ทบทวนบุญบูชาข้าวพระ
วันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ (๑๕.๐๐ - ๑๖.๐๐ น.)
ห้องแก้วสารพัดนึก วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา
ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกสบาย ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี ปรับท่านั่งให้ถูกส่วน
ให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย
ปรับทั้งร่างกายและก็จิตใจ
ปรับใจ
ให้ใจใสๆ
ใจสบาย โดยทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ
เรื่องธุรกิจการงาน บ้านช่อง การศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ในช่วงที่เราจะเจริญสมาธิภาวนา ใจต้องเกลี้ยงๆ
ไม่ติดข้องในเรื่องใดเลย ใจเกลี้ยงๆ ใจใสๆ
วางใจ
แล้วก็รวมใจกลับเข้ามาสู่ภายใน
มาหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา
ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ หรือประมาณบริเวณกลางท้อง ที่เรามั่นใจว่า
อยู่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ รวมใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ
นึกถึงบุญ
ให้เรานึกถึงบุญทุกบุญที่เราทำผ่านมา
คือ นึกนิดเดียวว่า ขอให้บุญทุกบุญที่เราทำผ่านมา ทั้งทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น
ไม่ว่าจะเป็นบุญอะไรก็ตาม ที่เราทำผ่านมาแล้วในอดีต กระทั่งมาถึงวันนี้
ที่ภาคเช้าเรามารวมกันนั่งเจริญสมาธิภาวนา แล้วก็พร้อมใจกันประกอบพิธีบูชาข้าวพระ
โดยนำของหยาบไปถวาย กลั่นให้เป็นของละเอียด แล้วถวายพระธรรมกายของพระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลาย ในอายตนนิพพาน ด้วยอานุภาพแห่งมหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน
ที่ท่านได้ประกอบวิชชาธรรมกาย
นึกถึงบุญบูชาข้าวพระ
รวมกับบุญทุกๆ บุญ ที่เราทำผ่านมา รวมเป็นดวงบุญใสๆ กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว
ใสบริสุทธิ์ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย
อย่างน้อยก็ให้ใสเหมือนน้ำใสๆ หรือกระจกใสๆ กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว
สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แต่ว่าใสเย็นเหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อยู่ในกลางกายของเรา
ให้ตรึกนึกถึงดวงบุญอย่างเบาๆ
สบายๆ ใจใสๆ ในความปลื้มปีติเบิกบานในทุกๆ บุญที่เราทำผ่านมา มารวมเป็นดวงบุญใสๆ
เอาใจหยุดไปในกลางดวงบุญใสๆ ตรงนี้ อย่างง่ายๆ อย่างสบายๆ แตะไปเบาๆ
บริกรรมภาวนา
จะประคองใจด้วยบริกรรมภาวนา
สัมมาอะระหัง ไปด้วยก็ได้ หรือจะวางใจหยุดนิ่งเฉยๆ ในกลางดวงบุญ
แต่ต้องแตะใจไปเบาๆ นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ นึกอย่างเบาๆ
สบายๆ
บุญบูชาข้าวพระ
บุญที่เรามาบูชาข้าวพระนี้ ไม่ใช่เป็นบุญเล็กบุญน้อย
เป็นบุญที่สำคัญทีเดียว เพราะการบูชาข้าวพระนี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีวิชชาธรรมกายบังเกิดขึ้น
มีการปราบมารบังเกิดขึ้น มหาปูชนียาจารย์ต้องมาบังเกิดขึ้น
ตั้งแต่พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร พระต้นวิชชาธรรมกาย
ที่ท่านสละชีวิต จนค้นพบวิชชาธรรมกาย แล้วท่านก็ประกอบวิชชาธรรมกาย ปราบมารประหารกิเลส
ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ทรมานของชีวิต
ท่านจะไปดับที่ต้นเหตุตรงนั้น เมื่อการบังเกิดขึ้นของท่านในวิชชาธรรมกายนี้
จึงทำให้ศิษยานุศิษย์ของท่าน คือ มหารัตนอุบาสิกาทองสุข สำแดงปั้น
มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง หรือคุณยายอาจารย์ของเรา คุณยายอาจารย์ทั้งสองท่าน ได้ค้นพบขึ้นมา
โดยการนำเครื่องไทยธรรม อาหารหวานคาว ดอกไม้ธูปเทียน ซึ่งเป็นของหยาบ ประกอบวิชชาธรรมกาย
กลั่นให้เป็นของละเอียดเป็นชั้นๆ
เข้าไป จนมีความละเอียดเท่ากับอายตนนิพพาน จึงน้อมไปถวายเป็นพุทธบูชา แด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลายนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน ที่ท่านดับขันธปรินิพพานนานมาแล้ว
น้อมไปถวายพระธรรมกายของทุกๆ ท่าน ทุกๆ พระองค์ เพราะฉะนั้นบุญนี้ จึงบังเกิดขึ้นอย่างมากมายเป็นอสงไขยอัปปมาณัง คือจะนับจะประมาณมิได้
บังเกิดขึ้นที่จะหอบเอาพวกเราทุกคน ที่มีมโนปณิธานเช่นเดียวกับท่าน
ติดตามกันไปสร้างบารมีไปทุกภพทุกชาติ
ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม ให้เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จ ในชีวิตไปทุกภพทุกชาติ
ให้สมบูรณ์ไปด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญสุข
มรรคผลนิพพาน วิชชาธรรมกาย เกิดมาก็ให้ระลึกชาติได้
ให้เห็นธรรมะกันตั้งแต่ยังเยาว์วัย
ได้สร้างบารมีเรื่อยไปจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม
จะไปตัดรอนวิบากกรรมวิบากมาร
ที่พญามารเอากิเลสมาบังคับ ให้เราได้สร้างกรรมทางกาย วาจา ใจ
และก็เซตเป็นผังสำเร็จ เป็นโปรแกรม เป็นวิบากกรรมที่บังคับกันมา นับภพนับชาติไม่ถ้วน
ให้หนักเป็นเบา เบาเป็นหาย ร้ายกลายเป็นดี ที่ดีอยู่แล้วก็ดีเลิศขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น
ให้นึกถึงบุญนี้ด้วยใจใสๆ ด้วยใจสบายๆ
แล้วบุญอื่นที่เราทำผ่านมาในทุกๆ
บุญ ทั้งบุญกฐิน บุญไปชวนคนมาบวช บุญเลี้ยงพระ บุญตักบาตร เป็นต้น ทุกๆ บุญก็จะดูดมารวมกันหมด
ดวงบุญก็ยิ่งสว่าง ยิ่งละเอียด ยิ่งบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นให้ลูกหยุดใจนิ่งๆ นุ่มๆ อย่างสบายๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ
อุทิศบุญกุศล
แล้วเราจะนึกน้อมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
ส่งไปให้บรรพบุรุษบุพการี ผู้ที่เป็นรักเคารพของเราที่ละจากโลกไปแล้ว
จะอยู่ในภพภูมิไหน ให้บุญนี้ไปถึงท่าน แม้อยู่ในภูมิที่ยังรับไม่ได้ ก็ให้บุญนี้คอยอยู่
คอยไปตัดรอนวิบากกรรม ให้บรรเทาเบาบางไปเรื่อยๆ
จะอยู่ในภูมิที่รับได้ก็เป็นสุขยิ่งขึ้น ทุกข์มากก็ทุกข์น้อย
ทุกข์น้อยก็ไม่มีทุกข์ ที่มีสุขแล้วก็สุขมาก สุขมากก็มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นเราจะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ก็ต้องหยุดนิ่งตอนใจใสๆ
ในขณะที่มหาปูชนียาจารย์ทุกท่านคุมบุญตั้งแต่เช้าเรื่อยมา
จนกระทั่งถึงตอนนี้ แล้วจะคุมต่อไปถึง ๗ วัน ใน ๗ วันนี้ ให้ใจใสๆ ใจเกลี้ยงๆ ใจอยู่ในบุญในกุศล
เวลาเรานั่งกะเจริญสมาธิภาวนา ก็ให้นึกถึงบุญนี้ด้วย
บุญก็จะยิ่งทับทวีอย่างเร็วแรงทีเดียว จะเชื่อมติดไปหมดทุกกายเลย
เพราะฉะนั้นตอนนี้ เวลาที่เหลืออยู่นี้ ให้ลูกทำใจใสๆ หยุดนิ่งอย่างเบาๆ สบายๆ
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565