หยุดนิ่งอย่างเดียว
วันอาทิตย์ที่
๑๘ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (๑๓.๓๐ -
๑๕.๐๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายเรา
ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกสบาย ปรับท่านั่งให้ถูกส่วน จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย
ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี ให้เลือดลมเดินได้สะดวก
ปรับใจ
แล้วทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ให้คลายความผูกพันจากทุกสิ่ง
ปล่อยวางให้หมดเลย
การวางใจ
แล้วก็รวมใจกลับเข้าไปสู่ภายใน
ให้ใจหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ ทำใจให้หยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ
ทบทวนบุญ
นึกถึงบุญที่เราทำผ่านมา
ให้นึกอย่างเบาๆ สบายๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ บุญไหนที่ทำให้เราปลื้ม
เราก็นึกถึงบุญนั้นก่อน ถ้านึกแล้วปลื้มเมื่อไรแล้ว บุญนี้ก็จะไปดึงดูดบุญต่างๆ
ที่เราทำผ่านมา ที่เราลืมไปแล้ว ทั้งทาน ศีล ภาวนา ทั้งบุญทอดกฐิน ทอดผ้าป่า
สร้างวัดวาอาราม ตักบาตร บุญสงเคราะห์โลก สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล
ช่วยเหลือคนตกทุกข์ยาก บุญต่างๆ ที่เราทำผ่านมามากมายเหล่านี้ บุญเล็ก บุญน้อย
บุญปานกลาง บุญใหญ่ทั้งทางโลกทางธรรมทั้งในปัจจุบันชาตินี้ รวมถึงจะไปดึงบุญเก่าที่เราทำผ่านมาในภพชาติในอดีต
ที่เราเวียนว่ายตายเกิดสร้างบารมีกันมา
สภาวธรรมภายใน
ทุกๆ
บุญเหล่านั้นก็จะถูกดึงดูดมารวมเป็นดวงบุญใสๆ เกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
อย่างง่ายๆ ซึ่งจะทำให้ใจของเราเบิกบาน แช่มชื่น มีความรู้สึกโปร่ง โล่ง เบา สบาย
ตัวขยาย แล้วก็หายกลืนไปกับบรรยากาศ หรืออย่างน้อยข้างในก็จะเป็นโพรงๆ
กลวงอยู่ภายใน โล่งๆ ว่างๆ เหมือนอยู่กลางอวกาศโล่งๆ
ใจของเราก็จะไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถ้าเราทำซ้ำๆ
บ่อยๆ ใจจะคุ้นเคยกับการอยู่ที่ศูนย์กลางฐานที่ ๗
แล้วก็เคลื่อนเข้าไปสู่ภายในอย่างง่ายๆ
กลางที่โล่งๆ
ว่างๆ อย่างเบาสบาย กายเบา ใจเบา มีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจ ใจจะเกลี้ยงๆ ใสๆ
บริสุทธิ์ ความสุขก็จะค่อยๆ ทยอยเกิดขึ้นทีละน้อยๆ ซึ่งทำให้ใจของเรานิ่งเพิ่มขึ้นอย่างนุ่มๆ
เบาๆ สบายๆ แล้วก็เคลื่อนต่อไปเป็นแนวดิ่งลงไปตรงกลาง ใจจะขยายความรู้สึกไปรอบตัวทุกทิศทุกทาง
ยิ่งหยุดยิ่งนิ่ง
ยิ่งดิ่งไม่มีหยุดยั้งเลย แสงสว่างภายในก็จะค่อยๆ เกิดขึ้น จากฟ้าสางก็ค่อยๆ
สว่างขึ้น แจ้งขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
เหมือนเรายืนกลางแจ้งในยามเที่ยงวัน
แต่ว่าใสเย็นสบายเหมือนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์วันเพ็ญ หรือยิ่งกว่านี้ จะเคลื่อนไปอย่างง่ายๆ
อย่างสบายๆ
ธรรมดวงแรกก็จะปรากฏเกิดขึ้นมาเป็นดวงใสๆ
อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
หรือใหญ่กว่านี้นะจ๊ะ
ใจก็จะยิ่งนิ่งแน่น
เพราะธรรมดวงแรกที่มานี้จะมาพร้อมกับความสุข ความบริสุทธิ์ที่เราจะไม่เคยเจอมาก่อน
จะค่อยๆ ทยอยเกิดขึ้น เป็นความสุขที่แตกต่างจากที่เราเคยเจอในกาลเวลาที่ผ่านมา
มันจะมีความสุข ความบริสุทธิ์ ความสว่าง ความสงบ
ดูเฉยๆ
ภาพก็จะเกิดขึ้น
ใจก็จะนิ่งอยู่ในกลางภาพ ภาพดวงใสๆ จะหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ
ผ่านกลางดวงเข้าไปเอง ถ้าเราทำถูกส่วน ทำเป็นนะจ๊ะ
ก็จะเคลื่อนเข้าไปเองเลยอย่างง่ายๆ กลางดวง กลางกาย กลางองค์พระใสๆ
ที่ผุดผ่านกลางกายขึ้นมาเอง
เราแค่ดูเฉยๆ นิ่งๆ นุ่มๆ อย่างเบาๆ สบายๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย
มีอะไรให้ดูเราก็ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น ต้องผ่อนคลาย
ใจเย็นๆ อย่าไปเน้นภาพ อย่าไปเค้นภาพ ให้นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ
ใจจะหยุดนิ่งแน่นถูกส่วนไปเอง
ความสุข
ความบริสุทธิ์ ก็จะมาเอง มาพร้อมกัน ใจก็จะเคลื่อนไปเรื่อยๆ
ความรู้สึกที่ร่างกายก็หมดไปแล้ว เหมือนอยู่กลางที่โล่งๆ ว่างๆ กลางดวง กลางกาย
กลางองค์พระ องค์พระในองค์พระไปเรื่อยๆ เราก็แค่นิ่งๆ อย่างเดียว นิ่งไปเรื่อยๆ
นิ่งอย่างสบายๆ
ฝึกตรงนี้ให้ชำนาญ
ให้คล่อง ต้องทำซ้ำๆ ทำบ่อยๆ ทั้งหลับตา ลืมตา นั่ง นอน ยืน เดิน
ใจของเราก็จะมีแต่ความสุข ความบริสุทธิ์
ซึ่งจะขยายมาสู่ระบบประสาทกล้ามเนื้อของร่างกายเรา ให้ร่างกายเราสดชื่น แจ่มใส
สว่างไสว
ฝึกตรงนี้ให้คล่อง ให้ชำนาญ
พอชำนาญแล้วเราก็มาศึกษาวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น วิชชา ๓ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
การระลึกชาติหนหลัง จุตูปปาติญาณ การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ภพภูมิต่างๆ กฎแห่งกรรม อาสวักขยญาณ วิชชาที่จะทำให้เราดับกิเลสได้ดับทุกข์ได้ ค่อยๆ
ศึกษาเรียนรู้ไปโดยมีฐานใจที่หยุดนิ่งๆ นุ่มๆ อย่างนี้แหละ ต้องทำให้ได้ตลอดเวลา
ให้คล่อง ให้ชำนาญ ให้ชัดใสแจ่มตลอดเลย
ใจหยุดนิ่งแค่ประเดี๋ยวเดียว เห็นแสงสว่างบังเกิดขึ้น
พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านก็ได้กล่าวว่า
ได้อานิสงส์มากกว่าสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างศาลาการเปรียญเสียอีก เพราะว่าทานบารมีเหล่านั้นเป็นเพียงส่งผลแค่ให้เรามีสุขในการเวียนว่ายตายเกิดในกามวจร
แต่สุขที่หยุดนิ่งแสงสว่างเกิดขึ้น อานิสงส์นี้จะทำให้เราได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
เพราะฉะนั้นอานิสงส์ก็จะได้มากกว่า ได้ประโยชน์มากกว่า
ดังนั้นเราก็ฝึกหยุดฝึกนิ่งเรื่อยไปเลย
ก่อนที่เราจะสร้างมหาทานบารมีกันต่อไป ต้องกลั่นใจให้ใสๆ ด้วยหยุดด้วยนิ่งดังกล่าว
ใจของเราจะได้ใสสะอาดบริสุทธิ์เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่กันต่อไป
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565