ตกระแสธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ (๑๓.๓๐ - ๑๕.๓๐ น.)
ห้องแก้วสารพัดนึก วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย-ปรับใจ
เมื่อเราได้จุดเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัยบูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ลูกทุกคนนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากัน
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา
ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกสบาย ปรับท่านั่งให้ถูกส่วน ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี
ให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย
ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ให้รู้สึกสบายๆ
วางใจ
แล้วทำใจใสๆ ใจเย็นๆ รวมใจกลับเข้าไปสู่ภายใน ไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ หรือจำง่ายๆ ว่า อยู่ในบริเวณกลางท้อง ในตำแหน่งที่เรามั่นใจว่า เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ
ทำใจให้หยุดให้นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ ไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ใจแตะลงไปตรงกลางกายอย่างสบายๆ
บริกรรมนิมิต-บริกรรมภาวนา
สำหรับท่านที่มาใหม่จะกำหนดบริกรรมนิมิตเป็นดวงแก้วใสๆ หรือพระแก้วใสๆ
ไว้ในกลางกายของเราก็ได้ ถนัดอย่างไหนชอบอย่างไหนก็ทำอย่างนั้นไปก่อน เพื่อเป็นที่ยึดที่เกาะของใจเรา
ต้องนึกอย่างสบายๆ นึกถึงดวงใสๆ หรือองค์พระแก้วใสๆ
นั่งสมาธิอยู่ในกลางท้องของเรา อย่างเบาๆ สบายๆ ใจเย็นๆ นึกธรรมดา คล้ายๆ
เรานึกถึงสิ่งที่เราคุ้นเคย เช่น เราเคยนึกถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว
หรือของใสๆ อะไรต่างๆ เหล่านี้
นึกอย่างง่ายๆ อย่างที่เราเคยเห็นก็ได้ นึกธรรมดาอย่างนั้น
พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ ว่า สัมมาอะระหังๆๆ เรื่อยไป
สำหรับผู้มาเก่า เป็นนักเรียนเก่าได้ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ก็รวมใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างง่ายๆ
ต้องแตะเบาๆ หยุดใจนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ
นึกถึงบุญ
ให้นึกถึงบุญที่เราทำผ่านมา เป็นบุญที่เราปลื้มง่าย
นึกเมื่อไรก็ปลื้มเป็นจุดเริ่มต้นก่อน นึกอย่างง่ายๆ นึกอย่างสบายๆ
อย่างเช่น
ในพรรษาแห่งการเข้าถึงธรรมนี้ ตลอดวันตั้งแต่เริ่มเข้าพรรษาเรื่อยมา เราได้ทำทาน
รักษาศีล เจริญภาวนาไม่เคยขาดเลย จนกระทั่งมาถึงวันนี้ ซึ่งใกล้จะเป็นวันออกพรรษาแล้ว
๓๐ ตุลาคมนี้เป็นวันมหาปวารณา รุ่งขึ้นก็ออกพรรษาแล้ว ให้นึกว่าทุกวันเราไม่เคยขาดบุญเลย
ทุกสิ่งที่เราทำผ่านมาทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา เป็นต้น
ล้วนเป็นบุญทั้งสิ้น ซึ่งจะกลั่นตัวเป็นดวงบุญใสๆ ในแต่ละวัน วันไหนเราตั้งใจมาก มุ่งมั่นจนกระทั่งใจเราละเอียด
ใจเราใส ใจเราบริสุทธิ์ ดวงบุญวันนั้นก็จะโตเป็นดวงบุญใสๆ
บางช่วงของเวลาที่ใจเราเป็นบุญเป็นกุศลดวงบุญก็จะบังเกิดขึ้น
ถ้าทำทั้งวันก็เกิดทั้งวัน ถ้าทำเกือบทั้งวันก็ได้เกือบทั้งวัน จะมารวมเป็นดวงบุญของแต่ละวัน
เป็นดวงใสๆ เกิดขึ้นทุกๆ วัน มากบ้าง น้อยบ้าง หรือมากอย่างสม่ำเสมอ เรื่อยมาถึงวันนี้ก็จะมารวมกันเป็นดวงบุญที่สว่างไสวยิ่งขึ้น
บุญพิเศษที่จุดเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัยก็ดี บุญปิดดวงแก้วก็ดี หรือบุญชวนคนทำความดีก็ดี
อย่างนี้เป็นต้น จะมารวมทั้งหมด เป็นดวงบุญใสๆ ใสเกินความใสใดๆ ในโลก
สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตของเรา
ตั้งแต่ปุถุชนจนกระทั่งเป็นพระอริยเจ้า กระทั่งไปถึงที่สุดแห่งธรรม
ให้เราสมบูรณ์ด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
มรรคผลนิพพาน วิชชาธรรมกาย พวกพ้องบริวาร เป็นต้น เพราะฉะนั้นให้นึกถึงบุญนี้อย่างสบายๆ
ด้วยใจใสๆ ใจเย็นๆ
บุญบวชตัดรอนวิบากกรรม
โดยเฉพาะลูกพระธรรมทายาทที่รักทั้งหลายทุกศูนย์ทั่วไทย กว่าจะมีวันนี้สำหรับเรา
เราต้องทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง วิ่งเข้าวัดมาฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ
บวชเป็นพระแท้ทั้งภายในภายนอก บุญนี้ยิ่งใหญ่โตมหาศาล ที่บังเกิดขึ้นกับตัวของเรา
เนื่องไปถึงโยมพ่อโยมแม่ บรรพบุรุษหมู่ญาติผู้เป็นที่รักของเรา และกัลยาณมิตรผู้ที่ไปชักชวนให้เราได้มาบวช
ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ให้ลูกพระธรรมทายาททุกรูปนึกถึงบุญนี้เอาไว้ให้ดีนะ ดวงบุญจะได้ใสๆ
โตใหญ่ มีกำลังเพียงพอที่จะไปตัดรอนวิบากกรรมวิบากมารที่เราดำเนินชีวิตผิดพลาดในวันเวลาที่ผ่านมา
ด้วยความไม่รู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต
ไม่ได้ศึกษาเรียนรู้เรื่องกฎแห่งกรรมหรือชีวิตในสังสารวัฏ
เราจึงดำเนินชีวิตผิดพลาดไปอย่างนั้น กระแสธารแห่งบุญจะไปตัดรอนวิบากกรรมดังกล่าว ให้หนักเป็นเบา
เบาเป็นหาย ร้ายกลายเป็นดี
ให้ใจใสๆ ให้นิ่งๆ นุ่มๆ นึกแล้วต้องปลื้มปีติและภาคภูมิใจในการมาบวชของเราครั้งนี้
เราได้ตั้งใจเป็นพระแท้ แม้ยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้าก็ตาม แต่ก็อยู่ในเส้นทางแห่งพระอริยเจ้า
ใจของเราถูกกลั่นให้บริสุทธิ์ด้วยข้อวัตรปฏิบัติที่เราทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอเรื่อยมา
ให้นึกอย่างนี้
ให้ใจใสๆ และยิ่งเรามีผลการปฏิบัติธรรมที่ดี พอใจเราหยุดนิ่ง นุ่ม เบา
สบายมันก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายใน ดังที่ได้ส่งผลการปฏิบัติธรรมมาเล่าสู่กันฟัง
บ้างก็เห็นเป็นดวงใส บ้างก็เห็นเป็นองค์พระใสๆ หรือตกกระแสธารแห่งบุญ ตกกระแสธรรม
ตกกระแสธรรม
ตกกระแสธรรม คือ ใจเคลื่อนเข้าไปสู่ข้างใน กระแสธรรมก็คล้ายๆ กระแสน้ำ
แต่แทนที่จะเป็นน้ำ กลับเป็นกระแสแห่งความบริสุทธิ์ที่ผ่านกลางกายของเรา
มากลั่นจิตกลั่นใจของเราให้ใสๆ ให้บริสุทธิ์ยิ่งๆ ขึ้นไป จนกระทั่งเราสามารถเห็นความบริสุทธิ์ได้
เป็นดวงใสๆ บ้าง เป็นแสงสว่างบ้าง เป็นองค์พระบ้าง บ้างก็เห็นองค์พระผุดซ้อนๆ
กันอย่างต่อเนื่อง นั่นแหละคือการตกกระแสธรรม ใจเราก็ยิ่งบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ส่วนลูกๆ ผู้นำบุญทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน บุญนี้ย่อมเกิดแก่เราด้วย
เพราะฉะนั้นกระแสธารแห่งบุญก็ผุดผ่านมาในกลางกายของเรา กลั่นจิตกลั่นใจ กลั่นธาตุธรรม
ดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณธาตุ อากาศธาตุ เห็น จำ คิด รู้เราให้ใสให้บริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ยิ่งเราสร้างมหาทานบารมีก็จะไปเชื่อมสายสมบัติที่ละเอียดที่จะดึงสมบัติหยาบให้บังเกิดขึ้นที่กลางกายของเราอย่างต่อเนื่อง เล็กบ้างใหญ่บ้าง
เพราะฉะนั้นให้ลูกทุกคนหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ ไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
(ปฏิบัติธรรม)
ให้ใจใสๆ นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆอย่างสบายๆ ต้องเบาๆ ต้องง่ายๆ
อย่าไปตั้งใจเกินไป ต้องเบาๆ ต้องสบายๆ แล้วนึกถึงดวงแก้วทุกดวงที่เราจะปิดทองกันในวันนี้สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ปิด
ก็น้อมเอามารวมเป็นดวงเดียวกัน ซ้อนๆ กันเป็นดวงเดียว ให้นึกให้เห็นชัด แจ่มมกระจ่างกลางกาย
เวลาเราปิดทองจะได้ปิดทั้งข้างนอกและข้างในด้วย
ส่วนผู้ที่ปิดไปแล้ว ให้นึกด้วยใจใสๆ ใจสบายๆ
ให้ปลื้มปีติในผลแห่งบุญนี้ เพราะทั้ง ๗
ดวงนี้จะนำไปประดิษฐานที่พุทธอุทยานนานาชาติที่ริมฝั่งโขง ให้เป็นที่สักการบูชาของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
จะได้เป็นทางมาแห่งบุญของเรา
นึกให้เห็นชัดแจ่มกระจ่างอยู่ที่กลางกายของเรา อย่างสบายๆ เมื่อกาย วาจา
ใจเราใสสะอาดบริสุทธิ์ดีแล้ว เราจะได้พร้อมใจกันกล่าวคำอธิษฐานจิต ให้ลูกทุกคนนั่งพับเพียบหลับตาพนมมือขึ้นพร้อมๆ
กัน
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565