ทุกทุกสิ่งมีอยู่แล้วในกลางกาย
แม้อารมณ์สบายที่กำลังแสวงหา
แค่ทำใจหยุดนิ่งนิ่งเดี๋ยวก็มา
เชื่อเถิดหนามันเหลือเชื่อแต่เป็นจริง
ตะวันธรรม
การทำสมาธิไม่ยาก
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗
Link ไฟล์เสียงนำนั่งสมาธิใน youtube
ง่ายแต่ลึก 2 |EP.27| : การทำสมาธิไม่ยาก
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ
อากาศกำลังดี เดี๋ยวตั้งใจนั่งกันให้ดีทุกคนเลย หลับตาเบาๆ สบายๆ
แล้วก็เอาใจหยุดไปนิ่งๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ กลางท้องของเรา
เหนือสะดือขึ้นมาสองนิ้วมือ ให้วางเบาๆ สบายๆ
วิธีแก้กดลูกนัยน์ตา
บางท่านเริ่มต้นยังไม่คุ้นเคยกับการวางใจไว้ตรงกลางกายฐานที่
๗ เราจะเริ่มต้นตรงไหนก่อนก็ได้ ตรงที่เรามีความรู้สึกว่าสบาย
ที่เราจะไม่ต้องกดลูกนัยน์ตาลงไปดู เพราะบางคนเป็นอย่างนั้น เราอาจจะทำใจนิ่งเฉยๆ
โดยไม่คำนึงถึงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างนี้ไปก่อนก็ได้
แต่เรารู้ว่าเป้าหมายตอนสุดท้ายจะต้องมาอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เพราะพระรัตนตรัยอยู่ตรงนั้น
นี่สำหรับบางท่านที่ชอบกดลูกนัยน์ตาไปดูก็ต้องแก้ด้วยวิธีอย่างนี้
เช่น อาจจะเริ่มต้นที่
ฐานที่ ๑ ปากช่องจมูก หญิงซ้ายชายขวา ตรงนั้นไปก่อนก็ได้
หรือฐานที่ ๒ ตรงหัวตา
หญิงซ้าย ชายขวา รู้สึกตรงนี้จะง่ายกับหลายๆ ท่าน เราจะนิ่งตรงนี้ไปก่อนก็ได้
หรือใครถนัดฐานที่ ๓
ที่กลางกั๊กศีรษะ เราก็ช้อนตาเหลือกค้างขึ้นไป แล้วก็ปล่อยตาเป็นปกติ
ตรงนี้จะยากสักนิดหนึ่ง สำหรับผู้ไม่คุ้นเคยนะ
หรือจะเลื่อนลงมาที่เพดานปาก
ช่องปากที่อาหารสำลัก(ฐานที่๔)
หรือมาที่ปากช่องคอ
เหนือลูกกระเดือก (ฐานที่๕)
หรืออยู่กลางท้องระดับสะดือ
คือ ฐานที่ ๖
หรือยกสูงขึ้นมา ๒
นิ้วมือ ฐานที่ ๗
เราก็ลองสำรวจทบทวนดูสักฐานหนึ่งใน
๗ ฐานว่า เราถนัดอย่างไหน เอาอย่างนั้นไปก่อน ไม่ได้ผิดหลักวิชชา
เพราะเรารู้เป้าหมายแล้วว่า เราจะไปที่ตรงไหน เหมือนเราอยู่กันคนละทิศละทาง
ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ภาคกลาง แต่เราอยากจะมาวัดพระธรรมกาย
จะเริ่มตรงไหนก่อนก็ได้ แต่เป้าหมายสุดท้ายเราก็มาวัดพระธรรมกาย
หรือจะวางใจนิ่งๆ
โดยไม่คำนึงถึงฐานก่อนก็ได้ ให้รู้สึกว่าสบาย เบิกบาน จะนึกนิมิตเป็นภาพ
หรือไม่นึกก็ได้ เราก็เลือกเอา
ในเบื้องต้นให้ทำอย่างนี้นะ
เพื่อให้มีความรู้สึกว่า การทำสมาธิไม่ใช่ของยาก
อยู่ในวิสัยที่เราทำได้ให้เกิดความรู้สึกอย่างนี้ไปก่อน พอใจมันนิ่งๆ นุ่มๆ
ละมุนละไม สบาย สบายอาจจะมีสักแวบหนึ่ง ไม่ถึงนาที รู้สึกตัวมันโล่ง ขยาย หรือตัวหายไป
หรือตัวเบาๆ ลอยๆ เอ้ะ อย่างนี้ใช้ได้แล้ว แม้ครั้งนั้นได้ไม่ถึงนาที
หรือได้แค่นาทีเดียวก็คุ้มแล้วกับที่เราได้ลงทุนนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนา
แล้วก็ทบทวนดูว่า
เราทำอย่างไรถึงได้อย่างนั้น เราก็ทำอย่างนั้นอีก มันก็จะไปเป็นอย่างนั้นอีก
แล้วจาก ๑ นาที ก็ขยายมาเป็น ๒ นาที ๓ นาที ขยายไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเราคุ้นเคยชำนาญขึ้น คล่องขึ้น ก็จะไปสู่จุดนั้นได้เร็วขึ้น
ซึ่งบางครั้งเรานั่งชั่วโมงหนึ่งกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ฟุ้งไปตั้ง ๕๐ กว่านาที
มาได้ตอนท้ายๆ ชั่วโมง แต่พอเราทำบ่อยๆ ซ้ำๆ ก็จะไปถึงจุดนั้นได้เร็วเข้า จาก ๕๐
นาที ก็เหลือ ๔๐ นาที ๓๐ นาที ๒๐นาที ๑๐ นาที กระทั่งไม่ถึง ๑๐ นาที
ก็จะถึงตรงนั้น ขึ้นอยู่กับเราทบทวนดูว่า เราทำอย่างไร ก็ให้ทำอย่างนั้นบ่อยๆ
ข้อสำคัญ อย่าไปลุ้น
เร่ง เพ่ง จ้อง ไปกำกับ ไปบังคับ ให้หมั่นศึกษา ฝึกฝน
และทำความเข้าใจในการทำสมาธิให้ดี แล้วเราจะรู้สึกว่า
การทำสมาธิไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่อยู่ในวิสัยที่เราทำได้ แต่เราไม่ได้ทำ
แล้วก็คิดกังวลไปก่อนล่วงหน้าทั้งนั้น
การทำสมาธิไม่ใช่เรื่องยากคล้ายๆ
กับเรานึกถึงเรื่องอะไรที่สนุกๆ และเราเพลินๆ ไปในเรื่องนั้น
แต่นั่นเพลินไปเรื่อยเปื่อย แต่การทำสมาธิเราต้องการเพลินในอารมณ์เดียว
ซึ่งอารมณ์ตรงนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักว่าต้องสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
ก็จะเข้าถึงปฐมฌาน ที่ประกอบไปด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
เมื่อถึงตรงนี้แล้วปีติจะซาบซ่านไปทั่วทั้งเนื้อทั้งตัว ทุกขุมทุกขน
ไม่มีส่วนใดของร่างกายที่ความปีติจะแผ่ไปไม่ถึง นั่นเป็นหลักวิชชา
เพราะฉะนั้น
ต้องสงัดจากกาม และสงัดจากอกุศลธรรม คือ ใจต้องหยุดนิ่งอย่างสบายๆ ดังกล่าว
ลองดูนะ
ลองนิ่งๆ เฉยๆ เบาๆ
หลับตาก็แค่ปรือๆ ตาไม่ถึงกับปิดสนิท และก็ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย ใจนิ่งๆ
เย็นๆ ไม่มีความคิดอะไร นิ่งเฉยๆ เหมือนไม่ได้ทำอะไร
แล้วเดี๋ยวมันจะถูกปรับของมันไปเอง ปรับให้นิ่ง แล้วจะดิ่งเข้าไปเอง
ในกรณีที่นิ่งได้ระดับหนึ่งแล้วภาพเกิดขึ้น
เราก็ต้องเฉยๆ อย่างเดิม อย่าไปตื่นเต้นดีใจจนเกินขนาดให้ระงับความตื่นเต้นเอาไว้
แต่ถ้าระงับไม่อยู่ก็ช่างมัน
ยอมให้ตื่นเต้นสักพักหนึ่งเพราะมันก็น่าตื่นเต้นเนื่องจากเราไม่นึกว่า
คนอย่างเราจะเห็นแสงสว่างภายใน เห็นดวงใส องค์พระใสๆ
มันก็น่าตื่นเต้นแต่ความตื่นเต้นก็มีข้อเสียทำให้ภาพที่เราเห็นมันหายไป
เราก็ต้องเลือกดูว่า
ระหว่างเรายอมไม่ตื่นเต้นกับยอมตื่นเต้น เราควรจะเลือกอันไหน ซึ่งนั่งในคราวถัดๆ
ไป เราจะเลือกได้ว่า เราเลือกขอไม่ตื่นเต้นดีกว่า
เพราะจะทำให้แสงสว่างก็ยังอยู่ดวงใสๆ ก็ยังอยู่ หรือองค์พระใสๆ ก็ยังอยู่
หรือบางทีเห็นตัวเอง ตัวเราเองก็ยังอยู่
ทันทีที่เรานั่งหลับตาเบาๆ
ขัดสมาธิ คู้บัลลังก์
กายตั้งตรงเท่ากับเรากำความสำเร็จที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวล้านเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์
ขอให้เราเพียงได้นั่งหลับตา นิ่ง สบาย ผ่อนคลาย ไม่ต้องคิดอะไร ทำเฉยๆ
แล้วเดี๋ยวมันก็จะเข้าไปสู่ตรงนั้น
ในกรณีที่เราจะพูดถึงสิ่งที่ลึกซึ้ง
ละเอียดอ่อน ประณีตเหนือธรรมชาติ เรามักจะเข้าใจว่า มันเอื้อมไม่ถึง
มือมันสั้นแต่ความจริงมันเหมือนเส้นผมบังภูเขา
เส้นผมบังลูกนัยน์ตาเราทำให้มองไม่เห็นภูเขาลูกโตๆ เช่นเดียวกัน “หยุด”
อย่างเดียวนี่แหละที่จะทำให้เราเข้าถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ภายใน
บางทีเราไม่ค่อยจะเชื่อว่า เอ๊ะ! มันจะเป็นไปได้อย่างไร แต่ความจริงเป็นอย่างนั้น
ธรรมะเป็นของลึกซึ้ง
จะเข้าถึงได้อย่างง่ายๆ ถ้าทำถูกหลักวิชชา คือทำให้ง่ายๆ มันก็จะง่าย
ถ้าทำของง่ายให้ยาก มันก็ยาก ยากง่ายก็อยู่ที่เรานี่แหละ จะทำให้ยากก็ได้ ทำให้ง่ายก็ได้
เราจะไม่พูดถึงเลยว่าบุญเราถึงหรือไม่ถึงถ้าบุญไม่ถึงเราก็มาไม่ถึงตรงนี้
เหลือแต่ว่าทำถูกวิธีหรือเปล่า สติ สบาย สม่ำเสมอ ต่อเนื่องกันไหม
ถ้าต่อเนื่องก็ได้
บ่ายนี้อากาศกำลังดี
กำลังสบาย เราลองวางใจนิ่งๆ ดูสำหรับผู้ที่ถนัดในการนึกภาพก็นึกไป ถ้านึกแล้วสบาย
จะเป็นองค์พระแก้วใสๆ หรือองค์พระองค์ใดองค์หนึ่งที่เราคุ้นเคยก็ได้ องค์ใหญ่
องค์เล็ก รูปร่างลักษณะหลากหลายอย่างไรก็เอาเถอะ นึกเอา ไม่ชัดไม่เป็นไร
เราต้องการความนิ่ง ให้ใจมีพระเป็นอารมณ์ ไม่เกี่ยวกับชัดหรือไม่ชัด
แต่ว่าเป็นความรู้สึกว่า มีพระในตัว หรือพระครอบตัวเรา
หรือเราเป็นพระก็ได้เพื่อใจจะได้นิ่ง
หรือจะเป็นดวงใสๆ
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวเพชรสักเม็ด ดวงแก้วกลมเหมือนลูกปิงปองอย่างนั้นนะ
นึกเอาอย่างเดียว แล้วบางทีนึกดวงแก้วแต่ว่าเห็นองค์พระขึ้นมา
หรือนึกองค์พระกลับเห็นดวงแก้ว หรือเป็นอย่างอื่น ภาพอะไรเกิดขึ้นก็ช่าง
เราก็ดูเฉยๆ ดูอย่างสบายๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้นต่างคนต่างทำกันไปเงียบๆ นะ
วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2565