บุญจะได้ช่องเมื่อใจเราสบาย
วันจันทร์ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ (๑๕.๐๐ - ๑๖.๐๐ น.)
ห้องแก้วสารพัดนึก วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย - ปรับใจ
ตั้งใจนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะจ๊ะ หลับตาเบาๆ
พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกสบาย
ต้องสบาย อย่ามองข้ามความสบาย ต้องสบายจริงๆ
วางใจ
แล้วก็ทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง
รวมใจมาหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา
ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ให้ใจหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ สบายๆ อย่างเดียว
โดยไม่ให้ใจไปเกาะ ไปเกี่ยว ไปเหนี่ยว
ไปรั้งเรื่องอะไรเลย ให้ทิ้งทุกอย่างปล่อยวางทุกสิ่งนิ่งอย่างเดียว ไม่เกาะ
ไม่เกี่ยว ไม่เหนี่ยว ไม่รั้งเรื่องอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ
ธุรกิจการงาน บ้านช่อง การศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจ เกลี้ยงๆ ใจใสๆ ใจสบายๆ
แตะไปที่ศูนย์กลางกายอย่างง่ายๆ แตะไปเบาๆ สบายๆ
ถ้ากายสบายใจสบายก็ง่ายนิดเดียว
ถ้ากายสบาย ใจสบาย ก็ง่ายนิดเดียว
ต้องหาจุดสบายของเราให้เจอ อย่ามองข้ามตรงนี้นะ
สบายตรงไหนก็เอาตรงนั้นไปก่อน
แต่เป้าหมายของเราอยู่ในกลางกายฐานที่ ๗ ให้หาจุดสบายของเราให้เจอ
ที่เราหลับตาสบาย นั่งผ่อนคลายสบายที่สบายจริงๆ
ปล่อยวางใจนิ่งอย่างเดียวอย่างสบายๆ สบายตรงไหนเอาตรงนั้นไปก่อน
พอกายสบาย ใจสบาย อารมณ์อยากนั่งไปนานๆ
ก็จะเกิดขึ้น ใจก็ไม่อยากไปคิดเรื่องอะไรเลย อยากจะนิ่งอย่างเดียว นุ่มๆ
เดี๋ยวใจก็จะค่อยๆ เคลื่อนไปอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของเราเอง
บุญจะได้ช่องเมื่อใจสบาย
ทุกคนสั่งสมบุญบารมีมาข้ามภพข้ามชาติกันแล้ว
ทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา เป็นต้น บุญจะได้ช่องส่งผลตรงที่ใจเราสบายๆ
พอใจใสใจสบายบุญก็ได้ช่อง ความสุขก็ได้ช่องเข้ามาภายในใจเรา
ความบริสุทธิ์ก็ได้ช่องที่จะเข้ามาภายในใจเรา
ธรรมะที่เราเคยเข้าถึงก็จะได้ช่องผุดขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นดวงใสๆ กายภายในที่ใสๆ เช่น
เห็นตัวของเราเอง ใสๆ ก็เกิดขึ้นมาเอง หรือองค์พระใสๆ ซึ่งมีอยู่แล้วภายในก็จะบังเกิดขึ้น
หรือแม้แต่ภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่
พระผู้ปราบมาร หรือคุณยายอาจารย์ของเรา
ซึ่งคุมบุญคุมธรรมะให้เราอยู่ก็จะได้ช่องสอดผ่านเข้ามาในกลางกายเราอย่างง่ายๆ
เพราะฉะนั้น เรามองข้ามความสบายไปไม่ได้เลยนะลูกนะ ต้องหาให้เจอ
อย่าตั้งใจเกินไป
หรือไม่ตั้งใจเลย ให้ใจอยู่ในระดับสบาย พอดีๆ ถ้าตั้งใจเกินไป มันก็จะไปอยู่ในสายตึง
ถ้าหย่อนเกินไปขาดสติมันก็อยู่ไปในสายหย่อน แต่ถ้าสบายๆ
ทั้งกายและใจก็จะอยู่ในสายกลาง ความพอดีก็จะเกิดขึ้น
เดี๋ยวใจก็จะรวมอย่างถูกส่วน
เพราะทุกสิ่งดังกล่าวจะได้ช่องผ่านมาตอนที่เราสบาย
ตรงนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่พญามารกันนักกันหนาทีเดียว
พญามารกลัวมวลมนุษยชาติมีความสุข ความสบาย
กลัวสบายจึงตรึงมนุษย์ไปติดเกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้เกิดความทุกข์กายทุกข์ใจไม่สบายกาย
ไม่สบายใจ ตรึงไปติดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น โดยที่มวลมนุษยชาติก็ไม่รู้ตัวเองเลย
จนกระทั่งมีการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านถึงสอนวิธีที่จะเข้าถึงความสุขที่แท้จริงภายใน ซึ่งตรงข้ามกับพญามาร
ก็คือให้เราสบายๆ ในเส้นทางสายกลาง ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป
พอเราเริ่มต้นจากจุดที่สบายในเส้นทางสายกลางอย่างนี้ ความสุขก็จะได้ช่องส่งผล
ความบริสุทธิ์ก็ได้ช่องส่งผล ธรรมะก็ได้ช่องเข้ามาภายใน องค์พระก็เกิดง่าย
ดวงเกิดง่าย ดังที่กล่าวไปแล้วเบื้องต้น เพราะฉะนั้นตรงนี้หาให้เจอกันนะลูกนะ
โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันมาฆบูชา
เป็นวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเราก็ทราบกันดีอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นจะต้องกลั่นจิตกลั่นใจของเราให้ใสๆ แตะใจไปตรงกลางเบาๆ อย่างสบายๆ
ใจใสๆ ใจเย็นๆ
ใครที่มีประสบการณ์ภายในอยู่แล้ว เช่น
เห็นดวงใสๆ ในกลางกายก็เอาใจแตะไปตรงกลางดวง หรือเห็นตัวเองใสๆ ก็เอาใจแตะไปที่กลางกายภายใน
หรือเห็นองค์พระใสๆ ใจก็แตะไปนิ่งๆ
มีให้ดูแค่ไหน ดูแค่นั้นไปก่อน
มีให้ดูแค่ไหน ดูแค่นั้นไปก่อน อย่าไปบีบ
อย่าไปเค้น อย่าไปเน้น ที่จะให้ชัดให้ได้ดังใจ เพราะยิ่งบีบ ยิ่งเค้น ยิ่งเน้น
ใจมันก็จะน้อมไปทางสายตึง ภาพนั้นมันก็จะแข็งกระด้าง ดีไม่ดีก็หลุดออกมาเลย
ความสบายหายไป แล้วทำให้เราเบื่อต่อการนั่งธรรมะ
เพราะฉะนั้น มีให้ดูแค่ไหนดูแค่นั้นไปก่อน
จะมีให้ดูแค่ ๕ เปอร์เซ็นต์ รัวๆ รางๆ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ เราก็พึงพอใจอย่างนั้นไปก่อน
แม้ยังไม่ได้ดังใจก็ตาม
รักษาอารมณ์สบายเอาไว้ แต่ถ้าเผลอไปลุ้น
ไปเน้น ไปเค้น เราก็ต้องพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อย่างง่ายๆ
มานับหนึ่งใหม่ตรงจุดสบาย จะกี่ ๑๐ ครั้งก็ตามก็ต้องทำอย่างนั้น
อีกหน่อยเราจะคุ้นเคยแล้วก็ชิน
ไม่ช้าเราก็จะคุ้นกับความสบาย การวางใจอย่างสบาย การดูภาพภายในอย่างสบาย
แล้วอานิสงส์ที่เกิดจากการดูอย่างสบายๆ โดยไม่คิดอะไรนี่แหละ จากการเห็นภาพแค่ชัด
๕ เปอร์เซ็นต์ ก็จะชัดเพิ่มขึ้นเป็น ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ๒๐, ๓๐
เรื่อยไปเลย จนกระทั่งไปถึงจุดที่ชัดเหมือนลืมตาเห็นได้เองอย่างง่ายๆ
เพราะฉะนั้น
ดูภาพภายในต้องดูเหมือนเราดูทิวทัศน์ เหมือนเรานั่งรถแล้วเราดูทิวทัศน์สองข้างทาง
คือ ดูไปอย่างนั้นๆ โดยไม่ได้คิดอะไร
ภาพภายในก็เช่นเดียวกัน ดูไปเรื่อยๆ
อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น เดี๋ยวเราจะอัศจรรย์ใจว่า ภาพภายในนั้น
มันจะชัดเจนขึ้นมาเอง เหมือนเราลืมตาเห็น
หรือยิ่งกว่าลืมตาเห็นเองอย่างอัศจรรย์ทีเดียว
ลูกทุกคนทำได้ เพราะเคยทำข้ามชาติกันมาแล้ว
แต่ชาตินี้เราอาจจะหาจุดสบายยังไม่เจอเท่านั้นแหละ ถ้าเราหาเจอวันนี้ได้ เราก็ได้วันนี้
สมหวังดังใจทุกคนเลย พอใจใสใจสบาย ดวงก็ใส องค์พระก็ใส เราก็ยิ่งมีความสุข
พอจิตยิ่งมีความสุข ยิ่งมีความบริสุทธิ์
บุญที่เราทำผ่านมา ที่เราลืมไปแล้วก็ดี กระทั่งมาถึงบุญในวันนี้ ตอนเช้าเรามาใส่บาตรกัน
บุญตรงนี้ก็เกิดขึ้น หรือถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานแด่ภิกษุสามเณรผู้ประพฤติธรรมก็เกิดขึ้น
แล้วก็จะไปดึงดูด ทุกๆ บุญที่เราทำผ่านมาเลย รวมเป็นดวงบุญใสๆ
ติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตของเรา
ตั้งแต่ปุถุชนจนกระทั่งเป็นพระอริยเจ้า กระทั่งก้าวไปถึงที่สุดแห่งธรรมได้
ลูกเริ่มตรงนี้ให้ดีนะจ๊ะ
เพราะก่อนที่เราจะสร้างมหาทานบารมี
ซึ่งจะเป็นบุญใหญ่ติดตัวเราข้ามชาตินี้ ก็ต้องทำให้ถูกหลักวิชชา
เพราะทรัพย์กว่าจะหามาได้แต่ละบาทแต่ละสตางค์ในยามนี้มันยาก
เพราะฉะนั้นทุกบาททุกสตางค์จะต้องเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ ทำน้อยได้มาก ทำมากได้เยอะ
ให้ติดไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
จะได้อย่างนี้ใจของเราจะต้องเหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่
ซึ่งลูกส่วนใหญ่ที่มาเป็นปกติก็เข้าใจกันดีอยู่แล้ว
แต่ผู้ที่มาใหม่ก็ต้องศึกษาเรียนรู้ทำให้ถูกหลักวิชชา
ให้ใจเรานิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ใจใสๆ
ใจเย็นๆ หรือจะช่วยประคองใจให้หยุดนิ่งด้วยบริกรรมภาวนา สัมมาอะระหัง ไปด้วยก็ได้
สำหรับผู้ที่มาใหม่ ประคองใจกันไปอย่างนี้นะจ๊ะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565