ปริญญา DOU
วันอาทิตย์ ที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ (๑๕.๐๐ - ๑๖.๐๐ น.)
ห้องแก้วสารพัดนึก วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย
ตั้งใจนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบาๆ
พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกสบาย
ใช้เวลาตรงนี้สัก ๒-๓ นาที
ในการปรับความพร้อมที่เราจะรวมใจหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เข้าไปสู่ภายใน
ให้ทุกส่วนของร่างกายของเราผ่อนคลายอย่างสบายๆ
ปรับใจ
ทำใจใสๆ ใจเย็นๆ ใจไม่เกาะ ไม่เกี่ยว ไม่เหนี่ยว ไม่รั้ง
เรื่องอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน สัตว์
สิ่งของ หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้ ให้ใจของเรา เกลี้ยงจริง ๆ
ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ เตรียมความพร้อมสำหรับหยุดใจ
หายใจเข้ายาวๆ ลึกๆ ถึง ฐานที่ ๗ ถึงกลางท้อง แล้วหายใจออก
เก็บกวาดเรื่องราวที่รกรุงรังของใจให้ออกไปให้ หมดสิ้น เหลือแต่ใจที่เกลี้ยงๆ
จริงๆ ปรับให้สบายๆ จนกระทั่งเรามีความพร้อม
วางใจ
ค่อยๆ หย่อนใจลงไปวางอย่างเบาๆ สบายๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ใน
กลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก เป็นตำแหน่งที่พญามารกันนักกันหนา
ไม่ให้ใจของเราทุกคนหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ เพราะถ้าใจหยุดตรง นี้ได้เมื่อไร ก็จะหลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร
พญามารจึงพยายามดึงใจของเราออกไปติดกับโลกภายนอก
โดยเอาเครื่องกั้นจิต คือ นิวรณ์ทั้ง ๕ ตั้งแต่ กามฉันทะ พยาบาท ความฟุ้ง เป็นต้น
เข้ามาดึงใจของเราให้หลุดจากศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จนใจของเรามืด หลับตาก็มืด
แล้วก็เอาความทุกข์ทรมานของชีวิตมาใส่
เพราะฉะนั้น วิธีการแก้ คือ หยุดใจนิ่งๆ เฉยๆ อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าทุกพระองค์เลย ไม่มีเว้นเลยแม้แต่พระองค์เดียว นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน
ที่ผ่านมาแล้วในอดีต องค์ปัจจุบัน รวมทั้งที่จะมีต่อไปในอนาคต ใจของท่านจะอยู่
ตำแหน่งเดียวกันคือศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
อานิสงส์ของใจที่หยุดนิ่ง
เมื่อใจหยุดนิ่งแล้ว หยุดได้สนิทก็จะทำลายอุปสรรคของชีวิตในทุก
ๆ ด้าน เช่น หลุดพ้นจากความมืดในใจ ใจก็จะสว่างโพรง หลุดพ้นจากการไม่เห็นแจ้ง
ก็จะเกิดการเห็นแจ้ง โดยมองผ่านแสงสว่างภายในไป ความรู้แจ้งเกิดขึ้น
ก็จะหลุดพ้นจากความไม่รู้ทั้งหลาย จะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน
เพราะความสุขจะเข้ามาแทนที่ จะหลุดพ้นจากความไม่บริสุทธิ์ หรือมลทินของใจ
เพราะความบริสุทธิ์ก็จะเข้ามาแทนที่
ทุกพระองค์ก็หยุดนิ่งอย่างนี้
จนใจตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน แล้วก็มีดวงธรรม ดวงแรกลอยขึ้นมา
ซึ่งเป็นประดุจต้นทางไปสู่อายตนนิพพาน จะเป็นดวงใสๆ เหมือนกับเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว
ไม่มีตำหนิเลย กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
แต่ว่าใสเย็นเหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ
อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันขึ้นไป
ตามกำลังบารมีที่ไม่เท่ากัน
ธรรมดวงแรกปรากฏอยู่เรียกว่า ปฐมมรรค
หรือ ดวงธัมมานุปัสสนา
สติปัฏฐาน จะเป็นดวงใส
สว่าง นำทุกสิ่งที่เราขาดแคลนมาให้ ใจจะนิ่งเข้าไปเรื่อย ๆ หยุดนิ่งอย่างเดียวดิ่งเข้าไปสู่ภายใน
ทุกพระองค์ก็ทำอย่างนี้ แล้วก็เห็นธรรมในธรรม เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา
เห็นจิตในจิต ซ้อนๆ กันอยู่ภายใน ที่บริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเข้าไปถึงกายองค์พระ
คือ บริสุทธิ์ในระดับที่เป็นพระได้ เป็นพระธรรมกาย
เกตุดอกบัวตูมใสบริสุทธิ์เป็นชั้นๆ เข้าไปเรื่อย
สภาวะของใจเราก็จะบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นตามสภาวธรรมที่เกิดขึ้น
ด้วยการหยุดการนิ่งอย่างเดียวเป็นชั้นๆ เข้าไปอย่างนี้
นี่คือวัตถุประสงค์ของชีวิตที่เกิดมา เกิดมาถ้ายังไม่เจออย่างนี้ ก็ต้องเกิดกันบ่อยๆ
ซ้ำๆ
การเกิดนำมาซึ่งความแก่ ความเจ็บ ความตาย
ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ประสบสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ปรารถนาสิ่งใดก็ไม่ได้สิ่งนั้น
เป็นต้น ทำให้ใจเป็นทุกข์ แต่วันใดที่ใจหยุดนิ่งจนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกายภายใน
สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็จะถูกทำลายออกไปหมด อุปสรรคของชีวิตก็ทำลายไปหมด
สามารถอยู่ตามลำพังได้อย่างเป็นสุข เพราะมีธรรมเป็นเครื่องอยู่เป็นสุข คือ ตั้งแต่ธรรมดวงแรกเป็นดวงใสๆ
จนกระทั่งถึงพระธรรมกายใสๆ อยู่ตรงไหนของโลก หรือจักรวาลใดก็ตามก็อยู่เป็นสุข
เพราะใจสงบเย็นนิ่งอยู่ภายใน
วิชชาเกิด
นอกจากนี้ยังทำให้เราได้เข้าถึงวิชชาด้วย วิชชา
จรณะ อภิญญาต่าง ๆ
เกิดขึ้นเมื่อความบริสุทธิ์ของจิตมีมากเพิ่มขึ้นจากการกลั่นจิตกลั่นใจด้วยหยุดกับนิ่ง
ความบริสุทธิ์จะทำให้เราเข้าถึงวิชชาต่าง ๆ
บุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ การระลึกชาติหนหลังได้
จุตูปปาตญาณ คือ การเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
ภพภูมิต่าง ๆ การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
และการทำกิเลสอาสวะให้สิ้น เห็นกิเลสที่พญามารเอามาใส่เอาไว้ จะเห็นว่า ความโลภเป็นอย่างไร
ความโกรธเป็นอย่างไร ความหลงเป็นอย่างไร มาห่อหุ้มกันอย่างไร
ถึงผ่านมาถึงจิตใจและขยายออกมาภายนอก ก็จะกลั่นสิ่งเหล่านั้นไป
กิเลสนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดแต่เกิดมานาน
พญามารเอามาใส่ไว้เหมือนของที่หมักดองเอาไว้ ดองเปรี้ยว ดองหวาน ดองเค็ม เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล่มสลายด้วยใจที่หยุดนิ่งอย่างเดียว
เพราะฉะนั้นหยุดจึงเป็นตัวสำเร็จ ดังที่พระเดชพระคุณหลวงปู่พระ
ผู้ปราบมารได้กล่าวเอาไว้
กลั่นใจใส ก่อนรับปริญญา DOU
วันนี้เป็นวันดีมีสิริมงคล วันที่ลูกๆ
ผู้มีบุญทั้งหลายได้มารวมประชุมกันตั้งแต่เช้า มาตักบาตรถวายกำลังแห่งการตรัสรู้ธรรมแด่พุทธบุตรสายโลหิตแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาสวดมนต์ไหว้พระ เจริญสมาธิภาวนา มาบูชาข้าวพระ ได้ให้กำลังใจซึ่งกันและกันจากการไปทำหน้าที่ของกัลยาณมิตร
บุญทั้งหมดก็ได้เกิดขึ้นอยู่ภายในเป็นดวงใสๆ
ติดอยู่ในกลางกายของลูกๆ ทุกๆ คน เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
ให้ลูกนึกถึงบุญตรงนี้เอาไว้ให้ดี ให้ใจใสๆ
ให้ใจเป็นสุข สงบ และเย็น เย็นกาย เย็นใจ ให้ใจใสๆ
อีกทั้งลูกผู้มีบุญที่ให้โอกาสตัวเองมาศึกษาเรียนรู้ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผ่านมหาวิทยาลัยธรรมกายแคลิฟอร์เนีย หรือ DOU
จนกระทั่งจบปริญญาบัตร เป็นบัณฑิตเป็นมหาบัณฑิต
วันนี้ได้มีการประสาทปริญญา ก่อนที่จะถึง ณ
ช่วงสว่าง ให้ลูกบัณฑิตใหม่ผู้มีบุญทุกท่าน หยุดใจให้นิ่งๆ นุ่มๆ ในกลางกายฐานที่
๗ ให้ใจเราใส ใจเราเยือกเย็น
จึงจะเหมาะสมที่รับปริญญาบัตรในวันนี้ที่เรามีวิริยะอุตสาหะ
ทุ่มเทชีวิตจิตใจจนประสบความสำเร็จมาถึงวันนี้
ปริญญา DOU แตกต่างจากปริญญาทั่วไป
การรับปริญญาบัตรของบัณฑิตใหม่ DOU จะแตกต่างจากชาวโลกทั่ว ๆ ไป
ต่างจากบัณฑิตมหาวิทยาลัยทางโลกหรือที่ไหน ๆ เพราะเราเรียนอย่างมีเป้าหมายของชีวิต
เรียนเพื่อการดับทุกข์ หลุดพ้น
เรียนเพื่อจะรักษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและวิชชาธรรมกายซึ่งเป็นของศักดิ์สิทธิ์
สูงส่ง และบริสุทธิ์ ให้วิชชานี้คงอยู่ และขยายต่อ ๆ
ไปให้กับผู้มีบุญที่จะมาในภายหลัง
ด้วยเหตุนี้การที่จะรับปริญญาบัตรในวันนี้
จึงแตกต่างจากทั่ว ๆ ไปที่เรียนแล้วก็ยังข้องอยู่ในโลก ยังติดอยู่ในโลก ในภพภูมิ ติดแบบผู้ไม่รู้ทั้งหลาย
ที่เวียนว่ายตายเกิดแบบผู้ไม่รู้ ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับชีวิตในสังสารวัฏ
ลูก DOU
ทุกคนกำลังจะเป็นแสงสว่างให้กับทุกๆ คนในโลก
นอกเหนือจากตัวของเราเอง จากการทุ่มเทชีวิตจิตใจของเรา
ด้วยวิริยะอุตสาหะจนประสบความสำเร็จกันในวันนี้
เพราะฉะนั้น การรับปริญญาบัตรจึงแตกต่างจากทั่วไป
จะอยู่ในสายตาของท่านผู้รู้ทั้งหลาย ของผู้ที่มีตาทิพย์ หูทิพย์ มีรู้ มีญาณ
ทั้งมนุษย์ ทั้งเทวดา ทั้งผู้ที่มีกายหยาบ มีกายละเอียด
มีกายกึ่งหยาบกึ่งละเอียดในทุกหนทุกแห่งซึ่งเล็งแลดูเราอยู่ด้วยความชื่นชมอนุโมทนาสาธุการ
เมื่อเราอยู่ในสายตาของท่านผู้รู้อย่างนั้น
ลูกบัณฑิตใหม่จะต้องกลั่นจิตกลั่นใจของเราให้ใสให้บริสุทธิ์
ด้วยการหยุดนิ่งไปเรื่อย ๆ
ปริญญาบัตร ดูภายนอกก็เหมือนกระดาษทั่ว ๆ
ไปที่เขารับปริญญาบัตรกัน แต่ว่าถ้าน้อมตกเข้าไปสู่ภายใน ในกลางกายผ่านฐานที่ ๗
มันจะเป็นดวงบุญ ดวงบารมีใสๆ เป็นปัญญาบารมีที่จะเกิดขึ้นติดไปหมดทุก ๆ กาย
เพราะฉะนั้น ลูกก็ต้องกลั่นจิต
กลั่นใจของเราให้ใส ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญดังกล่าว
แล้วก็รองรับปริญญาบัตรเอาไว้ให้ดี
เวลาที่เหลืออยู่นี้ให้ต่างคนต่างนั่งกลั่นจิตกลั่นใจ ให้บริสุทธิ์กันไปเงียบๆนะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565