรณ์มันดำมืดเป็นเครื่องกั้นในการเห็น ไม่ให้ใจเราเข้าถึงดวงธรรม
ถึงดวงปฐมมรรค แม้มีอยู่ในตัว ก็เข้าไม่ถึง เมื่อเข้าไม่ถึง จึงไม่รู้ว่ามี
เราจึงไม่เคยเจอความสุขที่แท้จริง ไม่เคยอบอุ่นใจเลย เพราะเข้าไม่ถึงพระรัตนตรัย
แต่พระเดชพระคุณหลวงปู่ ท่านแนะว่า
เอาใจมาหยุดนิ่งตรึกถึงดวงใส หยุดอยู่กลางดวงใส ๆ แล้วก็ภาวนาสัมมาอะระหังเรื่อยไป
นอกจากดวงแล้วอาจจะตรึกถึงองค์พระ หรือภาพหลวงปู่ ภาพคุณยาย
หรือสิ่งที่คุ้นเคยก็ได้ เพื่อให้เป็นที่ยึดที่เกาะของใจเรา
ใจเราจะได้อยู่กับเนื้อกับตัว อยู่ที่ฐานที่ ๗ พอหยุดนิ่งนาน ๆ
ไม่ช้าก็จะถูกส่วนไปเอง
ดวงภายใน
กายภายใน
พอถูกส่วนก็จะตกศูนย์วูบไปที่ฐานที่ ๖
จะไปยกเอาดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หยาบใสบริสุทธิ์โตเท่ากับฟองไข่แดงของไก่ลอยขึ้นมา
อยู่ที่ฐานที่ ๗ ซึ่งท่านเรียกว่า ดวงธัมมา-นุปัสสนา สติปัฏฐาน
คือธรรมเบื้องต้นหรือดวงปฐมมรรค แปลว่า ต้นทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน
เมื่อธรรมดวงนี้บังเกิดขึ้น
เราก็จะเห็นหนทางที่จะเข้าไปสู่ภายใน ซึ่งเป็นเส้นทางสายกลางของพระอริยเจ้า
จะเป็นจุดเล็ก ๆ ใส ๆ ซึ่งพอแตะใจเบา ๆ จุดเล็กใสในกลางดวงธัมมา-นุปัสสนา สติปัฏฐาน
ก็จะขยายใหญ่ขึ้น ดวงเดิมก็ขยายจนตกขอบไปเลย ดวงใหม่เกิดขึ้น
เป็นเครื่องกรองกลั่นใจเราให้บริสุทธิ์ คือ ดวงศีล และในกลางดวงศีลก็จะมีจุดเล็ก ๆ
จุดศูนย์กลางเล็ก ๆ นั่นแหละ
เป็นช่องทางเดินของใจ เราก็หยุดต่อไป ดวงศีลก็ขยาย
พร้อมกับจุดเล็กตรงกลางขยายพร้อม ๆ กันมา ดวงถัดมาก็คือ ดวงสมาธิ
แล้วก็เข้าถึงดวงปัญญา ดวงวิมุตติ
แต่ตรงกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะนี่แปลก
จุดเล็กใสเหมือนกัน เวลาเราดูห่าง ๆ ปกติน่าจะเป็นดวงเกิดขึ้น
แต่กลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะ จุดเล็กใส ๆ นั้นกลายเป็นกายมนุษย์ละเอียด คือ
ขยายออกมาเป็นกายที่นั่งสมาธิ หน้าตาเหมือนกับตัวของเรา ท่านหญิงเหมือนท่านหญิง
ท่านชายเหมือนท่านชาย โตเต็มส่วนเลย นั่งสมาธิ หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา
นี่ซิมันแปลก มันอัศจรรย์จริง ๆ ว่า พระเดชพระคุณหลวงปู่ไปค้นเจอได้อย่างไร
เข้าไปถึงกายในกาย กายมนุษย์ละเอียด
ไปกายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหมหยาบ กายรูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหมหยาบ
กายอรูปพรหมละเอียด กายธรรมโคตรภูหยาบ กายธรรมโคตรภูละเอียด กายธรรมพระโสดาบันหยาบ
กายธรรมพระโสดาบันละเอียด กายธรรมพระสกิทาคามีหยาบ กายธรรมพระสกิทาคามีละเอียด
กายธรรมพระอนาคามีหยาบกายธรรมพระอนาคามีละเอียด กายธรรมพระอรหัตหยาบ
กายธรรมพระอรหัตละเอียด
ทั้งหมด ๑๘ กาย
นับจากกายมนุษย์หยาบไปถึงกายธรรมอรหัต ระหว่างกายก็จะมีธรรม ๖ ดวง
เป็นเครื่องคั่นเพื่อกลั่นใจเชื่อมให้ไปถึงอีกกายหนึ่ง
๑๘ กายนี้เป็นแผนผังที่ติดมาดั้งเดิม
ตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ถึงแม้จะติดมา
ถ้าหากไม่มีพระเดชพระคุณหลวงปู่ของเราสละชีวิต ค้นพบ นำมาเปิดเผย
เราจะไม่มีวันรู้เด็ดขาด
ทีนี้ถ้าไม่รู้มันอันตราย
เพราะโอกาสที่เราจะดำเนินชีวิตผิดพลาดจะมีมาก
เพราะสิ่งแวดล้อมมันอำนวยให้ไปนรกทั้งสิ้น เหมือนชาวประมงที่ออกทะเล คืบก็ทะเล
ศอกก็ทะเล เมตรวาก็ทะเล รอบตัวเราคิดพูดทำอะไรนิดหน่อยก็นรก อันตรายมาก
ไม่รู้ไม่ได้ ไม่รู้แล้วก็จะทำผิดกฎแห่งกรรม มีวิบากเป็นผล
ทุกข์ทั้งในปัจจุบันทุกข์ทั้งในอนาคต ในอบาย ในสังสารวัฏ ซึ่งยาวนานมาก อันตรายมาก
ๆ
พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านค้นพบ มาแนะนำ
ทำให้เราเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้ในปัจจุบัน ได้รู้เรื่องราวความจริงของชีวิต
จะพ้นวิบากกรรมได้ต้องเข้าถึงกายธรรม นี่เป็นสิ่งที่เราต้องการทราบมากว่าเมื่อไรจะพ้น
นอกจากไปเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็ต้องค้นคว้าด้วยตัวเองไปถึงกายธรรม
ไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรมจึงจะพ้นได้
ความรู้อย่างนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง ไม่มีใครมาบอกเรา บอกแต่กว้าง ๆ ว่า
อย่าไปทำบาป ให้ทำดี ทำใจให้ใส แต่จะพ้นกรรมอย่างไร และเราก็ทำผิดพลาดกันมาก็เยอะ
เพราะเวียนว่ายตายเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน แค่นี้ก็เป็นพระคุณที่ล้นเหลือจริง ๆ
สาธุชน : บ้านแก้วเรือนทองของคุณยายอาจารย์ฯ : ๑๙.๐๐ - ๒๑.๐๐ น.
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565