คุณลักษณะที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
วันอาทิตย์ที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (๑๓.๓๐ -
๑๕.๓๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย-ปรับใจ
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะจ๊ะ หลับตาเบาๆ
พอสบายๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย
ทั้งเนื้อทั้งตัวให้มีความรู้สึกว่าสบาย ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี
ปรับท่านั่งให้ถูกส่วน จะได้ไม่ปวด ไม่เมื่อย ให้รู้สึกว่า สบายๆ ผ่อนคลาย
วางใจ
รวมใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในตำแหน่งที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นตำแหน่งที่สำคัญ ที่หยุดใจของเรา เพราะเป็นตำแหน่งเดียวกับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ
พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระอรหันตเจ้าทั้งปวง นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน
ที่ท่านได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ดับทุกข์หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ เข้าถึงอายตนนิพพานได้
ก็เพราะใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ที่เดียว ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งท่านบรรลุอรหันต์
อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นพระอรหันต์ทั้งปวงใจท่านจะมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ชีวิตเป็นทุกข์
เมื่อท่านผู้รู้ทั้งหลาย เบื่อหน่ายชีวิตแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ
ในกามภพ รูปภพ หรืออรูปภพ เมื่อเกิดความเบื่อหน่าย
ท่านก็จะคลายความผูกพันจากทุกสิ่ง เบื่อหน่ายเพราะเห็นทุกข์โทษภัยในชีวิตสังสารวัฏ
ไม่ว่าจะเกิดไปเป็นอะไรก็ตาม
เป็นมนุษย์ชั้นล่างก็ทุกข์แบบชนชั้นล่าง
ชั้นกลางก็ทุกข์แบบชนชั้นกลาง ชั้นสูงก็ทุกข์แบบชนชั้นสูง
ล้วนมีทุกข์อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งทุกข์ประจำตัวกับทุกข์ที่จรมา
ทุกข์ประจำตัว ได้แก่ ความแก่
ความเจ็บ ความตาย การพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก ประสบสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก
ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น ก็เกิดการโศกเศร้าเสียใจคับแค้นใจร่ำพิไรรำพัน
คือไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ตกอยู่ในสภาพอย่างนั้น
ทุกข์จรมา คือ ทุกข์จากข้างนอกกระทบมาถึง
อีกทั้งยังต้องตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม
กฎแห่งการกระทำ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ล้วนมีผลทั้งสิ้น กฎแห่งไตรลักษณ์ ความไม่เที่ยง
ความเป็นทุกข์ ความเป็นอนัตตา ไม่เป็นอิสรภาพ ไม่เป็นตัวของตัวเอง
แล้วก็ยังมีกฎเกณฑ์อีกเยอะแยะที่คอยบังคับบัญชาอยู่
เส้นทางพระอริยเจ้า
เมื่อท่านให้โอกาสตัวเอง
พิจารณาเห็นทุกข์โทษภัยในสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของท่าน
ก็เกิดความเบื่อหน่ายการเวียนว่ายตายเกิด อยากพ้นจากสภาพชีวิตอย่างนี้ ก็คลายความผูกพันจากสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสารของชีวิต
พอคลายใจก็หลุดพ้นจากสิ่งที่เคยไปผูกพัน ไม่ว่าเป็นรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
ธรรมารมณ์ คน สัตว์ สิ่งของ ลาภ ยศ สรรเสริญ อำนาจ วาสนา เป็นต้น ที่มันไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา
พอหลุด ใจก็จะกลับเข้ามาสู่ที่ตั้งดั้งเดิม คือ
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นตำแหน่งที่ตั้งดั้งเดิมของใจของเรา พอหยุดนิ่งได้ถูกส่วน
ก็เข้าถึงดวงธรรมที่มีอยู่ภายใน คือ ใจจะตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน แล้วดวงธรรมก็ลอยขึ้นมา
เป็นดวงใสๆ
อย่างน้อยก็ใสเหมือนกับน้ำใสๆ กระจกใสๆ หรือเพชรใสๆ
กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
ใสเย็นเหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ
อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน หรือใหญ่กว่านี้
แล้วแต่ตามกำลังบารมีที่ไม่เท่าเทียมกัน
ปรากฏเกิดขึ้นมาพร้อมกับความสุขที่ไม่เคยเจอ
ความบริสุทธิ์ของใจในระดับที่เราปีติและภาคภูมิใจในตัวเอง เคารพตัวเองได้
ใจจะเกลี้ยงๆ มีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจ ใจจะใสๆ เยือกเย็น
แล้วจะเห็นเส้นทางสายกลางของพระอริยเจ้า
เป็นเส้นทางไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้า และเป็นเส้นทางที่พระอริยเจ้า ได้ดำเนินจิตของท่านในเส้นทางนี้
จะเป็นจุดใสๆ เล็กๆ สว่างกว่าดวงปฐมมรรคที่ปรากฏเกิดขึ้น
จะเป็นจุดศูนย์กลางของดวงปฐมมรรค หรือดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
จุดเริ่มต้นในการไปสู่อายตนนิพพาน
ใจจะนิ่งแน่นหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ แล้วการเคลื่อนเข้าไปสู่ภายใน หรือการเดินทางเข้าไปสู่ในเส้นทางของพระอริยเจ้าก็เกิดขึ้น
คือ จะเคลื่อนเข้าไปข้างใน จะพบสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัว เป็นดวงธรรมที่ซ้อนๆ
กันอยู่ เป็นกายในกายที่ซ้อนๆ กัน มีความสุข ความบริสุทธิ์ที่ซ้อนๆ กันอยู่
เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไปตามลำดับ ผุดผ่านมาตรงกลางตรงนั้น ใจก็จะนิ่งดิ่งเข้าไปสู่ภายใน
โดยไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งเลย จะเคลื่อนเข้าไป จะเห็นเข้าไปตามลำดับ
จนกระทั่งเข้าไปถึงกายธรรมหรือพระธรรมกาย
เป็นองค์พระแก้วขาวใสเกินความใสใดๆ ในโลก สว่างมากๆ สวยงามมาก เกตุดอกบัวตูม ในอิริยาบถนั่งสมาธิ
นั่งอยู่บนแผ่นฌาน กลม แบน ใสๆ หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา เป็นกายของผู้รู้ผู้ตื่น
ผู้เบิกบานแล้ว เป็นกายของผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง
ในเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต สรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย
สิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน ที่ผ่านมาแล้วในอดีต กำลังบังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
และที่จะมีต่อไปในอนาคต
วิชชา ๓
วิชชา ๓ จะเกิดขึ้นในกายธรรมนี้
บุพเพนิวาสานุสติญาณ
การระลึกชาติหนหลังได้
จุตูปปาตญาณ เห็นภพภูมิต่างๆ
การเวียนว่ายตายเกิด กฎแห่งกรรม
อาสวักขยญาณ เห็นกิเลสทั้งหยาบและละเอียด มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป
แต่เป็นกิเลสในตระกูลทั้งสาม คือ โลภะ โทสะ โมหะ ที่พญามารเขาเอาไปหมักดองเอาไว้
เอาชีวิตทั้งชีวิต ทั้งธาตุ ทั้งธรรม เห็น จำ คิด รู้ ทุกกายไปหมักดอง ดองด้วยความโลภ
ความโกรธ ความหลง เหมือนเราเอาผักผลไม้ไปดองเค็ม ดองเปรี้ยว ดองหวานอย่างนั้น
จะเห็นเป็นภาพขึ้นมา เห็นได้ด้วยธัมมจักขุของพระธรรมกาย
เห็นได้รอบตัว ทุกทิศทุกทางในเวลาเดียวกัน เป็นการเห็นที่แจ่มแจ้ง ไม่มีอะไรกำบัง
แตกต่างจากการเห็นด้วยตามนุษย์ ตาทิพย์ พรหม หรืออรูปพรหม คือเห็นได้กว้างไกลลึกกว่าดวงตาเหล่านั้น
เห็นถึงไหนก็รู้ถึงนั่น
มีญาณทัสสนะ
ความรู้แจ้งก็เกิดขึ้น ความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็น เรียกว่า เห็นด้วยปัญญา
เกิดธัมมจักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง มีประชุมรวมพร้อมอยู่ในกายธรรมนี้
คำว่า วิปัสสนา
ความลับของชีวิตก็จะถูกเปิดเผย เปิดเผยด้วยกายธรรมที่อยู่ภายใน
ที่มีลักษณะสวยงามมาก เหมือนกันทุกคนในโลก ในแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล
เป็นกายที่สวยงาม มีการเห็นที่พิเศษแจ่มแจ้งแตกต่างจากการเห็นทั่วไป
ที่ภาษาบาลีใช้คำว่า วิปัสสนา
วิ แปลว่า วิเศษ แจ้ง ต่าง
ปัสสนา แปลว่า การเห็น
วิปัสสนา คือ การเห็นอย่างวิเศษ
แจ่มแจ้งแตกต่างจากการเห็นด้วยดวงตามนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม เพราะกว้างไกลกว่ากันเยอะแยะ
ทั่วถึงหมด
กายธรรมที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
กายธรรมนี้มีแต่ความสุขล้วนๆ
ไม่มีทุกข์เจือปนเลย เป็นกายเดียวที่พ้นจากกฎของไตรลักษณ์ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เป็นอนัตตา เพราะว่ากายธรรมนี้จะเป็นอมตะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีแต่สุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือเลย
เป็นกายดั้งเดิมตัวจริงของเรา เป็นอิสรภาพ
พ้นจากกฎทั้งไตรลักษณ์ จึงเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเราได้
เพราะว่าท่านเป็นอยู่ได้ด้วยตัวเอง ทุกข์ทั้งหลายเมื่อบังเกิดขึ้นกับเรา
ถ้าใจเรานำกลับเข้าไปสู่ภายใน อยู่ในกลางกายธรรมนี้ ทุกข์นั้นก็ดับไป
เหมือนคบเพลิงที่เราถือทวนลม เกิดความร้อนกระทบหน้ากระทบตัว
ความร้อนนั้นดับได้เมื่อคบเพลิงจุ่มลงไปในน้ำ กายธรรมก็จะมีสภาวะคล้ายๆ อย่างนั้น
จึงเป็นที่พึ่งได้ อบอุ่น ปลอดภัย ปลอดจากภัยทั้งหลาย มีภัยในอบายภูมิ เป็นต้น
เข้าถึงกายธรรมนี้ก็ปิดอบาย
มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป มีสุขในปัจจุบัน แม้ว่าปัญหายังมีอยู่ ที่เกิดจากความแก่
ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก เป็นต้น แม้มีปัญหาแต่มันก็ไม่เป็นปัญหา
เพราะใจหยุดนิ่งอยู่ในกลางกายธรรม กายที่มีลักษณะมีคุณสมบัติอย่างนี้
จึงจะเป็นที่พึ่งได้
เป็นที่ควรระลึกนึกถึง และต้องระลึกนึกถึง
ให้เห็น ชัด ใส แจ่ม อยู่ตลอดเวลา ทั้งหลับตา ลืมตา นั่ง นอน ยืน เดิน
เห็นท่านชัดใสแจ่มอยู่ตลอดเวลา จะมีความสุข สดชื่น เบิกบาน มีชีวิตชีวา อบอุ่น และรู้สึกปลอดภัยจากภัยทั้งปวง
ปัญหาต่างๆ แม้มีอยู่ ก็ไม่เป็นปัญหา คือ ไม่ทำให้ใจมีความทุกข์ทรมานได้
ปัญหามีก็แก้ไป ด้วยกำลังแห่งสติปัญญา
ตามกำลังแห่งบุญบารมีของตัว เพราะผู้ที่ประสบปัญหานั้น ไม่มีเว้นเลยแม้แต่คนเดียว
ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์ แม้เทวดาก็มีปัญหา หมดกำลังบุญก็ต้องจุติลงมา พรหม อรูปพรหมก็เหมือนกัน
แต่ถ้าเข้าถึงกายธรรมแล้ว มีปัญหาก็ไม่เป็นปัญหา
สิ่งที่มีลักษณะอย่างนี้ จึงจะเป็นสรณะให้กับตัวของเราได้
ถ้าไม่มีสภาวะอย่างนี้เป็นสรณะไม่ได้ เช่น เวลาเรามีทุกข์ บางคนก็ไปพึ่งต้นไม้
ภูเขา อารามศักดิ์สิทธิ์ พึ่งสัตว์เดรัจฉาน สมมติว่าเป็นปู่นั่น ปู่นี่
เข้าใจเอาเอง แต่สิ่งเหล่านั้นไปสู่จุดสลายทั้งสิ้น ยังพึ่งตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้น
จะเป็นที่พึ่งให้กับเราได้อย่างไร
ที่พึ่งที่แท้จริงนั้นมีอยู่เพียงที่เดียว
คือ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ กายนี้เท่านั้น คือ กายธรรมของเราเอง ดังนั้นเราก็จะต้องนำใจกลับมาอยู่ที่ตรงนี้
ให้เห็นชัดใสแจ่มอยู่ตลอดเวลา อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า อตฺตา
หิ อตฺตโน นาโถ เราเข้าถึงที่พึ่งที่ระลึกของเราได้แล้ว
พึ่งตัวเองได้แล้ว แม้อยู่คนเดียวในโลกก็มีสุขได้ อยู่ในป่าในเขา ห้วย หนอง คลอง
บึง ก็มีสุขได้ อยู่ในสถานการณ์อย่างไรก็มีสุขได้
เพราะฉะนั้น ลูกทุกคนก็จะต้องให้โอกาสตัวเอง
หมั่นศึกษาฝึกฝนพัฒนาตัวของเราให้หยุด ให้นิ่ง ให้เข้าถึงกายธรรมให้ได้
พอถึงกายธรรมแล้ว สิ่งที่จะศึกษาเรียนรู้ วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอีกเยอะแยะมากมายก่ายกอง
เรียนกันไปตลอดชีวิตก็ไม่หมด แต่ถ้าเรียนเพื่อดับทุกข์นั้น ก็อีกเรื่องหนึ่ง
แต่ถ้าจะเรียนเพื่อรื้อวัฏฏะนั้น ก็อีกเรื่องหนึ่ง
สิ่งที่จะศึกษาเรียนรู้ได้จะต้องเข้าถึงกายธรรมนี้เท่านั้น
เวลาที่เหลืออยู่นี้ ให้ลูกทุกคนตั้งใจประกอบความเพียรให้กลั่นกล้า
ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา ให้ใช้บุญที่เรามี
สร้างวาสนาให้เกิดขึ้นกับตัวของเราเอง ให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ อีกทั้งกาย วาจา
ใจ ก็จะได้ใสสะอาด บริสุทธิ์ เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้น จากการสร้างมหาทานบารมีของเราต่อไป
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565