วันวิสาขบูชา
วันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๕๕๔ (๐๙.๐๐ -
๑๑.๐๐ น.)
งานบุญวันวิสาขบูชา ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย –ปรับใจ
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุก
ๆ คน
ให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย
มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย
ๆ
หลับตาของเราเบา ๆ
ค่อนลูก พอสบาย ๆ หลับตาเบา ๆ ปรือ ๆ
ตานิดหน่อย ไม่ถึงกับเปลือกตาปิดสนิท
แล้วก็ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี
ปรับท่านั่งให้ถูกส่วน ผ่อนคลายทั้งเนื้อทั้งตัว
ตั้งแต่กล้ามเนื้อบนใบหน้า ศีรษะ ลำคอ บ่า ไหล่ แขนทั้งสอง ถึงปลายนิ้วมือ ให้ผ่อนคลาย
กล้ามเนื้อบริเวณลำตัว ขาทั้งสองถึงปลายนิ้วเท้าให้ผ่อนคลาย
แล้วก็ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น
ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม คน
สัตว์ สิ่งของ ธุรกิจการงาน บ้านช่อง การศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้
วางใจ
ให้ปลด ปล่อย วาง
คลายความผูกพัน รวมใจกลับเข้าไปสู่ภายใน
ไปหยุดนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ใจที่ประกอบไปด้วย เห็น จำ คิด รู้ กระจัดกระจายไปในที่ต่าง ๆ
คิดไปในเรื่องราวต่าง ๆ นำกลับมาหยุดนิ่ง
ๆ นุ่ม ๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างเบา ๆ สบาย ๆ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อยู่ในกลางท้องของเรา
ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
โดยสมมติว่า
เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง จากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง
จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง ให้เส้นด้ายทั้ง ๒ ตัดกันเป็นกากบาท
จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม เหนือจุดตัดนี้ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
เรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ฐานที่ ๗ ตำแหน่งที่สำคัญที่สุด
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ เป็นตำแหน่งที่สำคัญ เป็นที่หยุดใจของเรา
ในตำแหน่งเดียวกับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน
ไม่มีเว้นเลยแม้แต่พระองค์เดียว
เมื่อท่านทิ้งทุกอย่างปล่อยวางทุกสิ่ง
ใจท่านก็จะมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อยู่ในกลางท้องของเราในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ ใจท่านนิ่งอยู่อย่างนี้ หยุดนิ่งอย่างเดียว ไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
เส้นทางพระนิพพาน
แล้วใจของท่านตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน
มีดวงธรรมลอยขึ้นมา เป็นดวงใส ๆ
เหมือนเพชรที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว
สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แต่ว่าใสเย็นไม่แสบตา ไม่จ้าตา ท่านเรียกว่า ดวงปฐมมรรค
หรือ ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน มาพร้อมกับความสุข ความบริสุทธิ์ ความสว่าง
ใจท่านก็นิ่งอย่างเดียวเรื่อยไป
นิ่งในกลางดวงปฐมมรรค กระทั่งผ่านเส้นทางสายกลางภายใน
เป็นแนวดิ่งลงไป เข้าถึงดวงธรรมต่าง ๆ เช่น ดวงศีล สมาธิ ปัญญา ดวงวิมุตติ
และก็ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ แล้วก็เข้าถึงกายในกาย จนกระทั่งบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อท่านบรรลุแล้ว ก็ทรงนำมาถ่ายทอดแด่พระสาวกทั้งหลาย
เมื่อทำตามคำสอนของพระองค์แล้ว ก็ได้บรรลุมรรคผลนิพพานตามพระองค์ไปด้วย
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ตรงนี้ จึงเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
มาพบพระพุทธศาสนา
ตำแหน่งนี้สำคัญกว่าทุกตำแหน่ง เราจะต้องนำใจกลับมาหยุดนิ่ง
ๆ นุ่ม ๆ อยู่ที่ตรงนี้ จึงจะเรียกว่า
เดินตามรอยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บริกรรมนิมิต-บริกรรมภาวนา
ให้ลูกเอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้
กำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมาในใจ จะเป็นดวงใส
ๆ หรือ องค์พระแก้วใส ๆ เป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ ให้ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดอยู่ในกลางดวงใส ๆ
หรือตรึกนึกถึงองค์พระใส ๆ ใจหยุดอยู่ในกลางองค์พระใส ๆ
พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่ง ด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบา ๆ ว่า สัมมาอะระหัง ๆๆ
ทุกครั้งที่เราภาวนา
“สัมมาอะระหัง” จะต้องไม่ลืมตรึกนึกถึงดวงใสหรือองค์พระใส ๆ ควบคู่กันไปนะ อย่าให้เผลอไปคิดเรื่องอื่น จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง
พอใจหยุดนิ่งถูกส่วน จะตกศูนย์เข้าไปสู่ภายในแล้วก็เห็นไปตามลำดับ เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระอรหันตสาวกที่ท่านได้เห็น ได้เข้าถึง ตามกำลังแห่งบุญบารมีของแต่ละคน
วันวิสาขบูชา
วันนี้เป็นวันดี
เป็นวันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราคุ้นเคยกับ คำว่า วันวิสาขบูชา คือ วันประสูติ
ตรัสรู้ ปรินิพพาน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้ เป็นวันเดียวกัน
เราต้องทำใจให้ใส
ๆ นึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้ทั้งวันเป็นอารมณ์ เรียกว่า เจริญพุทธานุสติ
เราได้ศึกษามาพอสมควร
ในแง่ทางด้านปริยัติ ทางด้านทฤษฏี แต่ในแง่ของการปฏิบัติแล้ว มีสิ่งที่ลึกซึ้งแล้วก็น่าอัศจรรย์
ที่การประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้
วันประสูติ
ถ้าในแง่การปฏิบัติ
แต่เดิมท่านเป็นกายละเอียด เป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต เทวดาหมื่นโลกธาตุได้กราบอาราธนา
ให้ท่านมาบังเกิดขึ้นเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พอถึงวาระที่บุญบารมีของพระองค์เต็มเปี่ยมแล้ว ท่านก็ตรวจตราดูปัญจมหาวิโลกนะ
ซึ่งเราก็ได้ทราบกันดีอยู่แล้ว
ได้เคลื่อนเข้าสู่ครรภ์ของพุทธบิดาที่ปากช่องจมูก
แล้วก็เคลื่อนไปตามฐานต่าง ๆ ที่หัวตา กลางกั๊กศีรษะ เพดานปาก
ปากช่องคอเหนือลูกกระเดือก ไปที่ฐานที่ ๖ ระดับเดียวกับสะดือ แล้วก็ไปตั้งอยู่ที่ฐานที่
๗ ของพุทธบิดา เพื่อดึงดูดให้ไปหาพุทธมารดา จะได้ประกอบธาตุธรรมส่วนหยาบ
ห่อหุ้มกายละเอียดเอาไว้
การที่จะบังเกิดเป็นกายมนุษย์หยาบนั้น ใจของทั้ง ๓ คือ พุทธบิดา พุทธมารดา
และบรมโพธิสัตว์ จะต้องหยุดเป็นจุดเดียวกัน ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของทั้งพุทธบิดา
พุทธมารดา จึงจะบังเกิดขึ้นมาได้ แล้วก็ห่อหุ้มด้วยธาตุธรรมส่วนหยาบ
ก่อเกิดเป็นกายของเจ้าชายสิทธัตถะ
เพราะฉะนั้นการบังเกิดขึ้นของพระองค์ในด้านการปฏิบัติ
ก็บังเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
วันตรัสรู้
เมื่อวันตรัสรู้ที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ใจของท่านก็มาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จนกระทั่งได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
วันปรินิพพาน
เมื่อถึงวันสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพของพระองค์
จะดับขันธปรินิพพาน ใจท่านก็ติดอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ตั้งแต่วันตรัสรู้ธรรมเรื่อยมา ในกลางกายธรรมอรหัตตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อดับขันธ์ต่างๆ
ทุกๆ ขันธ์หมดแล้ว ใจของท่านก็ตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน กายธรรมอรหัตตสัมมาสัมพุทธเจ้าตกศูนย์
แล้วก็ดับขันธปรินิพพาน ไปบังเกิดในอายตนนิพพาน
เพราะฉะนั้น ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ นี้ในแง่ของการปฏิบัติ จะตรงกันในตำแหน่งเดียว ทั้งประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน
การเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตลอดพระชนม์ชีพ
ตั้งแต่ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกหัวข้อธรรมที่เทศนาสั่งสอนผู้มีบุญทั้งมนุษย์
เทวดา พรหม หรือสรรพสัตว์ทั้งหลาย มีมากมายถึง
๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ จะเริ่มต้นอย่างไรก็แล้วแต่ ตอนสุดท้ายจะต้องมาลงอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ตรงนี้ เพราะการบรรลุมรรคผลนิพพานนั้นมีอยู่ที่เดียว คือ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
เพราะฉะนั้น หัวข้อธรรมต่าง
ๆ ที่บังเกิดขึ้น ก็เป็นไปเพื่อนำสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ตามกำลังแห่งบารมี
อย่างต่ำก็เป็นกัลยาณชน เป็นคนดีที่โลกต้องการ มีศีล ๕
เป็นปกติ มีศีล ๘ ในทุกวันพระ แล้วก็สั่งสมบุญบารมี ทั้งทาน ศีล ภาวนา เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีของเพื่อนมนุษย์
ถัดมาก็เป็นฌานลาภีบุคคล ได้เข้าถึงรูปฌาน และอรูปฌาน มีใจตั้งมั่นอยู่ภายใน
สูงกว่านั้นก็เป็น โคตรภูบุคคล คืออยู่ครึ่งทางระหว่างความเป็นปุถุชนและความเป็นพระอริยเจ้า
คือ เลยความเป็นปุถุชน แต่ยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า โดยมีพระรัตนตรัยที่บังเกิดขึ้นภายใน
เห็นชัดใสแจ่มอยู่ตลอดเวลา ทั้งหลับตา ลืมตา นั่ง นอน ยืน เดิน
ได้เห็นธรรมกายโคตรภู หน้าตักหย่อนกว่า ๕ วานิดหน่อย ชัด ใส แจ่ม
กระจ่างอยู่ตลอดเวลา
ขั้นถัดไปก็เป็น พระโสดาบัน บ้าง พระสกทาคามีบุคคลบ้าง พระอนาคามีบุคคล แล้วก็เป็นพระอรหันต์ บรรลุอรหัตตผล
คำสอนของพระองค์
ทำให้ผู้ที่มีบุญปฏิบัติตามคำสอน ล้วนเกิดประโยชน์ทั้งประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์ในอนาคต
แล้วก็ประโยชน์อย่างยิ่ง คือ ดับทุกข์ได้ ขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้
วันนี้เป็นวันดี
วันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราคุ้นเคยว่า วิสาขบูชา ลูกทุกคนจงเป็นชาวพุทธที่หนักแน่นอยู่ในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในวัฒนธรรมของชาวพุทธ จะต้องมาระลึกนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ให้ได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน
ในช่วงเช้านี้ให้นึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า อยู่ที่กลางกายฐานที่ ๗ ดังกล่าว
เริ่มจากดวงใส ๆ
องค์พระใส ๆ ก็ได้ เพื่อที่จะชำระกาย วาจา ใจ ของเราให้ใส สะอาด บริสุทธิ์
จะได้เหมาะสมที่จะรองรับบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำทาน รักษาศีล
หรือเจริญภาวนา เป็นต้น อานิสงส์นี้จะยิ่งใหญ่ไพศาล ทำน้อยก็ได้บุญมาก ทำมากก็ได้บุญมากยิ่งขึ้นไปตามลำดับ
เพราะฉะนั้น เวลาที่เหลืออยู่นี้
ก่อนที่เราจะได้สร้างมหาทานบารมี ให้ลูกทุกคนประคองใจให้หยุดนิ่ง ให้ใจหยุด ใจนิ่ง
ให้ใจใส ๆ ดังที่ได้แนะนำมา ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบ ๆ นะจ๊ะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565