ยังแข็งแรงอยู่ต้องหาที่พึ่งให้เจอ
วันอาทิตย์ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ (๑๔.๓๐ - ๑๖.๐๐ น.)
ห้องแก้วสารพัดนึก วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย-ปรับใจ
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ
หลับตาเบาๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายเรา ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกสบาย
สบายตั้งแต่การปิดเปลือกตา การนั่ง ให้รู้สึกผ่อนคลาย ปรับทุกส่วนของร่างกายเราให้สบายๆ
ทั้งท่านั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ให้รู้สึกสบายๆ
ทำใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น
ให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด
ให้ปล่อย ให้วาง ทิ้งทุกอย่างปล่อยวางทุกสิ่ง
วางใจ
รวมใจกลับเข้าไปสู่ภายใน หยุดนิ่งๆ นุ่มๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ รวมใจหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ อย่างเบาๆ สบายๆ ปรับให้ดีนะลูกนะ
ให้ไปสู่จุดสบายให้ได้
หาจุดสบายให้เจอ
หาจุดสบายให้เจอ
สบายทั้งกาย สบายทั้งใจ ถ้ากายสบาย ใจสบาย ก็ง่ายนิดเดียว ในการที่จะเข้าถึงธรรมภายใน
ปล่อยวางได้ สบายกายสบายใจได้ในวินาทีนี้ก็เข้าถึงธรรมในวินาทีนี้
ใจจะใส ใจจะสะอาด ใจจะไม่เกาะ ไม่เกี่ยว
ไม่เหนี่ยว ไม่รั้งเรื่องอะไรเลย จะนิ่งๆ นุ่มๆ อยู่ที่กลางกายอย่างง่ายๆ พอใจสบาย
ใจก็จะสงบ ความสุขก็เกิดขึ้นภายใน
เมื่อใจสะอาด สงบ สุขก็เกิดขึ้นอย่างง่ายๆ
คือกายก็ยิ่งเบา ใจก็ยิ่งละเอียด ค่อยๆ โปร่งโล่งเบาสบาย
พอใจสะอาด ใจสงบนิ่ง ความสุขก็เกิดขึ้น
ไม่ช้าความสว่างก็เกิดขึ้นภายใน
เป็นความสว่างที่ละเอียดนุ่มนวล
คล้ายๆ กับเราลืมตาเห็นโลกภายนอกในเวลากลางวัน ต่างแต่ว่ามีความสุข
มีความสะอาดของใจ
เส้นทางพระอริยเจ้า
ความสว่างที่เกิดขึ้นภายใน
จะเป็นแสงสว่างที่แตกต่างจากแสงภายนอก จะทำให้เราเห็นภาพภายในอย่างง่ายๆ
ภาพที่มีอยู่แล้ว คือ สิ่งนี้มีอยู่แล้ว เห็นได้อย่างง่ายๆ
เช่น
เห็นเป็นดวงใสๆ อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันได้อย่างง่ายๆ
แล้วใจก็วื้ดผ่านที่โล่งว่างกลางความสว่าง จึ๊กไปที่ดวงนั้นเลย เข้าถึงดวงธรรม จะอยู่ที่กลางดวงธรรม
คือมันจะวื้ดจึ๊กไปถึงดวงใสๆ
ยิ่งเรายิ่งหยุดยิ่งนิ่ง
ก็จะยิ่งดิ่งไม่หยุด ผ่านกลางสิ่งที่เราเห็นไปเรื่อยๆ ผ่านกลางดวงธรรมนั้นไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเข้าไปถึงองค์พระภายใน ถ้าละเอียดถูกส่วนก็จะผ่านขั้นตอนของดวง
ของกายต่างๆ ทั้งกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายพรหม กายอรูปพรหม
กระทั่งถึงกายธรรมภายใน ซึ่งมีอยู่แล้วในตัว ที่ใสบริสุทธิ์ทีเดียว
ใจที่ใสบริสุทธิ์ ใจที่ยิ่งสะอาด ใจก็จะยิ่งสงบ
ยิ่งสุข ยิ่งบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าเราทำถูกหลักวิชชาใจจะถูกส่วน แล้วก็วื้ดไปถึงองค์พระอย่างง่ายๆ
พอเรานิ่งผ่านกลางองค์พระ ก็เห็นองค์พระไปเรื่อยๆ ทีละองค์ๆ เห็นขึ้นมาเอง
ยิ่งหยุดยิ่งนิ่ง ก็ยิ่งดิ่งไม่หยุด เคลื่อนไปเรื่อยๆ
องค์พระก็ขยายไปเรื่อยๆ ผุดผ่านมาเรื่อยๆ
ต่อเนื่องจนกระทั่งเป็นสายถึงองค์พระมากมาย เพราะฉะนั้น หยุดเป็นตัวสำเร็จ ที่จะทำให้เราได้เข้าถึงธรรมดังกล่าว
พระธรรมกาย ที่พึ่งที่แท้จริงในตัวเรา
เราจะต้องหมั่นฝึกหยุดนิ่งให้ได้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะ พระภายใน คือ
สรณะที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของเรา สิ่งอื่นไม่ใช่
พระธรรมกายในตัวมีความบริสุทธิ์ล้วนๆ
มีอานุภาพมาก เมื่อเข้าถึงท่านแล้วจะเกิดธรรมจักขุ มีการเห็นได้รอบตัวทุกทิศทุกทาง
เห็นถึงไหน รู้ถึงนั่น ญาณทัสสนะเกิด ปัญญา วิชชา แสงสว่าง
ก็เกิดขึ้นมาในกลางหยุดนิ่งที่กลางองค์พระนั้น
ท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
เพราะกายองค์พระนั้นพ้นจากสภาวะความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
อยู่ในสภาวะที่ตรงกันข้าม คือ ไม่มีเปลี่ยนแปลง สวยงามมาก สุขล้วนๆ
เป็นตัวของตัวเอง คือ พึ่งตัวเองได้ เป็นอัตตา หิ อัตโน นาโถ ไม่พึ่งสิ่งอื่นเลย ยกตัวอย่างมนุษย์ยังต้องพึ่งสิ่งต่างๆ
ยังพึ่งตัวเองไม่ได้ ส่วนท่านพึ่งตัวเองได้ กายท่านคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง
มีแต่สวยยิ่งขึ้น บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น สุขยิ่งขึ้น อานุภาพยิ่งขึ้น
มีความรอบรู้ทุกอย่าง แทงตลอดในสัจธรรมทั้งปวง
ท่านจึงเป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกของเราทั้งหลาย
ซึ่งมีสภาวะตรงกันข้ามกับท่าน เพราะฉะนั้น สภาวะที่แท้จริงต้องเป็นอย่างนี้
คือต้องพึ่งตัวเองได้ เป็นที่พึ่งให้ผู้อื่นได้ มีอานุภาพที่ไม่มีประมาณ
ที่พึ่งนี้อยู่ในตัวเรา
อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน แต่มนุษย์ทั่วไปไม่เคยมองเข้าไป
มีแต่มองข้ามไปสู่สิ่งอื่น คือเข้าใจว่า สิ่งอื่นเป็นที่พึ่งได้
ในยามที่มีทุกข์เขาก็ไปหาสิ่งนั้นเท่าที่จะมีความคิดอย่างไร
ถ้าคิดว่า ต้นไม้เป็นที่พึ่งได้ ก็จะไปที่ต้นไม้
ถ้าคิดว่า ภูเขาเป็นที่พึ่งได้ก็ไปหาที่ภูเขา คิดว่าวิหาร อาราม
หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นที่พึ่งก็จะไปหาสิ่งนั้น แต่สิ่งนั้นยังมีผุมีพัง มีเกิดขึ้น
ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป แต่ว่า กายธรรมภายใน
นั้นเป็นอนิจจัง สุขัง อัตตา ไม่มีดับ คงที่ทีเดียว มีแต่สุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เลย
มีอานุภาพมาก อยู่ในตัวของเรา
เพราะฉะนั้น ให้ลูกทุกคนนี่หาที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงให้ถูกต้อง
มาหยุดนิ่งอยู่ภายใน เมื่อเรารู้ตรงนี้แล้ว อย่าปล่อยโอกาสของเราให้ผ่านไป
ยังแข็งแรงอยู่
ต้องฝึกหนักอย่างถูกหลักวิชชา
ในช่วงที่ร่างกายเรายังแข็งแรงอยู่
ยังพอมีเรี่ยวมีแรง ให้ประกอบความเพียรให้กลั่นกล้า ต้องฝึกหนัก อย่างถูกหลักวิชชา
ถ้าอยู่เขตนอกอยู่ทางโลก ต้องทำมากิน
ทำมาค้าขาย ทำมาสร้างบารมี ก็ต้องทำควบคู่กันไป ข้างนอกเคลื่อนไหว
แต่ข้างในเราต้องหยุดนิ่ง ต้องฝึกหยุดฝึกนิ่งอย่างนี้ไปทุกวัน
ส่วนเขตใน เราทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่งแล้ว
ก็ต้องมาฝึกหยุดนิ่งอย่างเดียวให้เข้าไปถึงพระธรรมกาย
จะได้ไปศึกษาวิชชาธรรมกายกันต่อไป เพราะวิชชาธรรมกาย
จะศึกษาให้ได้เฉพาะผู้ที่เข้าถึงพระธรรมกาย ถ้าเข้าไม่ถึงก็ศึกษาไม่ได้
เพราะฉะนั้น เขตในเมื่อทิ้งทุกอย่างวางทุกสิ่งแล้ว
ก็ต้องมาหยุดนิ่งอยู่ภายในให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้
นึกถึงบุญ
เมื่อเราทราบอย่างนี้ดีแล้ว
เราก็ฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง นุ่มๆ อย่างสบายๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ
เพื่อเราจะได้นึกถึงบุญทุกบุญที่เราทำผ่านมา
โดยเฉพาะช่วงใกล้ ก็คือเมื่อวานนี้
ที่เราได้พร้อมใจกันจัดบวชสามเณร อาราธนานิมนต์ท่านมามาสวดเจริญพระพุทธมนต์ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
ที่ลานธรรมมหาธรรมกายเจดีย์ แล้วเราก็ได้เป็นกองกำลังอย่างสำคัญ
ตั้งแต่เป็นพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง
กระทั่งมาเป็นกองเสบียงคอยประคับประคองการบวชของสามเณร ซึ่งเป็นลูกหลานของเรานี้
ให้มาเป็นอายุพระศาสนา แม้จะเป็นช่วงสั้นก็ตาม บวชแล้วก็ตั้งใจฝึกตน ทนหิว
บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้ เราเป็นกองเสบียงก็คอยสนับสนุน
พระอาจารย์
พระพี่เลี้ยงก็มีหน้าที่ให้ธรรมทาน คอยประคับประคอง คอยดูแล บุญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่กลางกายเรา
เป็นดวงบุญใสๆ เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตของเรา
ตั้งแต่เรายังเป็นปุถุชน จนกระทั่งส่งผลให้เราเป็นพระอริยเจ้า
ให้เราได้มีสมบัติใหญ่ ทั้งมนุษย์สมบัติ
ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ ให้นึกถึงบุญนี้ที่เราทำผ่านมาช่วงใกล้นี้
และก็บุญวันนี้ที่เราได้ใส่บาตรพระเณร ใส่บาตรเมื่อเช้านี้ บุญได้สวดมนต์ บูชาข้าวพระ
ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
อย่าขาดบุญบูชาข้าวพระ
บูชาข้าวพระ คือ นำไทยธรรม
อาหารหวานคาวนี้ซึ่งเป็นของหยาบ กราบอาราธนามหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน
มีพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร และคุณยายอาจารย์ของเราทั้งสองท่าน
ทั้งคุณยายอาจารย์ขนนกยูง มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง หรือคุณยายอาจารย์ของเรา
แล้วคุณยายทองสุข เป็นต้น
ท่านประกอบวิชชาธรรมกาย น้อมนำไทยธรรมเหล่านี้
อาหารหวานคาว ดอกไม้ ธูปเทียน รวมเข้าไปในกลางพระธรรมกายของท่าน กลั่นให้ใส
ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ประกอบวิชชาทับทวี เอาของหยาบที่กลั่นให้เป็นละเอียด
ปรับสภาวหยาบให้ไปสู่สภาวะละเอียด ละเอียดยิ่งขึ้นไปด้วยอานุภาพแห่งวิชชาธรรมกาย
พระธรรมกายมากมายช่วยกันกลั่น
ของหยาบให้ละเอียดไปเรื่อยๆ จนไปกระทั่งถึงอายตนนิพพาน คือ
ให้มีความละเอียดเท่ากับความละเอียดของอายตนนิพพาน ซึ่งเป็นที่อยู่
หรือเป็นที่สิงสถิตของพระธรรมกายทั้งหลาย
ตั้งแต่พระธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ที่ท่านดับขันธปรินิพพานนานมาแล้ว
ขันธ์ทั้งหลายดับหมด มนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม กายธรรมต่างๆ
ตั้งแต่กายธรรมโคตรภู พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระพระอนาคามี เหลือแต่กายธรรมอรหัต
เพราะท่านบรรลุอรหัตผล กายธรรมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เข้าสู่อายตนนิพพานนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน คือนับกันไม่ถ้วนเลย ไม่ใช่เป็นพัน
เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน เป็นอสงไขย คือ นับไม่ถ้วน
แล้วที่นับไม่ถ้วนนั้น นับกันต่อๆ ไป
เป็นหนึ่งแล้วก็นับต่อไปไม่ถ้วน คือมีมากมายทีเดียว
ท่านนั่งสงบนิ่งอยู่ในอายตนนิพพาน เสวยวิมุติสุข
ท่านนิ่งอย่างเดียวในกลางกายของท่าน
มหาปูชนียาจารย์ทุกท่านก็จะประกอบวิชชาธรรมกายดังกล่าว
น้อมไทยธรรมทั้งหลาย เป็นของละเอียดไปถวายเป็นพุทธบูชา
ท่านก็เป็นเนื้อนาบุญให้กับเรา แต่วิธีการรับก็จะแตกต่างจากพระสงฆ์รับไทยธรรม
แล้วบุญก็เกิดขึ้นมากมาย กระแสธารแห่งบุญจะนับจะประมาณมิได้
เป็นอสงไขยอัปปมาณัง คือ ถวายองค์หนึ่งบุญก็เกิดขึ้นเป็นดวงบุญ สมมติว่า ๑ ดวง
ถ้าถวาย ๑๐ องค์ ก็ ๑๐ ดวง ถ้าเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน เป็นอสงไขย
ก็มากมายทีเดียว แค่ดวงเดียว ก็ส่งให้เรามีความสุข ปิดอบาย เปิดประตูสวรรค์
ได้สมบัติทั้ง ๓ ถ้าหลายๆ ดวงบุญก็ยิ่งมากมายบังเกิดขึ้น
สำหรับผู้มีมโนปณิธานจะสร้างบารมีไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
จะเป็นบารมีพิเศษ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมากมายทีเดียว
เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องใหญ่ มหาปูชนียาจารย์ทุกท่านก็รวบเอามาติดอยู่ในกลางกายของเรา
ติดตั้งแต่กายธรรมเรื่อยมาเลยทุกๆ กาย กระทั่งมาถึงกายหยาบ
บุญนี่แหละที่จะไปตัดรอนวิบากกรรมวิบากมาร
อุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิต ที่เราเคยดำเนินชีวิตผิดพลาดที่ผ่านมา
เพราะพญามารบังคับให้เราสร้างกรรม แล้วก็เมื่อเรากระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
ก็เซตเป็นโปรแกรมวิบากกรรมติดกันมาข้ามชาติ ของเก่าก็มี ของใหม่ก็มี
ซึ่งยังใช้กันไม่รู้จักหมดจักสิ้นเลย
มหาปูชนียาจารย์ท่านก็จะคำนวณบุญ
แล้วก็ตรวจตราดูด้วยธรรมจักขุ ด้วยญาณทัสสนะของพระธรรมกาย
เอาบุญศักดิ์สิทธิ์นี้ไปแก้ไขบาปศักดิ์สิทธิ์ของเขา แก้ไขตัวเรา
เพื่อให้เราสะอาดขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น พ้นจากภัยพิบัติดังกล่าว หนักเป็นเบา
เบาเป็นหาย ร้ายกลายเป็นดี ดีอยู่แล้วก็ดีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
อีกทั้งเชื่อมสายสมบัติที่เราต้องอาศัยไว้ใช้สร้างบารมีไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมนั้น
เชื่อมติดไปหมดทุกกาย
แล้วเอาบุญนี้อุทิศไปให้กับหมู่ญาติบรรพบุรุษบุพการี
ผู้เป็นที่รักของเรา ที่เราระลึกนึกถึงอุทิศให้ บุญนี้ก็จะไปถึงท่านเหล่านั้น
ที่ทุกข์มากก็จะทุกข์น้อย ที่ทุกข์น้อยก็จะพ้นทุกข์ ที่สุขน้อยก็จะสุขมาก
สุขมากก็มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
แล้วทับทวีเชื่อมสายสมบัติมาถึงปัจจุบันชาติ
ที่เรายังต้องอาศัยกายหยาบสร้างบารมี ให้เราได้ประสบความสำเร็จในชีวิต
ในธุรกิจการงาน ในการสร้างบารมี หรือสิ่งที่เราพึงปรารถนา
เพราะฉะนั้น การบูชาข้าวพระนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
น้อยๆ เป็นเรื่องที่สำคัญทีเดียว เราจะต้องไม่ขาดเลยในแต่ละเดือน ซึ่งเดือนหนึ่งก็มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เราจึงต้องให้โอกาสตัวเราเองมาเอาบุญใหญ่นี้
ดังนั้นให้เรานึกถึงบุญนี้ดังกล่าวในทุกๆ บุญ ด้วยใจที่ใสๆ สะอาดบริสุทธิ์
หยุดนิ่งอยู่ภายใน หยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ใจใสๆ ใจเย็นๆ นึกถึงบุญดังกล่าว
อย่างนิ่งนุ่มไปเรื่อยๆ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565