การหลับตา
เมื่อเราได้จุดเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัย
บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไปให้ลูกทุกคนหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ
หลับตาเบาๆ
พอสบายๆ คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา ให้หลับตาเหมือนเราปรือๆ
ตานิดหน่อย หลับตาสักค่อนลูกในระดับที่เรารู้สึกว่า สบาย ต้องปรับในการหลับตานี้ให้ถูกต้องนะจ๊ะ
สำคัญมาก
ปรับกาย-ปรับใจ
แล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย
ทั้งเนื้อทั้งตัว ตั้งแต่กล้ามเนื้อบนใบหน้า ศีรษะ ลำคอ บ่า ไหล่
แขนทั้งสองถึงปลายนิ้วมือให้ผ่อนคลาย กล้ามเนื้อบริเวณลำตัว
ขาทั้งสองถึงปลายนิ้วเท้าให้ผ่อนคลาย ขยับเนื้อขยับตัวของเรา
ปรับท่านั่งให้ถูกส่วน กะคะเนว่าเลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก
จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อยกัน
เราก็ตรวจตราดูว่า
เราผ่อนคลายทั้งเนื้อทั้งตัวจริงไหม หลับตาถูกต้องตามหลักวิชชาไหม ต้องเบาๆ ต้องผ่อนคลาย
และก็ทำใจให้ใสๆ
ให้เยือกเย็น ให้ใจเราบริสุทธิ์ ไม่ผูกพันกับคน สัตว์ สิ่งของ ธุรกิจ การงาน
บ้านช่อง สรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่ผูกพันเลย
ทุกสิ่งล้วนไปสู่จุดสลาย
ให้ปล่อยวาง
ทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง เพราะว่าสรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลาย เป็นแค่เครื่องอาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกันชั่วครั้งชั่วคราว
และทุกสิ่งล้วนไปสู่จุดสลาย เมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ไปสู่จุดสลาย ทั้งคน
สัตว์ สิ่งของ แม้กระทั่งโลกใบนี้ สักวันหนึ่งก็ต้องวินาศด้วยไฟบรรลัยกัลป์บ้าง
น้ำบรรลัยกัลป์บ้าง ลมบรรลัยกัลป์บ้าง เป็นต้น
ในเมื่อโลกนี้เกิดขึ้น
ตั้งอยู่ แล้วยังไปสู่จุดสลาย กายมนุษย์หยาบของเรา เมื่อเกิดอยู่บนโลกใบนี้
ทำไมจะไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น ก็มีสภาพเดียวกัน ตั้งแต่เราออกจากครรภ์มารดาเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้เลย
ล้วนไปสู่จุดสลายทั้งสิ้น ทั้งที่ชัดเจนและไม่ชัดเจน
เพราะฉะนั้น
ร่างกายนี้เราอาศัยชั่วครั้งชั่วคราว
เพียงเพื่อจะได้เป็นทางผ่านของใจให้กลับไปสู่ที่ตั้งดั้งเดิม
ในตำแหน่งของผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งในธรรมทั้งปวง คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นตำแหน่งเดียวกัน คือ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ที่กลางท้องของเรา
ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
ความสำคัญของฐานที่
๗
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ เป็นตำแหน่งสำคัญ ที่เราจะต้องศึกษาเรียนรู้ จดจำไว้
เป็นเป้าหมายสุดท้ายของการหยุดใจ ที่มันเตลิดเปิดเปิงไปสู่โลกภายนอก
แสวงหาในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ ไม่เป็นสาระแก่นสารของชีวิต
และหมดเวลาของชีวิตไปโดยไม่รู้เลยว่า ชีวิตอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม กฎแห่งไตรลักษณ์
ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เป็นต้น รวมทั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ อีกมากมาย
ชีวิตในสังสารวัฏไม่ปลอดภัย เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องนำใจกลับมาสู่ที่ตั้งดั้งเดิม
ในตำแหน่งของท่านผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง คือ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
พรรษาแห่งการเข้าถึงธรรม
พรรษานี้เป็นพรรษาแห่งการเข้าถึงธรรม
เช่นเดียวกับทุกพรรษาที่ผ่านมา เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจตั้งแต่ต้นพรรษาว่า
เราจะประกอบความเพียรให้กลั่นกล้าอย่างถูกหลักวิชชา
เพื่อฝึกใจให้หยุดนิ่งตั้งมั่นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จนกว่าใจของเราจะนิ่งแน่นนุ่มนวลควรแก่การงาน
งานที่จะรื้อภพ รื้อชาติ รื้อวัฏฏะ
อย่างน้อยก็เดินทางออกจากสังสารวัฏหรืออย่างน้อยก็เข้าถึงความสุขภายใน
แล้วก็เข้าถึงพระธรรมกายในตัว ซึ่งเป็นเนื้อเป็นหนังของพระรัตนตรัย
นี่คือความตั้งใจตั้งแต่ต้นพรรษาว่า
เราจะหยุดใจที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นี้ วันละสองเวลา (หายใจเข้า-หายใจออก) เมื่อตั้งใจแล้วก็ต้องทำให้สมความปรารถนาให้ได้
จะได้เป็นรางวัลของชีวิต ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในการเข้าถึงธรรม เข้าถึงดวงธรรมใสๆ
เข้าถึงองค์พระธรรมกายที่อยู่ภายในตัวของเรา
การวางใจ
ให้ลูกทุกคนรวมใจกลับเข้าไปสู่ภายในอย่างละมุนละไม
เหมือนขนนกที่ลอยไปในอากาศ แล้วก็ค่อยๆ บรรจงตกลงมาสัมผัสบนผิวน้ำอย่างอ่อนโยน
โดยไม่กระทำให้น้ำกระเพื่อม ใจของเราก็ต้องค่อยๆ วางเบาๆ วางน้ำหนักใจของเราให้เบาๆ
ให้นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ
สภาวธรรมภายใน
ถ้าเราทำถูกวิธีก็จะมีรางวัลเกิดขึ้น
คือ ร่างกายจะผ่อนคลาย ใจก็จะผ่อนคลาย ร่างกายรู้สึกสบาย ใจก็รู้สึกสบายๆ
แม้ยังไม่เห็นแสงสว่าง ไม่เห็นภาพใดๆ ที่เราเคยได้ยินได้ฟังมาว่า มีภาพดวงแก้ว
กายต่างๆ หรือองค์พระอยู่ภายในตัวของเรา แม้ยังไม่เห็น แต่เราก็รู้สึกพึงพอใจกับความรู้สึกเช่นนี้ว่า
เรารู้สึกสบายกายสบายใจ คือตัวรู้สึกจะโล่งๆ โปร่งๆ กลวงๆ สบายๆ นั่นล่ะคือรางวัลเบื้องต้นสำหรับตัวเราที่ทำถูกหลักวิชชานะลูกนะ
พอได้อารมณ์อย่างนี้ สภาวธรรมอย่างนี้ ที่สบายทั้งร่างกายและจิตใจ ตอนนี้ต้องทำใจเย็นๆ
แม้เราจะเคยได้ยินได้ฟังว่า จะต้องเห็นแสงสว่าง เห็นดวงธรรม เห็นกายภายใน
หรือเห็นองค์พระมาแล้วก็ตาม ต้องรักษาใจให้เย็นๆ อย่าเพิ่งไปกังวลถึงสิ่งนั้น
ให้รักษาความนิ่งๆ นุ่มๆ สบายกายสบายใจต่อไปอีก ทำความพึงพอใจ
ความพึงพอใจนั่นแหละ คือรางวัลของชีวิต ที่จะไปต่อรางวัลถัดไป คือกายยิ่งสบายขึ้น
ใจยิ่งสบายขึ้น
สบายเพิ่มขึ้นในระดับที่ร่างกายของเราค่อยๆ โล่ง โปร่ง เบา สบาย
ขยายหรือกลืนหายไปกับบรรยากาศ คล้ายๆ กับเราไม่มีร่างกาย ไม่มีตัวตน
เหมือนเป็นอากาศธาตุที่ละเอียดอ่อน มีกระแสแห่งความสุขและความบริสุทธิ์อย่างอ่อนๆ ค่อยๆ
เข้ามาแทนที่ ซึ่งจะเพิ่มความสบายของกายและใจมากขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ
ใจของเราจะเริ่มนิ่ง
นุ่มๆ ไม่ซัดส่ายไปคิดในเรื่องอื่น ที่เราคุ้นเคย
และเราชอบความรู้สึกอย่างนี้ที่นิ่งๆ นุ่มๆ โดยปราศจากความคิดใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งเราไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ว่าสภาวะของใจที่ไม่ได้คิดนั้น ให้ความบันเทิงใจ
ความพึงพอใจมากกว่าใจที่ใช้ความคิด
ให้ลูกใจเย็นๆ
ต่อไปอีก รักษาสภาวะใจของเราอย่างนั้น แม้ว่าจะเคยได้ยินได้ฟังว่า จะต้องเห็นแสงสว่าง
เห็นดวงใส เห็นกายภายใน หรือองค์พระก็ตาม ถ้าลูกทำได้ รักษาสภาวะใจให้นิ่งๆ นุ่มๆ
อย่างละเอียดอ่อนต่อไป ก็จะมีรางวัลเกิดขึ้นเพิ่มมาอีก
ความรู้สึกฟ่องเบาของเราจะเพิ่มขึ้น จนเข้าใจคำว่า กายเบา ใจเบา ละเอียด นุ่มนวลเพิ่มมากขึ้น
จนถึงจุดที่ใจอยากจะนิ่งอย่างนั้นอย่างเดียวไปนานๆ โดยไม่จำกัดกาลเวลา
การนิ่งที่เพิ่มขึ้นต่อมานั้น
ก็จะทำให้เปลี่ยนสภาวะ จากนิ่งหลวมๆ ที่เดี๋ยวนิ่งเดี๋ยวหลุดจากความรู้สึกนี้ไป
กลายเป็นนิ่งค่อยๆ แน่นขึ้น และก็นิ่งแน่นขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เป็นนิ่งแน่นที่ไม่อึดอัด
ไม่คับแคบ นิ่งแน่นที่กว้างขวาง แล้วใจก็นุ่มนวลเพิ่มขึ้น เราจะเข้าใจคำว่า
นุ่มนวล มากกว่าที่เราเคยเข้าใจแค่เพียงได้ยิน ได้ฟัง หรือได้อ่านมา
มันเป็นประสบการณ์ภายในของคำว่า นิ่งแน่นและนุ่มนวล
แสงสว่างส่องทางชีวิตใหม่
เมื่อรักษาสภาวะใจนี้ต่อไป
แสงสว่างส่องทางชีวิตใหม่ก็จะเกิดขึ้น เป็นชีวิตที่แตกต่างจากชีวิตเก่า ที่เหมือนคนยังนอนหลับอยู่
หรือคนที่อยู่ในโลกมายา เป็นแสงสว่างส่องทางชีวิตใหม่ เป็นชีวิตของท่านผู้รู้
ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว เป็นแสงสว่างภายใน ที่ให้ความพึงพอใจมากกว่าแสงสว่างภายนอก
เป็นความอัศจรรย์
ที่เราหลับตาแล้วไม่มืด เริ่มจากฟ้าสางๆ สว่างคล้ายๆ ฟ้าสางๆ ตอนตี ๕ ในฤดูร้อน
และก็เพิ่มไปเรื่อยๆ ถ้าเรายังอยู่ในสภาวะอย่างนั้น ยังรักษาใจของเรานิ่งๆ นุ่มๆ
นานๆ อย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องอะไรเลย แม้เคยได้ยินได้ฟังมา
จากฟ้าสางๆ
ก็จะสว่างเพิ่มขึ้น เหมือนรุ่งอรุณแห่งชีวิตใหม่ ที่แสงสว่าง แสงเงินแสงทองในยามอรุโณทัยนั่น
ดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างมาบนโลกใบนี้ แต่นี้เป็นแสงสว่างแห่งธรรมะภายใน
เป็นดวงตะวันภายในที่ใสเย็น ซึ่งมีอยู่แล้ว อยู่ภายใน แต่ถูกบดบังด้วยนิวรณ์ทั้ง ๕
คือ สิ่งที่เราไปหมกมุ่นอยู่ในเรื่องกามฉันทะ พยาบาท อะไรต่างๆ เหล่านั้นเป็นต้น
เราก็จะค่อยๆ
เห็นไปตามลำดับ แม้เห็นแล้วก็ตาม ต้องรักษาใจให้นิ่ง แน่น และนุ่มนวลอย่างเดิม
เหมือนดูดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ขึ้นจากขอบฟ้าขึ้นมา อย่าไปตื่นเต้น
เพราะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้ที่มีใจหยุดนิ่งภายใน
ดวงตะวันภายในหรือดวงธรรมภายในก็จะปรากฏเกิดขึ้น
เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่ขยันและก็ทำถูกหลักวิชชา เพราะฉะนั้นเบื้องต้นนี้
ให้ลูกทุกคนฝึกวางใจให้เป็นอย่างนี้ก่อนนะจ๊ะ
ให้ใจนิ่งๆ
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ อย่างนี้ จนกระทั่งถึงเวลาสว่าง
เราก็จะได้พร้อมใจกันอธิษฐานจิตจากบุญที่เกิดขึ้นในการจุดเทียนชัยไฟนิรันดร์อนันตชัยกัน
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
(ปฏิบัติธรรม)
เมื่อเรากาย
วาจา ใจของเราใสสะอาดบริสุทธิ์ดีแล้ว ต่อจากนี้ไปเราจะได้พร้อมใจกันกล่าวคำอธิษฐานจิต
ให้ลูกทุกคนนั่งพับเพียบหลับตาพนมมือขึ้นพร้อมๆ กัน
(ตั้งนะโม ๓ จบ)
คำอธิษฐานจิต
ข้าพเจ้าทั้งหลาย,
ขอนอบน้อมบูชา, พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์, และมหาปูชนียาจารย์, ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชชาธรรมกาย, ด้วยเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัย,
ในพรรษาแห่งการเข้าถึงธรรมนี้,
ข้าพเจ้าทั้งหลาย,
จะตั้งใจปฏิบัติธรรม, ให้เข้าถึงพระธรรมกาย, และจะทุ่มเทชีวิตจิตใจ, สร้างบารมีอย่างเต็มที่, ขออานิสงส์แห่งบุญนี้, จงดลบันดาลให้, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ได้ประสบความสำเร็จในชีวิต,
ในธุรกิจหน้าที่การงาน, และสิ่งที่พึงปรารถนา, ให้มีมหาสมบัติอัศจรรย์, ทันใช้สร้างบารมี, ในปัจจุบันชาตินี้, ให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง,
มีกำลังใจที่เข้มแข็ง, ในการทำหน้าที่ผู้นำบุญ, ยอดกัลยาณมิตร,
เมื่อไปชักชวนผู้มีบุญใด, ให้มาสร้างบารมี, เป็นประธานกองกฐินสามัคคี, ขอให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์, ให้เข้าถึงฐานะอันประเสริฐ, ที่เลิศทั้งมนุษยสมบัติ, ทิพยสมบัติ, และนิพพานสมบัติ,
ให้รู้แจ้ง เห็นแจ้ง แทงตลอด, ทั้งทางโลกและทางธรรม, ให้เป็นบัณฑิตนักปราชญ์, ฉลาดในศาสตร์ทั้งปวง, มีดวงปัญญาสว่างไสว, มีญาณทัสสนะกว้างไกล, มีดวงตาแจ่มใส, ทั้งมังสจักษุ, ทิพยจักษุ, ปัญญาจักษุ, สมันตจักษุ, และธรรมจักษุ
ให้ได้บรรลุธรรม, ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, และพระเดชพระคุณหลวงปู่, พระมงคลเทพมุนี, สด จนฺทสโร, พระผู้ปราบมาร,
และคุณยายอาจารย์, มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง, ให้ความปรารถนาทั้งมวล, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, จงเป็นผลสำเร็จ, จงเป็นผลสำเร็จ, จงเป็นผลสำเร็จ, ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมกาย, ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, ทุกๆ พระองค์, จงทุกประการเทอญ, นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ