ความปลื้มสร้างทุกสิ่ง
วันอาทิตย์ที่
๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ (๑๓.๓๐ - ๑๕.๐๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย ทั้งเนื้อทั้งตัวให้มีความรู้สึกว่า
สบาย
ปรับท่านั่งให้ถูกส่วน
ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี ให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก จะได้ไม่ปวด ไม่เมื่อย
ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
ปรับใจ
ทำใจให้ใสๆ
ให้เกลี้ยงๆ โดยทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง คลายความผูกพันจากทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ให้ปลด
ให้ปล่อย ให้วาง ใจต้องเกลี้ยงๆ ต้องไม่ติดอะไรเลย ถึงจะกลับเข้าไปสู่ภายในได้อย่างง่ายๆ
แล้วก็จะตั้งมั่นอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ได้อย่างง่ายๆ อย่างสบายๆ ทำใจของเรา
ให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง
เริ่มต้นด้วยบุญที่ปลื้ม
นึกถึงบุญที่เราได้สั่งสมมา
ทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา เป็นต้น จะเป็นทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ตักบาตร
บุญชวนคนทำความดี บุญสร้างวัดวาอาราม ถาวรวัตถุอะไรต่างๆ เหล่านั้นเป็นต้น
ทั้งศีลที่เราปฏิบัติ ศีล ๕ ศีล ๘ เป็นต้น
ให้นึกถึงบุญที่เราทำผ่านมา
ใจจะได้ชุ่มๆ โดยเฉพาะบุญที่เราปลื้มมากที่สุด นึกได้ง่ายที่สุด
ก็ให้เริ่มต้นนึกถึงบุญนั้นก่อน ให้นึกถึงบุญที่เราปลื้ม เพราะทำได้ยาก
แต่เราทำได้ง่ายๆ ยามใดที่นึกถึงก็จะปลื้ม
ความปลื้มนี่แหละ
จะไปดึงบุญเก่าทุกๆ บุญ ที่บางบุญเราก็ระลึกได้ บางบุญเราก็ระลึกไม่ได้ ทั้งในปัจจุบันชาตินี้
และในอดีตชาติที่ผ่านมา เพราะว่ามันเยอะ ทั้งบุญเล็ก บุญน้อย บุญปานกลาง บุญใหญ่ บุญทุกชนิด
เราทำมามากมาย
วิธีเชื่อมสายบุญในอดีต
บุญในปัจจุบันชาตินี้ บางบุญเราก็จำไม่ได้ ส่วนในอดีตชาติไม่ต้องพูดถึง
เรานึกไม่ออกเลย แต่มีวิธีที่จะเชื่อมสายบุญเหล่านั้นให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้
โดยให้เริ่มต้นนึกถึงบุญที่เราปลื้มก่อน แล้วมันจะไปดึงดูดบุญเก่าๆ มาเชื่อมกันเอง
เพราะฉะนั้น
การทำบุญแล้วให้ปลื้มจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับชีวิตในสังสารวัฏนี้นะลูกนะ
เวลานี้เราจะนำบุญเหล่านั้นมาช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้การปฏิบัติธรรมของเราก้าวหน้า
ให้ใจหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ อย่างสบายๆ จนกระทั่งนิ่งแน่นอย่างนุ่มนวล ควรแก่การงานที่เราจะศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ควรแก่การเดินทางเข้าไปสู่ภายใน ควรแก่การรื้อภพรื้อชาติ เป็นต้น
เพราะฉะนั้นความปลื้มจึงสำคัญมาก
นึกถึงบุญที่ปลื้มที่สุด
ลูกลองนึกดูนะลูกนะ บุญไหนที่ทำได้ยาก
แต่เราทำได้ นึกยามใดแล้วปลื้ม มักจะเป็นบุญที่เป็นที่สุดของชีวิตของเรา
ในวาระนั้น เราจะต้องตัดสินใจว่า
เราจะทำอย่างไร เพื่อที่จะได้สั่งสมบุญให้ได้
โดยปราศจากความกังวลในความปลอดภัยของชีวิตในปัจจุบัน ไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น
ไม่เสียดาย ไม่หวงแหนทรัพย์สมบัติที่หามาได้ด้วยความยากอย่างยิ่ง เราสามารถตัดใจได้
ทำแล้วปลื้ม นึกครั้งใดก็ปลื้มทุกที ไม่ว่าปริมาณทรัพย์นั้นจะมากหรือน้อยก็ตาม
แต่เป็นที่สุดของเรา แม้อาจจะน้อยสำหรับคนอื่น แต่มากสำหรับเราในยามนั้น
นึกเมื่อใดก็ปลื้ม บุญนี้สำคัญมากนะลูกนะ
เริ่มต้นนึกตรงนี้ก่อน
จะทำให้ใจของเราปีติ เบิกบาน อาจหาญ ร่าเริง ราวกับพระราชาที่รบชนะศึก
ออกจากแว่นแคว้นที่รบชนะแล้วด้วยใจที่เบิกบาน เป็นผู้ชนะแล้ว
มหาทุคตะ ที่เราได้ยินได้ฟัง
มีผ้าเพียงผืนเดียว ทำบุญในยามยาก แต่ตัดใจได้
จนกระทั่งอาจหาญร่าเริงเบิกบานในการกล่าวคำว่า ชิตัง เม เราชนะแล้ว ชนะสิ่งที่ทำได้ยากแล้ว
ด้วยความเบิกบาน
ทุกบุญรวมเป็นดวงบุญ
ถ้าใจปลื้มอย่างนี้ได้
เดี๋ยวก็จะไปดึงดูดทุกๆ บุญมาเลย มันน่าอัศจรรย์จริงๆ บุญที่เราลืมไปแล้ว ก็จะต่อเนื่องกันเลย
ตั้งแต่บุญในภพชาติปัจจุบันนี้ พอเชื่อมกันถูกส่วน ก็จะไปดูดบุญในอดีตที่เราเวียนว่ายตายเกิดสร้างบารมีกันมา
จะมาเชื่อมกัน และมารวมกันเป็นดวงบุญใสๆ
เกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
เป็นดวงบุญที่ใสบริสุทธิ์
ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย หรือใสเหมือนน้ำบ้าง เหมือนกระจกบ้าง
หรือใสเกินความใสใดๆ ในโลกบ้าง จะสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แต่ใสเย็นเหมือนเรายืนอยู่ที่กลางแจ้งในคืนวันเพ็ญ
มีลมโชยเบาๆ ที่ทำให้ใจเราสบาย ใจใสๆ ดวงบุญก็คล้ายๆ อย่างนั้น แต่ของจริงที่เข้าถึงนั้น
ซึ่งจินตนาการเราไปไม่ถึง ยิ่งกว่านี้มากทีเดียวจะบังเกิดขึ้น
ดวงบุญจุดเริ่มต้นการเดินทางภายใน
เมื่อใจของเราปลื้มในระดับที่เชื่อมกับศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ได้จะเป็นดวงใสๆ เกิดขึ้นที่กลางกายอย่างง่ายๆ อย่างสบายๆ
และก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำเราเข้าไปสู่การเดินทางภายใน
ไปเชื่อมกับชีวิตภายในที่ประณีตเพิ่มขึ้น บริสุทธิ์เพิ่มขึ้น ประเสริฐเพิ่มขึ้น
กระทั่งไปถึงบุคคลอันเลิศที่อยู่ภายใน
คือ องค์พระธรรมกายที่ใสบริสุทธิ์สวยงามมาก เกตุดอกบัวตูม ในอิริยาบถสมาธิ หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเราสว่างไสว เกิดขึ้นที่กลางกายอย่างง่ายๆ
วางใจอย่างเบาสบาย
ให้ลูกทุกคน
รวมทั้งลูกพระธรรมทายาททุกรูปด้วย ค่อยๆ วางใจนิ่งๆ นุ่มๆ อย่างเบาๆ สบายๆ ให้ใจใสๆ
ใจเย็นๆ อยู่ในกลางที่เราเห็นอยู่ภายในกลางกาย กลางดวงใสๆ หรือกลางองค์พระใสๆ
ด้วยใจที่เบิกบาน แช่มชื่น วางเบาๆ
อย่าไปเน้นภาพ อย่าไปเค้นภาพ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นไปก่อน
ให้พึงพอใจแค่นั้นไปก่อน อย่างสบายๆ เมื่อใจสบายแล้ว เดี๋ยวภาพเหล่านั้นจะค่อยๆ
ชัดเจนขึ้นมาเพิ่มขึ้น จนกระทั่งถึงจุดที่เราอัศจรรย์ใจว่า
คนอย่างเราก็ทำได้เหมือนกัน สามารถเข้าถึงสิ่งอัศจรรย์ภายในนี้ได้
เพราะฉะนั้น
ตอนนี้เราก็ต้องค่อยๆ วางใจนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ อย่าไปลุ้น อย่าไปเร่ง
อย่าไปเพ่ง อย่าไปจ้อง อย่าไปเน้นภาพ อย่าไปเค้นภาพ อย่าไปมัวควานหาภาพภายใน
ให้ทำอย่างที่บอกตั้งแต่เริ่มต้นนั่นแหละ เดี๋ยวเกิดขึ้นเองอย่างง่ายๆ
และก็จะชัดเจนขึ้นเองอย่างง่ายๆ เช่นเดียวกัน
บริกรรมภาวนา
ตอนนี้ก็ประคองใจไปเรื่อยๆ
จะประกอบบริกรรมภาวนา สัมมาอะระหัง ไปด้วยก็ได้ ให้เสียงคำภาวนาดังออกมาจากในกลางท้องของเรา
ไม่ใช่ที่สมอง มาจากกลางท้องของเราอย่างง่ายๆ เหมือนมาจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์
แหล่งแห่งอานุภาพอันไม่มีประมาณ ผ่านกลางกายขึ้นมา สัมมาอะระหังๆๆ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
นะจ๊ะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565