พระผู้ปราบมารพยานตรัสรู้ธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ (๑๕.๐๐
น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ ห้องแก้วสารพัดนึก
ปรับกาย ปรับใจ
ตั้งใจนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากัน หลับตาเบาๆ
พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกสบาย ต้องสบาย
ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี ปรับท่านั่งให้ถูกส่วน ให้เลือดลมในตัวเดินได้สะดวก จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย
เราปรับทั้งร่างกายและจิตใจ ใช้เวลาตรงนี้สัก ๒ - ๓ นาที
เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรวมใจกลับเข้าไปสู่ภายใน
เราต้องปรับทุกอย่าง ให้มีความรู้สึกว่า เราผ่อนคลายจริงๆ สบายๆ จริงๆ
ใจของเราเกลี้ยงจริงๆ ใจไม่เกาะ ไม่เกี่ยว ไม่เหนี่ยว ไม่รั้งเรื่องอะไรเลย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ ธุรกิจการงาน บ้านช่อง การศึกษาเล่าเรียน
เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้ ให้เราปลด เราปล่อย เราวางจริงๆ
ใจเกลี้ยงจริงๆ แล้วก็ทำใจให้ใสๆ ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่อนคลาย
ต้องผ่อนคลายนะ
วางใจ
แล้วเราก็ค่อยๆ วางใจของเราเบาๆ
แตะไปตรงกลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ประมาณเอาว่า
บริเวณกลางท้อง ในตำแหน่งที่เรามั่นใจว่า ตรงนี้แหละคือศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ค่อยๆ
วางใจเบาๆ
ถ้าเราหลับตาเป็น คือไม่บีบไม่เน้นเปลือกตา หลับตาเบาๆ
ปรือตานิดๆ หลับตาพริ้มๆ ใจจะรวมลงไปได้ง่าย เพราะมันสบายตั้งแต่ข้างบนลงไปข้างล่าง ใจจะไปแตะเบาๆ
เหมือนขนนกที่ล่องลอยในอากาศ แล้วค่อยๆ หล่นลงไปบนผิวน้ำอย่างนุ่มนวล โดยไม่ทำให้น้ำกระเพื่อม
ใจก็ต้องวางนิ่งๆ เบาๆ สบายๆ
นึกนิมิต
ถ้าเราถนัดในการกำหนดบริกรรมนิมิต เราก็นึกถึงภาพขึ้นมา
เป็นดวงใสๆ เหมือนเพชรใสๆ หรือเหมือนก้อนน้ำแข็งใสๆ กระจกใสๆ ก็ได้ กลมรอบตัว
เอาไว้เป็นที่ยึดที่เกาะของใจเรา
ถ้าเราคุ้นเคยกับองค์พระ
จะนึกภาพองค์พระพุทธรูปก็ได้ หรือหากเราคุ้นเคยกับการนึกถึงภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ในช่วงนี้ใกล้ถึงวันหล่อหลวงปู่
พระผู้ปราบมาร ด้วยทองคำ
เราจะนึกเป็นภาพหลวงปู่ทองคำ นึกถึงท่านเรื่อยๆ บ่อยๆ ไว้ในกลางกายก็ได้
ถนัดอย่างไหนเราก็เอาอย่างนั้น หรือบางท่านไม่อยากนึกนิมิตใดๆ
เลย อยากวางใจนิ่งๆ นุ่มๆ เฉยๆ ก็ได้
บริกรรมภาวนา
พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่งด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ
ว่า สัมมาอะระหังๆๆ ให้เสียงดังออกมาจากในกลางท้องของเราอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป ให้พอดีๆ
ที่เรารู้สึกสบาย บริกรรมภาวนาอย่างสบายๆ
ทุกครั้งที่ภาวนา ก็นึกถึงภาพบริกรรมนิมิตที่เราคุ้นเคย
นึกอย่างง่ายๆ นึกได้แค่ไหนเอาแค่นั้นไปก่อน อย่าไปเร่งรีบ อย่าไปเร่งร้อน ให้ใจเย็นๆ
เพราะวัตถุประสงค์ของเราต้องการเพียงแค่ให้ใจของเราหยุดนิ่ง เพื่อที่จะไปเชื่อมกับศูนย์กลางฐานที่
๗ ให้ได้ วัตถุประสงค์ของเรามีเพียงแค่นี้นะจ๊ะ
เพราะฉะนั้นใครคุ้นเคยแบบไหน เราก็เอาแบบนั้นไปก่อน
ประคองไปเรื่อยๆ อย่างเบาๆ สบายๆ อย่างนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ผ่อนคลายใจใสๆ ใจเย็นๆ
เชื่อมใจกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
เราจะต้องไปเชื่อมกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ในตัวของเราให้ได้
เพราะเป็นตำแหน่งที่สำคัญ เป็นตำแหน่งเดียวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่ท่านหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานของชีวิต
หรือได้บรรลุวิชชา อภิญญาต่างๆ
เหล่านั้น ท่านเริ่มต้นอยู่ที่ตรงนี้ และอยู่ตรงนี้ที่เดียว แต่ละเอียดลุ่มลึกไปเรื่อยๆ
ปรับเปลี่ยนไปสู่สภาวะที่ละเอียดเพิ่มขึ้น บริสุทธิ์เพิ่มขึ้น ด้วยใจที่หยุดนิ่งตรงศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ตรงนี้เท่านั้น
พระผู้ปราบมาร พยานการตรัสรู้ธรรม
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ตรงนี้สำคัญมาก ใครที่เป็นผู้บอกเราว่า ตำแหน่งตรงนี้สำคัญ จึงเป็นบุคคลที่ควรแก่การเคารพสักการบูชา
ผู้ที่บอกคำนี้ให้เราได้ทราบ ทำให้เราดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง
ปฏิบัติธรรมโดยที่ไม่กังวลใจ ก็คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่
พระผู้ปราบมารนี่แหละ เพราะว่าหลังจากพุทธปรินิพพาน ๒,๐๐๐ กว่าปีมาแล้ว ตำแหน่งตรงนี้เลือนหายไปจากความทรงจำของมวลมนุษยชาติ
โดยเฉพาะชาวพุทธ ตำแหน่งที่สำคัญตรงนี้หวนกลับคืนมาใหม่
เมื่อมีการบังเกิดขึ้นของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร พระมงคลเทพมุนี (สด
จนฺทสโร) ที่ท่านสละชีวิตในกลางพรรษาที่ ๑๒ ของการบวชของท่าน จนกระทั่งได้บรรลุธรรมกาย
เป็นพยานแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ตำแหน่งตรงนี้แหละ
วิธีการเข้าถึง ท่านเป็นผู้บอกให้เราได้ทราบว่า “หยุดเป็นตัวสำเร็จ”
ซึ่งเป็นพยานยืนยันคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสกับองคุลิมาลว่า “สมณะหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด” ในตอนที่องคุลิมาลตามไล่ฆ่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพื่อหวังนิ้วพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน
เป็นนิ้วสุดท้ายแห่งการบรรลุวิชาของท่านองคุลิมาล ตามที่ครูบาอาจารย์สั่งมา
คำว่า “สมณะหยุด” ซึ่งแปลกันไปหลากหลาย
จนไม่อาจที่จะนำมาสู่การปฏิบัติได้ แต่มาแจ่มแจ้งและสามารถปฏิบัติอย่างง่ายๆ สบายๆ
ได้เพราะพระเดชพระคุณหลวงปู่
พระผู้ปราบมาร ที่มายืนยันว่า
“หยุดเป็นตัวสำเร็จ” ซึ่งเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เมื่อใจหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ได้
ก็จะไปเชื่อมกับฐานที่ ๗ จนกระทั่งใจเคลื่อนเข้าไปสู่ภายใน ดิ่งลงไป แล้วธรรมดวงแรกก็บังเกิดขึ้นเป็นดวงใสๆ
อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน หรือใหญ่กว่านี้
ตามกำลังบารมีที่ไม่เท่ากัน
กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว ใสบริสุทธิ์เหมือนเพชรที่เจียระไนแล้ว หรือยิ่งกว่านั้น
อย่างน้อยก็เหมือนน้ำใสๆ หรือกระจกใสๆ บังเกิดขึ้น
มาพร้อมกับความสุขความบริสุทธิ์ของใจ กับความรู้แจ้งที่เกิดขึ้นจากการเห็นแจ้ง
เมื่อเห็นธรรมดวงแรก คือดวงปฐมมรรค
หรือดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ไม่ช้าก็เข้าถึงไตรสรณคมน์ ถึงพระธรรมกาย
คือเห็นพระตถาคตเจ้าภายในตัว เป็นพยานยืนยันคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ว่า
“ผู้ใดเห็นธรรม
ผู้นั้นเห็นพระตถาคตเจ้า พระตถาคตเจ้าคือธรรมกาย” พระองค์ทรงยืนยันอย่างนี้ แปลว่าความเป็นพระพุทธเจ้าของพระองค์ก็คือ
พระธรรมกายที่มีอยู่ในกลางของพระองค์ท่าน
และพระธรรมกายนี้ก็มีอยู่ในกลางกายของทุกๆ คน
วันใดที่เข้าถึงธรรมดวงแรกได้
ไม่ช้าจะเข้าถึงพระตถาคตเจ้า หรือถึงพระธรรมกายภายในได้
วิธีการที่จะเข้าถึงคือหยุดนิ่ง ใจหยุดนิ่งนี่แหละเป็นตัวสำเร็จ ทำให้จิตที่ไม่บริสุทธิ์จากนิวรณ์ทั้ง ๕ กลับบริสุทธิ์จนหลุดจากเครื่องกั้นจิตเหล่านั้น
ตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน ได้พบเส้นทางสายกลางภายในที่เรียกว่า
เป็นเส้นทางของพระอริยเจ้า เส้นทางไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้า และเส้นทางที่พระอริยเจ้าใช้ดำเนินไปเรื่อยๆ
บ่มอินทรีย์ของท่าน กลั่นจิตกลั่นใจของท่าน ให้สะอาด
ให้บริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
บ่มอินทรีย์
พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านก็บ่มอินทรีย์
หรือกลั่นจิตกลั่นใจของท่าน ด้วยหยุดนิ่งอย่างนี้แหละ
ตอนเป็นคฤหัสถ์ความบริสุทธิ์ไม่เพียงพอ
ท่านก็เพิ่มความบริสุทธิ์ด้วยการออกบวชในเพศสมณะ ก็บริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อบวชเป็นพระแล้วกลางพรรษาที่ ๑๒ ท่านก็บ่มอินทรีย์หนักเข้าไปอีก
ด้วยการทิ้งชีวิตหยุดนิ่งจนกระทั่งเข้าพระธรรมกาย
โดยผ่านกายต่างๆ บริสุทธิ์เป็นชั้นๆๆๆ เข้าไป กระทั่งถึงพระธรรมกาย
ท่านหยุดนิ่งกลั่นจิตกลั่นใจให้บริสุทธิ์เพิ่มขึ้นๆ
ไปเรื่อยๆ กระทั่งมาเป็นสมภารวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ก็ไปถึงกายที่สามารถรู้เรื่องราวของพญามารได้ รู้เรื่องราวของตัวเองได้ว่า
เกิดมาทำภารกิจอะไร และปราบมารได้ ความบริสุทธิ์ถูกบ่มถูกกลั่นเป็นชั้นๆๆๆ
เข้าไปเรื่อยๆ อย่างนี้ แต่ตำแหน่งเดียวกัน คือ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้
เพราะฉะนั้น ตำแหน่งตรงนี้สำคัญมาก
โดยเฉพาะใครที่ยังเป็นหญิงอยู่ จะให้บริสุทธิ์ได้เราก็ต้องหยุดตรงนี้ เพราะเราบวชภายนอกไม่ได้
ต้องหยุดจนกระทั่งไปถึงพระภายใน ให้มีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ การมาเกิดในชาตินี้ของเราจะสมหวังในเส้นทางแห่งการสร้างบารมี
ให้ลูกทุกคนรวมใจให้ไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ดังกล่าวอย่างสบายๆ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565