หาพระในตัวให้เจอ
วันอาทิตย์ที่ ๑๙
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ (๑๓.๓๐
- ๑๕.๓๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์
\
พิธีจุดเทียนชัยไฟนิรันดร์อนันตชัย ณ ห้องแก้วสารพัดนึก
ปรับกาย-ปรับใจ
เมื่อเราได้จุดเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัย บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ลูกทุกคนนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะจ้ะ
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกสบาย
ขยับเนื้อขยับตัวของเรา ปรับท่านั่งให้ถูกส่วน ให้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ เลือดลมในตัวจะได้เดินได้สะดวก
จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย
ต้องสบาย ต้องผ่อนคลาย ต้องใจใสๆ ใจเย็นๆ ให้ทิ้งทุกอย่างปล่อยวางทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ให้คลายความผูกพัน ทำใจให้เกลี้ยงๆ
ให้ใสๆ
วางใจ
แล้วก็รวมใจกลับเข้าไปสู่ภายในไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ให้ใจไปหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ทำใจใสๆ ใจเย็นๆ
ต้องหาที่พึ่งให้เจอ
พรรษานี้เป็นพรรษาแห่งการเข้าถึงธรรมของตัวเรา
เราจะต้องหาที่พึ่งให้กับตัวเราให้ได้ ในช่วงที่ร่างกายของเรายังแข็งแรงอยู่
เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับชีวิตของเราที่จะต้องหาที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงให้กับตัวของเราให้ได้
เพราะความตายไม่มีนิมิตหมาย เมื่อถึงช่วงเวลานั้น เราต้องเป็นที่พึ่งให้กับตัวของเราเองเท่านั้น
คนอื่นได้แต่เอาใจช่วยเรา รักและปรารถนาดีต่อเรา
แต่เขาก็ช่วยเราได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เราจะต้องพึ่งตัวของเราเองให้ได้ ในช่วงศึกชิงภพ
เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนจะต้องเจอไม่วันใดวันหนึ่ง
พรรษานี้ฤดูกาลกำลังเหมาะสม ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่อ้าวเกินไป ร่างกายยังพอมีเรี่ยวมีแรง
สถานการณ์บ้านเมืองหรือโลกก็ยังพอไปได้ เพราะฉะนั้นต้องรีบชิงช่วงเวลาที่ดีนี้แสวงหาที่พึ่งที่แท้จริง
ซึ่งอยู่ภายในตัวของเราให้ได้ ก่อนที่มัจจุมารจะช่วงชิงเราจากโลกนี้ไป
นอกจากนี้การเข้าถึงที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง ซึ่งอยู่ในตัวของเรา ยังทำให้มีสุขในปัจจุบัน
ดับทุกข์ได้ และมีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจในทุกสถานที่และทุกสถานการณ์ ไม่ว่าสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม
แต่เราก็จะมีแต่ความปีติสุขหล่อเลี้ยงใจของเรา
พระรัตนตรัยภายใน ที่พึ่งที่แท้จริง
ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงที่อยู่ภายในตัวของเรา คือ พระรัตนตรัยภายใน
มีพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ
พุทธรัตนะ คือ พระธรรมกายแก้วใส
รัตนะ แปลว่า แก้ว เป็นแก้วใส เป็นกายของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ เกตุดอกบัวตูม ใสเกินความใสใดๆ ในโลก
ใสเหมือนน้ำใสๆ หรือ กระจกคันฉ่องที่ส่องเงาหน้าใสๆ หรือ เหมือนเพชรใสๆ
ความจริงแล้วท่านใสเกินความใสใดๆ ในโลก อยู่ในอิริยาบถของสมาธิ
สงบนิ่งอยู่ในกลางกายของเรา หน้าตักเท่ากับความสูง
พระพุทธรัตนะ ประกอบไปด้วยธรรมล้วนๆ
ก้อนกายนี้จึงเรียกว่า ธรรมกาย
มีธรรมจักขุ คือ มีการเห็นได้รอบตัวทุกทิศทุกทางในเวลาเดียวกัน เห็นทั้งอดีต
ปัจจุบัน และอนาคต มีญาณทัสสนะเป็นเครื่องรู้ เห็นถึงไหน ก็รู้แจ้งถึงนั่น
ธรรมรัตนะ อยู่ในกลางกายของพุทธรัตนะ
มีลักษณะเป็นดวงกลมๆ เหมือนดวงแก้ว แต่สิ่งที่อยู่ภายใน คือ
ข้อมูลหรือความรู้เรื่องราวความเป็นจริงของสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย ความเป็นจริงที่แท้จริง
หรือสัจธรรมทั้งปวงอยู่ในกลางธรรมรัตนะ
ในกลางธรรมรัตนะมี สังฆรัตนะ หรือธรรมกายละเอียด เป็นองค์พระธรรมกายละเอียด
รักษาธรรมรัตนะเอาไว้
สามอย่างนี้อยู่ด้วยกัน แต่เรียกกันคนละชื่อ เพราะภารกิจกันคนละอย่าง นี่คือสรณะที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของเรา
และของสรรพสัตว์ทั้งหลาย สิงสถิตอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา มีมาดั้งเดิมยาวนานอยู่ในตัวของเราและในตัวของทุกๆ
คนในโลก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบรรลุก่อน เข้าถึงก่อน นำมาถ่ายทอด มาสั่งสอน
ให้ผู้มีบุญทั้งหลายได้บรรลุตาม จึงได้ชื่อว่าเป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
วิธีเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน
การเข้าถึงสรณะที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
มีวิธีเดียวเท่านั้น แต่เป็นวิธีง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ต้องผ่อนคลาย ต้องใจเย็นๆ คือ
จะต้องนำใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้ใจมาหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ
อยู่ที่ตรงนี้ให้ได้ตลอดเวลา
ปกติใจจะถูกนิวรณ์ทั้ง ๕ บดบังเอาไว้ ทำให้ใจของเราไม่หยุดไม่นิ่ง
ไม่มีความสว่างภายใน จึงไม่เห็นสรณะที่แท้จริง พญามารเอาอวิชชาความไม่รู้
ธาตุที่เป็นบาปศักดิ์สิทธิ์ ตรึงไปติดในสิ่งที่ไม่ใช่สรณะซึ่งอยู่ภายนอก
ในยามที่มนุษย์มีความทุกข์ก็ต้องการที่พึ่ง
แต่เนื่องจากไม่รู้จักที่พึ่งที่แท้จริงซึ่งอยู่ภายในตัว
เพราะพญามารบดบังเอาไว้ด้วยนิวรณ์ทั้ง ๕ และตรึงให้ไขว้เขว เข้าใจว่าที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงอยู่ภายนอก
เช่น อยู่ตามต้นไม้บ้าง
ใครมีทุกข์ก็ไปจุดธูปขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้ช่วย
ที่ภูเขาบ้าง อารามศักดิ์สิทธิ์ ศาลต่างๆ เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริง
เพราะฉะนั้นจึงดับทุกข์ไม่ได้
ที่พึ่งที่แท้จริงอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ดังนั้นจะต้องเอาใจกลับเข้ามาสู่ภายในให้หยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ให้ได้ตลอดเวลา
ทั้งหลับตาลืมตาให้ได้ทุกอิริยาบถ ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน เป็นต้น นิ่งอย่างเดียว
ไม่ต้องทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ใจตกศูนย์ เข้าถึงดวงธรรม
เมื่อเราทำถูกวิธี ทำถูกต้อง ใจก็จะถูกปรุงให้ถูกส่วน
ก็จะตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน เหมือนตกจากที่สูง เหมือนตกหลุมอากาศบ้าง
เหมือนเรานั่งรถเร็วๆ ลงจากสะพานบ้าง คือมันวูบลงไป
แล้วจะมีธรรมดวงแรกปรากฏเกิดขึ้น ลอยขึ้นมาเป็นดวงใสๆ ที่เรียกว่า ดวงปฐมมรรค หรือ ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นปากประตูของพระนิพพาน
เป็นต้นทางสายกลางในเส้นทางที่ดำเนินไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้า
หรือห่างไกลจากข้าศึก คือ กิเลสทั้งหลาย ห่างไกลจากความทุกข์ทรมานของชีวิต เป็นเส้นทางที่พระอริยเจ้าใช้เดินทางภายในไปสู่อายตนนิพพาน
เป็นเส้นทางสายกลางที่เป็นแนวดิ่งลงไปจากกลางกาย
กลางดวงธรรมดวงแรกดวงเล็กๆ ใสๆ จะมีจุดสว่างอยู่ในกลางดวงนั้น ตรงกลางจุดสว่างเป็นทางสายกลางที่ดิ่งลงไปสู่ปลายทาง
คือ อายตนนิพพาน ด้วยวิธีการหยุดใจนิ่งอย่างเดียว อย่างสบายๆ
ไปที่กลางดวงธรรมดวงนั้น
ธรรมดวงนั้น มาพร้อมกับความสุข ความบริสุทธิ์ ความใส
ความสว่างปรากฏเกิดขึ้น ทั้งชัดใสสว่าง ความสุข ความบริสุทธิ์จะมาพร้อมๆ กัน
เข้าถึงพระธรรมกาย
เมื่อใจของเราหยุดนิ่งได้ถูกส่วน กลางดวงธรรมนั้น ใจก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายในเป็นแนวดิ่งเรื่อยไปเลย
ผ่านทุกสิ่งที่ผุดผ่านมาในกลางนั้น จนกระทั่งเข้าถึงกายธรรมภายใน
พระธรรมกายใสบริสุทธิ์ภายใน ใสเกินความใสใดๆ ในโลก
สว่างเกินความสว่างใดๆ ทั้งสิ้น คือ สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
แต่ว่าใสเย็นสบาย ใจเบิกบาน แช่มชื่นสะอาด เกลี้ยงๆ
เป็นกายที่สวยงามมาก งามกว่ามนุษย์ งามกว่าเทวดา งามกว่าพรหม
หรืออรูปพรหมทั้งหลาย ใสบริสุทธิ์ เป็นลักษณะกายสากลที่เหมือนกันทุกคนในโลก
ไม่ว่าภายนอกจะมีความแตกต่างของเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ใดๆ ก็ตาม
พระธรรมกายภายในจะเหมือนกัน เหมือนพิมพ์เดียวกัน บล็อกเดียวกัน
พระธรรมกาย ตัวตนที่แท้จริง
พระธรรมกายภายใน ตัวตนที่แท้จริง ที่พ้นจากสภาวะ
ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา คือ หลุดพ้นจากสภาวะทั้ง ๓
สภาวะกายที่เปลี่ยนแปลงได้ อย่างเช่น กายมนุษย์หยาบ มีแก่ มีเจ็บ
มีตาย กายเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เกิดเรื่อยมา จนกระทั่งเป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น เป็นหนุ่ม
สาว วัยกลางคน กระทั่งถึงวัยชราภาพ เปลี่ยนแปลงตลอด การเปลี่ยนแปลงนี่แหละทำให้เกิดความทุกข์ทรมานของชีวิต
เพราะว่าไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง แต่พระธรรมกายไม่ใช่เช่นนั้น จะคงที่ คือ สวยงาม ใส
บริสุทธิ์ ยิ่งผ่านกาลเวลายิ่งสุกใส ยิ่งสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ความทุกข์ไม่มีในพระธรรมกาย มีแต่สุขล้วนๆ ความทุกข์จะมีในกายอื่น
ที่ชัดเจนคือกายมนุษย์หยาบของเรา ทั้งทุกข์ส่วนตัว ทุกข์ประจำ และทุกข์ที่จรมา
แต่กายธรรมพ้นจากสภาวะอย่างนี้ ไม่มีความทุกข์ มีแต่ความสุข
เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของเรา
พอเราทำใจนิ่งเข้าถึงกายธรรม ทุกข์ก็ดับไป แปรเปลี่ยนเป็นความสุข สดชื่น
เบิกบาน สบายกาย สบายใจ แช่อิ่มอยู่ภายใน
เป็นที่ระลึก คือ เป็นกายที่ควรระลึกนึกถึงให้ได้ตลอดเวลา
เพราะไประลึกถึงสิ่งอื่น เช่น คน สัตว์ สิ่งของ ทรัพย์สินเงินทอง ลาภยศสรรเสริญ
นึกแล้วก็มีแต่ความเพลินกับความเพลีย และเกิดความทุกข์ทรมานของชีวิต
เพราะสิ่งที่นึกนั้นอยู่ในสภาวะที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่คงที่ เมื่อไปนึกถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้
ใจมันก็จะเป็นทุกข์
จึงไม่ใช่ควรระลึกนึกถึง
ชาวพุทธต้องมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
เราเป็นชาวพุทธต้องรู้ว่า ควรจะนึกถึงอะไร
สิ่งที่ควรนึกถึง คือ พระรัตนตรัยที่อยู่ในตัว คือ นำใจมาหยุดนิ่งเฉยๆ
อยู่ในกลางกายท่านก็เป็นสุขแล้ว ได้เห็นท่านทั้งวันทั้งคืนก็เป็นสุขทั้งวันทั้งคืน
ถ้าเห็นท่านทั้งนั่งนอนยืนเดินก็เป็นสุข ทั้งนั่งนอนยืนเดิน อยู่ในบ้านก็เป็นสุข
นอกบ้านก็เป็นสุข อยู่ในทุกหนทุกแห่งก็เป็นสุข
เพราะเราอยู่ในแหล่งกำเนิดของความสุข ซึ่งมีเฉพาะอยู่ในกายธรรมเท่านั้น
แม้วันสุดท้ายของชีวิตในช่วงศึกชิงภพ ชิงปรโลก เมื่อเราฝึกจนคุ้นเคยและชินในที่สุด
พอถึงวันนั้น ใจก็จะแช่อิ่มอยู่ในกลางองค์พระธรรมกาย ใจมีแต่ความสุข
แม้ว่ากายจะถูกโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนก็ตาม แต่ข้างในจะเป็นสุข เป็นหนึ่งเดียวกับพระธรรมกายภายใน
แล้วเราจะเลือกเกิดได้ จะไปเกิดบนสวรรค์ชั้นไหนก็ไปได้ เพราะกำลังบุญ กำลังบารมี กำลังแห่งความบริสุทธิ์ของพระธรรมกายนั้นสามารถส่งออกไปถึงนอกภพได้
การที่เลือกเกิดอยู่ในภพไม่ว่าสวรรค์ชั้นไหน หรือจะเป็นพรหม อรูปพรหม
หรือตรงไหนก็ได้ทั้งสิ้น แม้แต่พระโสดาบันอย่างพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งท่านจะไปอยู่ภพภูมิไหนก็ได้
แต่ท่านเลือกไปอยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เพราะคุ้นเคยก็ไปอยู่ได้
การเข้าถึงกายธรรม จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของเรา
เพราะเป็นที่พึ่งให้เราได้ ทั้งยังมีชีวิตอยู่ ทั้งก่อนใกล้จะตาย
และหลังจากตายแล้ว เป็นที่พึ่งตลอดเวลาเลย เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรค่าต่อการระลึกถึง
และการประกอบความเพียรให้กลั่นกล้าอย่างถูกหลักวิชชา เพื่อให้เข้าถึงให้ได้
เพราะมีอยู่แล้วในตัวของเรา เพราะฉะนั้นเราจะต้องหาที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงให้เจอ
เวลาที่เหลืออยู่ ให้ลูกทุกคนหยุดใจให้นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ใจใสๆ
ใจเย็นๆ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565