สุขอื่นยิ่งกว่าใจหยุดนิ่งไม่มี
วันอาทิตย์ที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ (๑๕.๐๐ - ๑๖.๓๐ น.)
ห้องแก้วสารพัดนึก วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากัน
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกสบาย
ต้องสบาย
อย่ามองข้ามไป
เราเสียเวลาตรงนี้สัก ๑ หรือ ๒ นาที ปรับความสบายให้เกิดขึ้นทั้งกายและใจ
ปรับใจ
ทิ้งทุกอย่าง
ปล่อยวางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว ไม่ให้ใจเราไปเกาะ ไปเกี่ยว ไปเหนี่ยว
ไปรั้งเรื่องอะไรเลย ใจเกลี้ยงๆ นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ ใสๆ สบายๆ ให้ใจใส ใจสบาย ต้องสบาย
หาจุดสบายให้เจอ
เราให้เวลากับตัวเราเองตรงนี้สักนิดหนึ่ง
ต้องหาจุดสบายให้เจอ อย่ามองข้ามไป ทั้งการปิดเปลือกตา การผ่อนคลายร่างกาย
การปรับใจให้สบาย เกลี้ยงๆ ถ้าเราหาจุดสบายได้ก็ง่ายนิดเดียว เพราะว่าบุญจะได้ช่องสอดเข้ามาภายในตัวเรา
ความสุขก็ได้ช่อง ความบริสุทธิ์ก็ได้ช่องเข้ามาภายในใจเรา ธรรมะตั้งแต่แสงสว่าง
ดวงธรรมใสๆ หรือองค์พระใสๆ ก็ได้ช่องที่จะสอดเข้ามาในกลางกายของเรา
เสียเวลาตรงนี้สักนิดหนึ่ง ต้องหาให้เจอ
ต้องสบายทั้งร่างกาย ทั้งจิตใจ ทั้งการปิดเปลือกตา สบายตรงไหนก็เอาตรงนั้นไปก่อน คือ
เรามีความรู้สึกว่าเราพึงพอใจกับอารมณ์นี้ อยากอยู่กับอารมณ์นี้ไปนานๆ
แม้ไม่มีอะไรมาให้เราดู เราก็ยังอยากอยู่กับอารมณ์นี้ไปนานๆ
นี่คือสัญญาณของการเข้าถึงธรรม ตรงนี้แหละ อย่ามองข้ามไปนะ
สบายตรงไหน
เอาตรงนั้นไปก่อน จะนอกตัว คือ คลุมๆ คลุมกายเรา จะในตัว หรือจะกลางตัวของเรา
ตรงไหนสบายก็เริ่มต้นตรงนั้นไปก่อน พอถูกส่วนเข้า ใจก็จะวื้ดจึ้กเข้าไปข้างในตรงกลางกายได้อย่างง่ายๆ
ให้เราฝึกตรงนี้ซ้ำๆ
ๆ ทำทุกวันทุกคืน นั่ง นอน ยืน เดิน ทุกกิจวัตรกิจกรรม ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรมจะต้องทำควบคู่กันไป
เพราะนี่คือภารกิจอันยิ่งใหญ่ของการมาเกิดเป็นมนุษย์มาสร้างบารมี
มาทำพระนิพพานให้แจ้ง กระทั่งมีเป้าหมายไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
สุขอื่นนอกจากหยุดนิ่งไม่มี
เราจะอยู่เขตนอกเขตในก็ตาม จะเว้นจากการปฏิบัติธรรมไม่ได้ นี่คือหัวใจอันยิ่งใหญ่
เป็นเรื่องสำคัญ
และยิ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า
นัตถิ สันติปะรัง สุขัง
สุขอื่นนอกจากหยุดจากนิ่งไม่มี
คือ
ใจที่ไม่ซัดส่ายไปที่โน่นที่นี่ จะหยุดนิ่งอยู่ภายในตัว
ความสุขก็ได้ช่องส่งผลเข้ามา แต่ถ้าหากใจไม่หยุดไม่นิ่ง วิ่งไปที่โน่นที่นี่
ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหน จะไปแสวงหาความสุขมันก็ไม่เจอ ถ้าใจไม่หยุดไม่นิ่ง
จะอยู่โลกนี้หรือโลกอื่น หรือจักรวาลไหนๆ ก็ไม่มีความสุข
ถ้าใจหยุดใจนิ่งได้ สงบได้ อยู่ที่ไหนก็มีความสุข
เมื่อเรารู้หลักวิชชาอย่างนี้
ว่า นัตถิ
สันติปะรัง สุขัง สุขอื่นนอกจากหยุดจากนิ่งไม่มี เราก็มาแสวงหาตรงนี้ ฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง
อย่างอื่นเราก็ต้องทิ้งไปให้หมดเลย เพราะทำให้เราไม่ได้มีความสุขเลย
เดินตามรอยพุทธองค์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านสร้างบารมีมา ๒๐ อสงไขยเศษแสนมหากัป ท่านสรุปอย่างนี้ พระเดชพระคุณหลวงปู่ของเราก็ตอกย้ำซ้ำเดิมไปอีกว่า
หยุดเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกทางธรรม จะเข้าถึงความสุขได้ ถึงธรรมภายในได้
ก็ต้องหยุดกับนิ่งนี่เอง เราก็ควรจะทำให้ถูกหลักวิชชา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณกี่พระองค์ก็ตาม
จะตรัสตรงกันหมด เหมือนกันหมดเลย ประโยคเดียวกัน ข้อความเดียวกันเลย นัตถิ สันติปะรัง
สุขัง สุขอื่นนอกจากหยุดจากนิ่งไม่มี เพราะสิ่งที่ท่านมี โลกียทรัพย์มากกว่าเราเยอะ
แม้การเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ปกครองทวีปทั้ง ๔ โลก ทั้ง ๔ โลก
สมบูรณ์ไปด้วยรัตนะ ๗ มียิ่งกว่าที่เรามี ท่านยังทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง
แล้วมาหยุดมานิ่งอย่างเดียว
นี่เป็นข้อสรุปสำหรับชีวิต ทุกๆ ชีวิตว่า เราเกิดมาเพื่อการนี้นะลูกนะ
เพราะฉะนั้นจะทำมาหากิน หรือจะร่ำเรียนหนังสือหรือจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ
แต่อย่าทิ้งเรื่องการฝึกจิตให้หยุดให้นิ่งอย่างนี้จึงจะถูกหลักวิชชา
จุดที่จะทำให้หยุดนิ่งได้
จะเริ่มต้นจากที่ความสบาย กายสบาย ใจสบาย ปิดเปลือกตาสบาย อะไรๆ ก็ง่ายนิดเดียว
สิ่งที่เคยยากสำหรับเราที่ผ่านมา ก็จะง่าย เมื่อใจหยุดนิ่งได้ในทุกอิริยาบถ
ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน จะทำกิจวัตรกิจกรรมอะไร ก็มีความสุขทั้งนั้น
นี่คือหลักของชีวิตนะลูกนะ
สภาวธรรมภายใน
พอใจหยุดนิ่งแล้ว
มันก็จะดิ่งเข้าไปสู่ภายใน เราก็จะเห็นไปตามลำดับเลยตั้งแต่เห็นแสงสว่าง เห็นดวง
เห็นกาย กระทั่งเห็นสรณะภายใน ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
คือ พระธรรมกายในตัว มีทุกข์เราก็พึ่งท่านได้ เพราะพอถึงท่านแล้วก็มีสุข
ระลึกนึกถึงท่านเมื่อไรก็สุขทุกที จึงเรียกว่าเป็นทั้งที่พึ่งที่ระลึก คือ
ถ้านึกตลอดเวลาก็สุขตลอดเวลา เป็นที่พึ่งพิงได้แม้ยังไม่อยากไปนิพพานที่ชาวโลก ทั่วๆ
ไปเขามักจะพูดกันอย่างนั้น
อย่างน้อยก็ต้องเข้าถึงพระธรรมกายในตัว
เป็นโคตรภูบุคคล คือ มีสภาวะชีวิตที่เหนือจากชาวโลกทั้งหลาย
จากปุถุชนคนธรรมดาชาวโลกทั้งหลาย แต่ก็ยังไม่ได้ก้าวย่างไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้า
ยังอยู่ระหว่างครึ่งทาง อย่างนี้ชีวิตก็มีสุขแล้ว ปิดอบาย ไปสวรรค์
มีสุขในปัจจุบัน แล้วก็ดับทุกข์ได้ ช่วยตัวเองก็ได้ ช่วยผู้อื่นก็ได้
นี่จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
บุญบูชาข้าวพระ
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือน
เราได้ให้โอกาสตัวเองมาสร้างบารมี มาประกอบพิธีบุญในหลายๆ บุญ
โดยเฉพาะบุญบูชาข้าวพระ
ซึ่งเป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยาก ต้องมีการบังเกิดขึ้นของพระผู้ปราบมาร
ค้นพบวิชชาธรรมกายได้ จึงจะค้นพบวิธีการบูชาข้าวพระ คือ การนำของหยาบเครื่องไทยธรรมหยาบๆ
นี้ ดอกไม้ ธูปเทียน อาหารหวานคาว เอาน้อมมากลั่นให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ละเอียด
ด้วยวิชชาธรรมกาย
แล้วก็น้อมนำไปถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า
นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วนในอายตนนิพพาน ทั้งพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
ทั้งพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่เมื่อท่านดับขันธ์ทุกๆ ขันธ์แล้ว
ปรินิพพานก็จะเหลือแต่กายธรรมอรหัตผลอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า
เป็นธรรมกายล้วนๆ อยู่ในอายตนนิพพาน
การนำเครื่องไทยธรรมเหล่านี้ประกอบวิชชาธรรมกาย
ด้วยอานุภาพของมหาปูชนียาจารย์ทุกท่านไปถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลายดังกล่าวนี้ เรียกว่า การบูชาข้าวพระ คือ ทุกท่านต่างก็เป็นเนื้อนาบุญให้เรา
ซึ่งโอกาสที่จะไปถึงท่านได้นี้ต้องมีการบังเกิดขึ้นของวิชชาธรรมกายจึงจะไปถึงได้
ถ้าไม่มีการบังเกิดขึ้นของวิชชาธรรมกายโดยพระผู้ปราบมารแล้วล่ะก็ไปถึงไม่ได้
เพราะว่า ท่านพ้นจากภพทั้ง ๓ แล้ว ทั้งกามภพ รูปภพ อรูปภพ ไปอยู่อายตนนิพพานแล้ว ซึ่งเราสมมติเรียกว่า
ภพที่ ๔ เลยภพ ๓ ไปแล้ว ไปอยู่อายตนนิพพานไปแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้วิชชาธรรมกายก็ไปถึงตรงนั้นไม่ได้
ลูกทุกคนจึงเป็นผู้มีบุญมากได้มาเกิดในยุคนี้
ได้ให้โอกาสตัวเองมาสร้างบารมีกับหมู่คณะ
กระทั่งถึงมาบูชาข้าวพระในวันอาทิตย์ต้นเดือน บุญกุศลจึงเกิดขึ้นมากมายเป็นอสงไขยอัปปมาณังที่เกิดขึ้น
มหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน ท่านก็จะคุมบุญนี้ให้กับพวกเราทุกคนเลย
บุญทั้งหมดที่ทำจะกลั่นเป็นดวงบุญใสๆ
ติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของทุกๆ กาย ซึ่งมหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน
มีพระเดชพระคุณหลวงปู่ คุณยายอาจารย์ คุณยายจันทร์ ขนนกยูง คุณยายทองสุข สำแดงปั้น
เป็นต้น ท่านก็จะซ้อนบุญนี้ติดเข้าไปในกลางกายเราทุกกาย ตั้งแต่กายมนุษย์หยาบ
กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์หยาบ-ละเอียด รูปพรหมหยาบ-ละเอียด อรูปพรหมหยาบ-ละเอียด
กระทั่งถึงกายธรรมโคตรภู กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกิทาคามี กายธรรมพระอนาคามี
กายธรรมพระอรหัต ทั้ง ๑๘ กาย บุญนี้ติดหมดเลย
บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตของทุกๆ ชีวิต ของทุกกาย
ถ้าติดอยู่ในกายมนุษย์ละเอียด มนุษย์หยาบ เวลาเรามาเกิดเป็นมนุษย์หยาบ
บุญนี้ก็ส่งผล ถ้าติดที่กายมนุษย์ละเอียด พอเราเป็นกายละเอียดบุญที่จะติดอยู่ตรงนั้นก็จะส่งผล
ถ้ากายทิพย์ก็ส่งผลในเทวโลก พรหม อรูปพรหม ไล่ๆ เรื่อยกันไปตามลำดับ
นี่เป็นเรื่องที่สำคัญทีเดียวนะ เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
แล้วท่านยังเอาบุญนี้ไปให้แด่หมู่ญาติ
บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เราได้ตั้งใจอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้
ท่านก็คุมบุญนี้ไปให้ทุกๆ ท่าน เพราะทุกท่านอยู่ในกลางญาณทัสสนะ
ธรรมจักขุขององค์พระธรรมกายของท่านก็จะถึงทุกผู้ทุกคน ที่มีทุกข์มากก็จะทุกข์น้อย
มีทุกข์น้อยก็จะพ้นทุกข์ สุขน้อยก็สุขมาก สุขมากก็มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ส่วนอาหารทิพย์ก็จะไปไว้ตามวิมานต่างๆ แล้วก็แจกจ่ายไปตามวิมานของชาวสวรรค์ทั้งหลาย
เป็นต้น
นี่เป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยาก
เพราะฉะนั้นวันอาทิตย์ต้นเดือนมีการบูชาข้าวพระ ลูกจะขาดกันไม่ได้
ต้องมาเอาบุญใหญ่นี้กัน
เพราะฉะนั้นช่วง
เวลานี้ลูกก็หยุดใจนิ่งให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ
หยุดนิ่งอย่างสบายๆ ใครมีประสบการณ์ภายในระดับไหนก็หยุดนิ่งไปตามลำดับนั้น
ด้วยอารมณ์สบายดังกล่าวนี้ นิ่งอย่างเดียว ประคองใจให้นิ่งๆ นุ่มๆ
อย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะลูกนะ
วัดบางปลา
สถานเผยแผ่ธรรมครั้งแรกของหลวงปู่
วันนี้เป็นวันดี
เป็นวันสว่าง เป็นปฐมเริ่มการปิดแผ่นทองเสาเข็มรัตนชาติที่จะรองรับมหาวิหารพระผู้ปราบมาร
ณ อนุสรณ์สถานบางปลา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
ซึ่งเราตั้งใจจะสร้างมหาวิหารแห่งนี้ เอาไว้ให้มนุษย์และเทวดาได้กราบไหว้
และเป็นที่ชุมนุมกันของนักสร้างบารมี ในการมาแสวงบุญตามเส้นทางพระผู้ปราบมาร
บุญสถานที่ตรงนี้ เป็นที่เผยแผ่ธรรมะครั้งแรกของพระเดชพระคุณหลวงปู่
เมื่อย้อนกลับไปในราวปีพุทธศักราช
๒๔๖๐ ครั้งนั้น พระเดชพระคุณหลวงปู่ อายุพรรษา ๑๑ ย่าง ๑๒
ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์บน บางคูเวียง จังหวัดนนทบุรี ตอนนั้นท่านอายุ ๓๓ ปี
พอจำพรรษาแล้วก็ปฏิบัติธรรมเรื่อยมา จิตใจก็สงบ ทิ้งชีวิตจนกระทั่งได้เข้าถึงธรรม ได้เห็นดวงสว่างอยู่ภายใน
ได้เข้าถึงพระธรรมกาย ท่านปรารภความเพียรอย่างต่อเนื่องจริงจังไม่ได้ไปแรมราตรีที่ไหนเลย
กระทั่งวันเพ็ญขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ กลางพรรษาพอดี ท่านก็ได้ตั้งสัตยาธิษฐานว่า
ถ้าวันนี้เราไม่ได้บรรลุหนทางมรรคผลนิพพานล่ะก็ จะไม่ยอมลุกจากที่ จะปล่อยชีวิต
เนื้อเลือดจะแห้งเหือดหายไป เหลือแต่กระดูกหนังช่างมัน
ถ้าไม่ได้ก็ยอมตายเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เวลานั้นก็ราว
๖ โมงเย็น ท่านก็เข้าไปนั่งทำความเพียรอยู่ในโบสถ์วัดบางคูเวียง มีใจตั้งมั่น
นั่งสงบนิ่งไป สักค่อนคืน ประมาณตี ๒
จิตของท่านก็รวมถูกส่วนหยุดนิ่งดิ่งเข้าไปสู่ภายใน แล้วก็เห็นกายในกายไปตามลำดับ
จนกระทั่งถึงพระธรรมกาย ท่านก็ทบทวนทั้งอนุโลมและปฏิโลม ทบไปทวนมาให้ชำนาญ จนกระทั่งถึงรุ่งเช้า
ท่านก็คิดอยากจะเผยแผ่สิ่งที่ท่านได้เข้าถึง ซึ่งมีอยู่จริงนี้ให้กับผู้มีบุญ ท่านได้ตรวจตราด้วยญาณทัสสนะของพระธรรมกายดูว่า
ใครจะเป็นผู้มีบุญที่จะเข้าถึงพระธรรมกายเช่นเดียวกันกับท่าน แล้วก็เห็นพระภิกษุ ๓ รูป ฆราวาส ๔ ท่าน อยู่ที่วัดบางปลา
ที่จะสามารถเข้าถึงได้
พอออกพรรษา
ท่านก็เดินทางไปที่วัดบางปลา และก็ได้พบกับพระภิกษุและฆราวาสดังกล่าว ก็ได้สอนธรรมะปฏิบัติ
ในที่สุดพระภิกษุทั้ง ๓ รูป และท่านผู้มีบุญ ๔ ท่านนั้น
ก็ได้เข้าถึงพระธรรมกายจริงๆ เหมือนอย่างที่ท่านได้เห็นในญาณทัสสนะ
สถาปนาอนุสรณ์สถานบางปลา #ทำบุญกับหลวงปู่
ดังนั้น อนุสรณ์สถานที่บางปลา จึงเป็นบุญสถานที่สำคัญ
ที่เริ่มต้นเผยแผ่ธรรมะครั้งแรกของพระเดชพระคุณหลวงปู่
ซึ่งเราตั้งใจจะประกอบพิธีปิดแผ่นทองเสาเข็มต้นแรกในวันนี้
ต่อไปในอนาคตจะมีผู้มีบุญจากทั่วโลกเดินทางมาแสวงบุญตามรอยเส้นทางพระผู้ปราบมาร
แล้วเขาก็จะได้มา ณ ที่ตรงนี้ เมื่อมาแล้ว เขาก็จะเกิดแรงบันดาลใจในการประพฤติปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
เหมือนอย่างกับพระผู้มีบุญทั้ง ๓ รูป และฆราวาส ๔ ท่าน แล้วในที่สุดแห่งความเพียร
เขาก็จะได้พบกับพระธรรมกายที่มีอยู่แล้วภายในตัวของทุกๆ คน ทุกชาติ ทุกภาษา
ไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์
ถึงเวลานั้น
การขยายสันติสุขที่แท้จริง และเผยแผ่วิชชาธรรมกายก็จะขยายออกไปได้กว้างไกล
ด้วยการทำสมาธิผ่านเส้นทางสายกลางภายใน เราเป็นผู้สถาปนาก็จะได้รับบุญใหญ่ เพราะบุญที่ทำกับพระเดชพระคุณหลวงปู่
พระต้นวิชชาธรรมกาย ถือว่าเป็นบุญพิเศษอันประเสริฐที่หาได้ยากในโลก ในจักรวาล
เนื่องจากได้ทำกับทักขิไณยบุคคลอันเลิศ ทำถูกเนื้อนาบุญอันประเสริฐ
ถูกพระธรรมกายของพระพุทธเจ้านับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน
ปริมาณแห่งบุญอันมากมายมหาศาลเกินกว่าฟ้าครอบนี้ จะบังเกิดขึ้นกับเรา
เพราะฉะนั้น
ต้องมาเอาบุญนี้กันให้เต็มที่เต็มกำลัง ทำบุญด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข สดชื่น เบิกบาน
ปลื้มในบุญทุกๆ บุญ แล้วก็ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ แรงปัจจัย กำลังความคิด สติปัญญา
พวกพ้องบริวาร ทุกขุมกำลังที่มีอยู่ ทุ่มทำให้เต็มที่ แล้วบุญใหญ่ที่ไม่มีประมาณนี้ก็จะเป็นของเรา
ดังนั้น
ก่อนที่เราจะได้ประกอบพิธีปิดแผ่นทองเสาเข็มต้นแรก เพื่อจะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ
อนุสรณ์สถานมหาวิหารบางปลา ก็ให้ลูกทุกคนรวมใจให้หยุดให้นิ่ง ให้ใจใสใจบริสุทธิ์ ให้นิ่งๆ
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ จนกว่าจะถึงเวลาสว่าง เวลาแห่งบุญใหญ่ที่เราจะได้ปิดแผ่นทองนี้
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
เมื่อกาย
วาจา ใจ ของเราใสสะอาดบริสุทธิ์ เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่กันดีแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ลูกทุกคนนั่งพับเพียบ หลับตา พนมมือขึ้น
ตั้งใจกล่าวคำอธิษฐานจิตปิดแผ่นทองเสาเข็มมหาสุวรรณรัตนอินทขิลกัน
คำอธิษฐานจิตปิดแผ่นทองเสารัตนชาติ
ด้วยบุญกุศล,
ที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ตั้งใจบูชาธรรม, พระเดชพระคุณหลวงปู่,
พระมงคลเทพมุนี, (สด จนฺทสโร), พระผู้ปราบมาร, ด้วยการปิดแผ่นทอง, เสาเข็มรัตนชาติ, เริ่มต้นสถาปนา, มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี, ณ อนุสรณ์สถานบางปลา,
ที่เผยแผ่ธรรมครั้งแรก, ของพระเดชพระคุณหลวงปู่,
ผู้มีมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่, มุ่งปราบมารประหารกิเลส,
ให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ, ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม,
ขออานิสงส์แห่งบุญนี้,
จงดลบันดาลให้, ข้าพเจ้าทั้งหลาย,
บริสุทธิ์กาย วาจา ใจ, ให้เข้าถึงพระธรรมกาย, ได้ถึงพร้อมด้วย, โลกียทรัพย์, และอริยทรัพย์, ให้ประสบแต่สิ่งที่ดี, มีสิริมงคล, สัมฤทธิผล,
ในสิ่งที่พึงปรารถนา, ให้มีมหาสมบัติอัศจรรย์, ทันใช้สร้างบารมี,
ในปัจจุบันชาตินี้, เมื่อยังต้องเวียนว่ายตายเกิด, ถือกำเนิดมาเป็นมนุษย์, ให้ได้เพศบริสุทธิ์, บังเกิดในตระกูลสัมมาทิฏฐิ, ในร่มเงาพระพุทธศาสนา,
วิชชาธรรมกาย,
ให้ถึงพร้อมด้วย,
ที่สุดแห่งรูปสมบัติ, ที่สุดแห่งทรัพย์สมบัติ, ที่สุดแห่งคุณสมบัติ, ที่สุดแห่งลาภ ยศ สรรเสริญ
สุข, และได้บรรลุมรรคผลนิพพาน,
ให้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย, ตั้งแต่ยังเยาว์วัย, สามารถระลึกชาติได้, ให้ได้สร้างความดี, ตราบชีวีหมดสิ้นอายุขัย, ครั้นละโลกไป, ให้ได้ไปดุสิตบุรี, ในวงบุญพิเศษ, เขตบรมโพธิสัตว์, ผู้มุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรม,
ให้ได้บรรลุธรรม,
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, และพระเดชพระคุณหลวงปู่, พระมงคลเทพมุนี, (สด จนฺทสโร), พระผู้ปราบมาร, ให้ความปรารถนาทั้งมวล, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, จงเป็นผลสำเร็จ, จงเป็นผลสำเร็จ, จงเป็นผลสำเร็จ, ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมกาย, ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า,
ทุกๆ พระองค์, จงทุกประการเทอญ, นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565