สิ่งอัศจรรย์
วันอาทิตย์ที่ ๑๕
เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ (๑๓.๓๐ - ๑๕.๓๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ งานบุญวันอาทิตย์
ปรับกาย
ตั้งใจนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะจ๊ะ
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกว่าสบาย
ต้องสบาย ต้องผ่อนคลาย
แล้วปรับท่านั่งของเราให้ถูกส่วน
จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย ให้เลือดลมในตัวเดินได้สะดวก
ปิดเปลือกตาแค่เบาๆ
ไม่ถึงกับปิดสนิท เหมือนเราปรือๆ ตานิดๆ หลังจากนั้นไม่ต้องสนใจเรื่องการปิดเปลือกตาเลย
ปรับใจ
แล้วก็ทิ้งทุกอย่าง
ปล่อยวางทุกสิ่ง คือ ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ให้คลายความผูกพันกับคน สัตว์ สิ่งของ
ธุรกิจการงาน บ้านช่อง การศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัวหรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ต้องปลด ต้องปล่อย ต้องวางจริงๆ ในช่วงที่เรากำลังหลับตาเจริญสมาธิภาวนา
ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
วางใจ
แล้วรวมใจกลับเข้าไปสู่ภายใน
ให้ใจหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ หยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา
ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ หรือบริเวณกลางท้อง ให้ใจกลับเข้าสู่ภายในอย่างสบายๆ
ฝึกให้คุ้นเคย ต้องผ่อนคลาย ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ
นึกถึงบุญ
แล้วนึกถึงบุญที่เรานึกเมื่อใดแล้วปลื้มทุกครั้ง
นึกครั้งใดปลื้มทุกที นึกถึงบุญที่ทำให้ปลื้มก่อน จะได้ไปดึงดูดบุญต่างๆ ที่เราเคยทำผ่านมา
แต่ว่าเราลืมไปแล้ว หรือบางทีนึกได้ แต่เลือนรางเหลือเกิน หรือบางช่วงเราทำแล้วนึกถึงความปลื้มไม่ออก
แต่ก็ทำด้วยความตั้งใจ
บุญที่เรานึกแล้วปลื้มนี้
จะไปดึงดูดบุญเหล่านั้น ไม่มีหกไม่มีหล่นเลย จะดึงดูดเข้าหากันแล้วมารวมเป็นดวงบุญใสๆ
ติดอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างน้อยก็ใสเหมือนน้ำใสๆ เหมือนน้ำแข็งใสๆ เหมือนกระจกใสๆ
หรือเหมือนเพชรที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย ใสบริสุทธิ์ กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว
เป็นดวงใสๆ สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันหรือยิ่งกว่านี้
ถ้าใจเราละเอียดมาก
คือ หยุดนิ่งได้แน่นอย่างนุ่มนวล จะสว่างมาก แต่ไม่แสบตา ไม่จ้า จะใสๆ เย็นๆ อย่างไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบได้
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ใจของเราหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล
จะนิ่งนุ่มอย่างเบาๆ สบายๆ
ฝึกตรงนี้ให้คุ้นเคย ทำซ้ำๆ ทุกวัน วันละ ๒
เวลา หลับตา ลืมตา นั่ง นอน ยืน เดิน ต้องฝึกกันไปเรื่อยๆ ให้เกิดความคุ้นเคยแล้วชินไปในที่สุด
นี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับการเกิดมาเป็นมนุษย์ในแต่ละภพแต่ละชาติ
โดยเฉพาะชาตินี้สำคัญทีเดียว จะทำให้เราสมหวังในชีวิต คือ
การเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้ เข้าถึงความบริสุทธิ์ภายใน แล้วจะได้ศึกษาเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเรา
ฝึกให้หยุด ให้นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ
บริกรรมนิมิต
บริกรรมภาวนา
ส่วนใครที่คุ้นเคยกับการนึกถึงองค์พระ
หรือรูปหล่อทองคำของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ก็นึกภาพที่เราคุ้นเคยไปก่อนก็ได้
วัตถุประสงค์ต้องการให้ใจมาหยุดนิ่ง นุ่ม เบาๆ สบายๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
บางท่านจะประคองใจด้วยบริกรรมภาวนา
สัมมาอะระหัง ไปด้วยก็ได้ หรือจะวางใจนิ่งเฉยๆ ก็ได้ ต้องนิ่งๆ นุ่มๆ ต้องเบาๆ
ต้องสบายๆ ต้องผ่อนคลาย ต้องใจใสๆ ใจเย็นๆ
เฉยกับทุกสิ่ง
นิ่งอย่างเดียว
ถ้าเราทำตามสูตรสำเร็จอย่างนี้ได้
ไม่ช้าใจจะหยุดนิ่งนุ่มไปเอง คือ อยู่ๆ ใจจะหลุดออกจากกายหยาบเคลื่อนเข้าไปสู่สภาวะที่ละเอียด
จะเคลื่อนเข้าไปเองเลย เหมือนอยู่ๆ เราก็หลุดเข้าไปข้างใน บางคนค่อยๆ เข้าไป บางคนเข้าไปอย่างรวดเร็วก็มี
เหมือนหลุดจากหยาบไปสู่ที่โล่งกว้าง คล้ายๆ กลางอวกาศ ถ้าเราทำใจนิ่งๆ เฉยๆ สบายๆ
ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องไปเพ่ง ไม่ต้องไปจ้อง ไม่ต้องไปเล็ง ไปกดลูกนัยน์ตา
แค่นิ่งๆ นุ่มๆ มันจะเคลื่อนเข้าไป แล้วจะหลุดจากกายหยาบสู่สภาวะละเอียดที่ฟ่องเบาเหมือนปุยนุ่นที่ลอยในอากาศ
จะหลุดเข้าไปเลย บางคนก็หล่นเข้าไปข้างในเหมือนตกจากที่สูง ไม่ต้องตกใจหรือกลัวนะลูกนะ
ต้องเฉยๆ เฉยกับทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว เดี๋ยวความเบาสบายจะมาหาเราเอง
ประสบการณ์ภายใน
การเคลื่อนเข้าไปสู่ภายในจะเคลื่อนเข้าไปเอง
การเห็นแสงสว่างภายในก็จะเห็นเอง การเข้าถึงดวงธรรมภายในก็เข้าถึงได้เอง
เพราะสิ่งเหล่านี้จะมาเอง แค่เรานิ่งเฉยๆ ใจจะเคลื่อนไปเอง และเห็นสิ่งนั้นมาเอง
นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ ถ้าเราทำเป็น ฝึกให้เป็น แล้วต้องฝึกให้คุ้น ให้ชำนาญในหยุดแรกๆ
หยุดแรกนี่สำคัญ
ไม่ช้าหรอก ถ้าเราฝึกทำซ้ำๆๆๆ ไปเรื่อยๆ นิ่งเฉยๆ อย่างสบายๆ เดี๋ยวแสงสว่างก็มา แสงสว่างที่แตกต่างจากความสว่างภายนอก
เป็นแสงสว่างส่องทางชีวิตให้เราได้เห็นชีวิตภายใน ซึ่งเป็นชีวิตที่แท้จริง ใจจะเคลื่อนเข้าไปเรื่อย
แสงสว่างภายในจะทำให้เราเห็นภาพภายในเมื่อใจตกศูนย์
เมื่อใจตกศูนย์
เวลาตกศูนย์อย่าไปกลัว
อย่าไปตื่นเต้น แต่ถ้าอดตื่นเต้นไม่ได้ก็ช่างมัน ใช้ ๒ คำนะ ช่างมัน แล้วมาเริ่มต้นใหม่
พอเราเจอประสบการณ์ภายในแบบนี้บ่อยๆ อีกหน่อยก็คุ้นเคยแล้วก็ชิน แล้วตอนหลังเราจะชอบสิ่งเหล่านี้
แต่ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติปกติของใจที่หยุดนิ่ง อย่าฟังผ่านนะลูกนะ นี่เป็นเรื่องประสบการณ์ภายในที่สำคัญ
สำคัญทุกประโยค
เราก็นิ่ง
แล้วจะหนีการตกศูนย์ไม่พ้นเลย บางคนไปอย่าง soft soft นุ่มๆ
บางคนก็พรวดพราดเข้าไปเลย แล้วแต่จุดเริ่มต้นของการวางใจ ถ้าค่อยๆ หยุด ค่อยๆ
นิ่งๆ นุ่มๆ มันจะเคลื่อนเข้าไปอย่าง soft soft นุ่มๆ
เคลื่อนเข้าไป แล้วมันก็โล่งกลวง
เวลาใจหล่นเข้าไป
มันมีความสุข มีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจ และดวงธรรมภายในก็ลอยขึ้นมาเป็นดวงใสๆ
กลมรอบตัว กลมเหมือนกัน แต่อารมณ์ไม่เหมือนกัน อารมณ์จะประณีตละเอียดอ่อน แล้วก็เข้าถึงความสุขที่เราจินตนาการไม่ออก
นอกจากเข้าถึงจริงๆ มีประสบการณ์ภายในจริงๆ ที่เกิดจากใจหยุดนิ่ง นุ่ม เบาสบาย
และดวงใสๆ ก็จะลอยขึ้นมา
ใจจะตั้งมั่น
คือ นิ่งแน่นอย่างนุ่มนวล ไม่เขยื้อน ความคิดอื่นที่เราไม่ต้องการจะแทรกไม่ได้
ไม่มีความคิดอะไรเลย เป็นจุดที่ปลอดความคิด มีแต่สุขล้วนๆ บริสุทธิ์ล้วนๆ และความชัด
ความใส ความสว่าง ความพึงพอใจอย่างนุ่มๆ ใจจะตั้งมั่น นิ่ง ได้อารมณ์สุขกับเฉยๆ
เฉยนี้ไม่ใช่เฉยแบบเฉื่อยชา แต่เฉยแบบมีชีวิตชีวา ซึ่งเราจะจินตนาการไม่ออก ถ้าใจยังไม่หยุดนิ่งแน่น
ไปถึงตรงนั้นแล้วจะเข้าใจ
ใจจะนิ่ง
นุ่ม ใส หลังจากนั้นเราจะเห็นไปตามความเป็นจริงของสิ่งที่มีอยู่จริงดั้งเดิมมานานแล้ว
จะไปเห็นเอง จะเข้าถึงเอง ชีวิตของเราจะมีคุณค่าสูงส่ง จะมีความปลื้มปีติภาคภูมิใจว่า
คนอย่างเรายังทำกับเขาได้ มีความเป็นใหญ่อยู่ในตัวเองแม้อยู่ตามลำพัง ไม่มีความคิดว่า
ด้อยกว่าใคร หรือเด่นกว่าใคร จะอิ่มสุขบริสุทธิ์อยู่ภายใน ใสๆ
อยู่ตามลำพังได้ในทุกหนทุกแห่ง ใจจะใสๆ เกลี้ยงๆ
เราฝึกตรงนี้ให้คล่องให้ชำนาญทีเดียว
ค่อยๆ ทำไป ต้องใจเย็นๆ ทำไปตามขั้นตอนอย่างนี้ เดี๋ยวการเห็นดวง เห็นกาย เห็นองค์พระ
ก็เป็นไปเองง่ายๆ วางใจให้เป็น วันนี้เอาตรงนี้ให้ลงตัวเสีย
หยุดนิ่งได้
ใจจะเบิกบาน
ถ้าใจเราหยุดนิ่งได้แล้ว
เราจะสร้างมหาทานบารมีก็เป็นมหากุศล จะรักษาศีลก็เป็นมหากุศล
จะเจริญภาวนาก็เป็นมหากุศล เป็นมหัคคตกุศล คือ กุศลใหญ่ คำว่ากุศลใหญ่นี้ไปถึงตรงนั้นเราจะเข้าใจเอง
เราได้ยินมาบ่อย แต่จินตนาการไม่ออก นึกตามไม่ได้ แต่ไปถึงตรงนั้นแล้วจะเข้าใจ เพราะใจมันเบิกบาน
คำว่า
ใจเบิกบาน ก็จินตนาการไม่ออก
จนกว่าจะหยุดนิ่งได้ หยุดแรกได้ก็เริ่มรู้จักคำนี้แล้ว
เบิกบานมีชีวิตชีวาอยู่ภายใน มันมากกว่า คำว่า ปลื้ม มาถึงจุดนี้ภาษาในโลกมนุษย์ไม่อาจจะเอามาใช้กับคำตรงนี้ได้
ต้องมีประสบการณ์ภายในที่เกิดจากใจหยุดนิ่ง
ลูกลองฝึกตรงนี้สิจ๊ะ
ค่อยๆ วางเบาๆ ส่วนใครที่เป็นแล้วในระดับหนึ่งก็ทำซ้ำๆ ที่เดิมที่เราชอบ เช่น
ชอบนึกถึงดวง ก็นึกถึงดวง ชอบนึกถึงช่วงที่เข้าถึงกาย ก็นึกถึงกายภายใน ชอบช่วงที่เห็นองค์พระใสๆ
ก็นิ่งไปตรงนั้น นิ่งกลางองค์พระไป นิ่งนุ่มไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเราจะเห็นองค์พระในองค์พระผุดผ่านเข้ามาในกลางกายเยอะแยะเลย
เราฝึกตรงนี้เอาให้ได้เลย เอาให้ใสๆ
(ปฏิบัติธรรม)
สร้างมหาทานบารมี
คราวนี้เราก็นึกน้อมเอาปัจจัยไทยธรรมที่เราได้นำมาสร้างมหาทานบารมีในวันนี้
น้อมไว้ตรงกลางกาย ให้ใจหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ เพราะว่าปัจจัยในยามนี้หายาก
ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันทีเดียวกว่าจะได้มาแต่ละบาทแต่ละสตางค์ เราได้ตัดใจสละสมบัติเหล่านี้เอามาสร้างมหาทานบารมี
ด้วยความปลื้มปีติใจว่า จะได้เชื่อมสายบุญใหญ่กับพระเดชพระคุณหลวงปู่
โดยจะหล่อรูปเหมือนท่านด้วยทองคำเอาไว้ให้มนุษย์และเทวดาทั้งหลายสักการบูชา
ให้นึกน้อมไว้ตรงศูนย์กลางกาย นึกนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ แล้วนึกถึงบุญทุกบุญที่เราทำเนื่องด้วยท่าน
ตั้งแต่บุญที่เราช่วยกันไปสถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ที่มีพระธุดงค์กองพันสถาปนา
๓๘๑ กิโลเมตร แล้วบุญช่วงใกล้ๆ ที่เนื่องด้วยพระเดชพระคุณหลวงปู่
ด้วยการจัดตักบาตรในเส้นทางอัญเชิญรูปหล่อทองคำของท่านไปสู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ซึ่งจะว่าบังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกใบนี้ก็ได้ เพราะยังไม่เคยมีที่ไหนเขาจัดกันมาก่อนอย่างต่อเนื่องอย่างนี้
จนกระทั่งมาถึงเส้นทางอัญเชิญพระเดชพระคุณหลวงปู่ที่เราอัญเชิญท่านไปธุดงค์ธรรมชัย
ทั้งลูกพระลูกเณร เราก็ได้ไปเอาบุญโปรยกลีบกุหลาบบูชาธรรมท่าน และต้อนรับพระเดชพระคุณหลวงปู่
แล้วก็ส่งต่อๆ กันไป จนกระทั่งถึงวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ให้เรานึกถึงบุญทุกบุญดังกล่าวอย่างนี้
ด้วยใจที่ปลื้มปีติยินดี
ที่เราทำเนื่องด้วยพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร แล้วจะมาเชื่อมสายบุญวันที่
๒๒ เมษายน วันคุ้มครองโลก เราจะหล่อรูปเหมือนท่านด้วยทองคำอีกองค์หนึ่ง เพื่อประดิษฐานที่มหาวิหารของท่าน
บุญทุกบุญนี้เป็นบุญอัศจรรย์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในโลกในยุคนี้
เราเป็นบุคคลมหัศจรรย์ที่ได้ทำสิ่งนี้ บุคคลอัศจรรย์ สร้างบุญอัศจรรย์ ย่อมจะได้เจอสิ่งที่เป็นอัศจรรย์
ที่จะนำพาชีวิตของเราให้สูงส่งเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
เรานึกถึงปัจจัยไทยธรรมที่น้อมไปในกลางกาย
แล้วนึกน้อมภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองคำที่เราคุ้นเคยตรงนี้ไปก่อน
น้อมเอาปัจจัยไทยธรรมนี้ผ่านเข้าไปในกลางกายท่าน จากรูปหล่อทองคำที่เราคุ้นเคยจะเข้าไปถึงกลางองค์พระของท่านที่ใหญ่มากๆ
แล้วท่านจะรวบเราทั้งหมดไปไว้ในกลางองค์พระองค์ใหญ่ๆ ของท่านพร้อมไทยธรรม รวบไปหมดเลย
แล้วท่านก็นิ่ง นิ่งแน่นทับทวีไปเรื่อยๆ
ความนิ่งแน่นของท่าน
ทำให้เกิดการทับทวีเป็นปริมาณมากๆ จากหนึ่งไปเป็นนับเท่าไม่ถ้วนเลย ที่ซ้อนๆ
กันอย่างมีระเบียบ ซ้อนพรึบไปเลย แล้วท่านก็ทับทวีไปเรื่อยๆ
ในไส้กลางของกลางของท่าน ท่านทับทวีไป บุญละเอียดก็เกิดขึ้นกับลูกทุกคนก่อนชั้นหนึ่ง
ส่วนของหยาบค่อยเอามาถวายทีหลัง
แต่ตอนนี้บุญละเอียดเกิดขึ้นผุดซ้อนๆ
เชื่อมติดหมดทุกกาย ให้ลูกนิ่งแน่นอย่างนุ่มนวลไปเรื่อยๆ
ให้มีความปลื้มปีติยินดีเถิดว่า ทุกบาททุกสตางค์ของเราเป็นมหากุศล เพราะได้ทำบุญเนื่องด้วยบุคคลอันประเสริฐ
บุคคลอันเลิศ พระผู้ปราบมารที่ขจัดต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งปวง
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ให้ลูกนิ่งไปเรื่อยๆ นุ่มๆ ด้วย ขณะที่ท่านกำลังทับทวีไปเรื่อยๆ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565