กายสบายใจสบายก็ง่ายนิดเดียว
วันศุกร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ (๑๕.๐๐ - ๑๕.๓๐ น.)
ห้องแก้วสารพัดนึก วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันจ้ะ
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ต้องสบายนะลูกนะ อย่าไปบีบเปลือกตา
อย่ากดลูกนัยน์ตา เหมือนปรือๆ ตานิดๆ เบาๆ พอสบายๆ
แล้วก็ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ทั้งเนื้อทั้งตัวให้สบาย
ต้องสบาย ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี ให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก
จะได้ไม่ปวด ไม่เมื่อย นั่งแล้วรู้สึกสบาย สำคัญนะลูกนะ อย่ามองข้ามไปนะ
เสียเวลาตรงนี้สัก ๑ หรือ ๒ นาที ทั้งหลับตา ทั้งผ่อนคลาย เพราะมันต้องสบายจริงๆ
ใจถึงอยากจะนั่งได้นานๆ
ปรับใจ
แล้วก็ทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว ไม่ให้ใจไปเกาะ
ไปเกี่ยว ไปเหนี่ยว ไปรั้งเรื่องอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ
ธุรกิจการงาน บ้านช่อง การศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัว
หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ต้องปลด ต้องปล่อย ต้องวาง ให้ใจใสๆ ใจสบายๆ ไม่ไปเกาะ ไปเกี่ยว
ไปเหนี่ยว ไปรั้งเรื่องอะไรดังกล่าว
กายสบายใจสบายก็ง่ายนิดเดียว
ต้องสบายๆ สบายทั้งร่างกาย
สบายทั้งจิตใจ ถ้ากายสบาย ใจสบาย ใจมันก็รวมลงง่ายนิดเดียว
ถ้าเราปล่อยวางได้ในวินาทีนี้ ใจก็จะวื้ดจึ้กลงไปตรงกลางกายได้อย่างง่ายๆ
โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ผ่อนคลาย ทำใจสบาย ให้เบิกบาน ให้แช่มชื่นสะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส
แค่นี้แหละ ใจก็จะวื้ดจึ้กลงไปตรงกลาง กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ มันจะวื้ดจึ้กลงไปแตะที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างเบาๆ อย่างสบายๆ
ตัวก็จะโล่งๆ โปร่ง เบา สบาย จะขยาย แล้วก็ตัวก็หายไปเลย
เหมือนไปอยู่อีกมิติหนึ่งที่กลางอวกาศโล่งๆ ที่ปราศจากตัวตน เหมือนเราไม่มีตัว
ไม่มีตน มันจะเกลี้ยงๆ นิ่งๆ นุ่มๆ สบาย
แสงสว่างก็เกิดขึ้นเอง ตั้งแต่สว่างน้อยไปสู่สว่างมาก กระทั่งแสงสว่างนั้นทำให้เราเห็นภาพภายใน
เป็นดวงใสๆ บ้าง เป็นจุดเล็กๆ ใสๆ คล้ายดวงดาวในอากาศบ้าง เป็นเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ใสกลมรอบตัว
สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน เห็นเองเลย เห็นดวงใสบ้าง เห็นเป็นกายต่างๆ
บ้าง แล้วแต่ความละเอียดของเรา หรือสิ่งที่เราคุ้นเคยในเบื้องต้น
เช่น เห็นตัวเองบ้าง เห็นองค์พระบ้าง หรือเห็นพระเดชพระคุณหลวงปู่บ้าง
ขึ้นอยู่กับเราคุ้นเคยกับสิ่งไหน นั่นก็เป็นเครื่องยืนยันว่า เราทำถูกวิธีแล้ว ปล่อยวางได้แล้ว
ทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว มันจะวื้ดจึ้กลงไปเลย
เหมือนหล่นจากที่สูงบ้าง
วื้ด ดวงลอยเกิดขึ้นมาเลยใสๆ ใสเหมือนเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย
ใสเหมือนกระจกบ้าง เหมือนน้ำแข็งบ้าง เหมือนเพชรใสๆ บ้าง หรือใสเกินความใส ใดๆ
ในโลกบ้าง เกิดขึ้นมาอย่างง่ายๆ เลย
ดูเฉยๆ
ให้ลูกแตะใจอย่างนี้อย่างเบาๆ อย่างสบายๆ ใครที่เข้าถึงองค์พระแล้วเราก็ดูองค์พระไปเรื่อยๆ
ดูไปอย่างสบายๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น ดูไปเฉยๆ โดยปราศจากความคิด แล้วเดี๋ยวสิ่งภายในก็จะเปลี่ยนแปลงไปเอง
เห็นได้แค่ไหน เราก็เอาแค่นั้นไปก่อน ที่เห็น รัวๆ รางๆ เราก็ดูไป
อย่าไปเน้น อย่าไปเค้นให้มันชัด ให้ดูเท่ามีให้ดู ดูไปงั้นๆ อย่างสบายๆ
โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น ภาพชัดขึ้นมากว่านั้นเราก็ดูไปงั้นๆ อีก ชัดขึ้นมา ๑๐
เปอร์เซ็นต์ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ เรื่อยไปเลย
พอเราดูด้วยใจที่ไม่ปรุงแต่งอะไร
เดี๋ยวความชัด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ หรือเกินกว่านั้นก็จะเกิดขึ้นเองเลย มันจะชัดใสแจ่มกระจ่างกลางกาย
เราจะมีความสุขกายสบายใจ อบอุ่นใจ ในระดับที่ไม่ต้องการอะไรเลยอีกแล้ว อยากอยู่ตรงนี้อย่างเดียว
พอมาถึงตรงนี้ พอใจมีความสุข
มันก็จะทำให้เราคิดดี พูดดี ทำดี เป็นอัตโนมัติ
แล้วกระแสธารแห่งบุญที่เราสั่งสมมา ทั้งในอดีต อดีตชาติก็ดี อดีตในปัจจุบันนี้ก็ดี
ในทุกๆ บุญก็จะมารวมกัน ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นดวงใสๆ ใสกลมรอบตัวเหมือนกัน
แต่คุณสมบัติไม่เหมือนกัน เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตของเรา จะสมบูรณ์ไปด้วยรูปสมบัติ
ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน วิชชาธรรมกาย
มันก็จะเกิดขึ้นมา
อย่างวันนี้ ตอนเช้าเราได้ทำทุกบุญ บุญทุกบุญตั้งแต่ตักบาตร สวดมนต์
ไหว้พระ เจริญภาวนา บูชาข้าวพระ ถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานแด่ภิกษุสามเณรผู้ประพฤติธรรมเป็นต้น
ก็จะมารวมกัน
กระแสธารแห่งบุญก็จะมารวมกัน เป็นดวงใสบริสุทธิ์อยู่ภายใน
ก็จะดึงดูดเราเข้าไปสู่ข้างในเรื่อยๆ เราก็ยิ่งมีความสุข สุขแล้วสุขเล่า
สุขไปเรื่อยๆ ใจก็บริสุทธิ์แล้วบริสุทธิ์เล่าไปเรื่อยๆ เลย
เป็นพระเป็นเณรก็บวชแล้วบวชเล่า เป็นพระแล้วพระเล่า ซ้อนๆ
กันอยู่ภายในอย่างมากมายก่ายกอง
บุญนี้ก็จะส่งผลไปถึงผู้ที่เราได้อุทิศแผ่ส่วนบุญไปให้
นึกถึงใครก็จะไปสู่ที่ตรงนั้น ที่ท่านมีทุกข์มากก็จะทุกข์น้อย มีทุกข์น้อยก็จะพ้นทุกข์
ที่มีสุขน้อยก็จะสุขมาก
มีสุขมากอยู่แล้วก็มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ กระแสธารแห่งบุญก็จะบังเกิดขึ้นมากมาย
แล้วก็ติดข้ามชาติไปด้วย ติดไปทุกๆ กาย ทั้งกายมนุษย์ กายทิพย์ พรหม รูปพรหม
กายธรรมโคตรภู โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหัต ติดหมดทุกกาย เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราก็ให้ใจหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ
เริ่มต้นปีใหม่อย่างถูกหลักวิชชา
โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันปีใหม่ เปิดศักราชใหม่แห่งการสร้างบารมีของเราในปีพุทธศักราช
๒๕๕๙ นี้ เราจะต้องเริ่มต้น วันปีใหม่ด้วยการสั่งสมบุญบารมี คิดดี พูดดี ทำดี
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการก็จะทำให้ได้ให้หมด ตั้งใจเรื่อยไปเลย ให้ได้ตลอดทั้งปี
ให้ยิ่งกว่าปีที่ผ่านมา
เพราะเดี๋ยววันเดี๋ยวคืน
เดี๋ยวก็จะหมดเวลาในการสร้างบารมีในโลกนี้แล้ว ความตายก็ไม่มีนิมิตหมาย
แต่เมื่อเรายังไม่ได้ชนะเขา วันนั้นก็ต้องมาถึงเราสักวันหนึ่ง ที่จะถึงวันไหนก็ตามวันเวลาที่ผ่านมา
เราก็ได้ใช้ทุกอนุวินาที ให้เป็นไปเพื่อการสร้างบุญสร้างบารมีของเราอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
ซึ่งแตกต่างกับมวลมนุษยชาติทั้งหลายที่เขาเกิดมา เขายังไม่รู้อะไรเลย
ก็ปล่อยชีวิตให้เลื่อนลอยไป ไปเรื่อยๆ
แต่ของเราเกิดมาสร้างบารมี โดยเฉพาะอยู่ในวงบุญภาคปราบ ภาคปราบล้วนๆ
เป็นหมู่คณะที่จะมาปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ คือ นอกจากมารทั้ง ๕
ฝูง เช่น กิเลสมารเป็นต้นอย่างนี้ ยังจะไปถึงแหล่งกำเนิดของมารอีกด้วยที่ส่งกระแสกิเลสมา
ธาตุของเรา ธรรมของเราจึงเป็นพิเศษแตกต่างจากทั่วๆ ไป
ถ้าเราคิดดี พูดดี ทำดี พระนิพพานท่านส่งบุญมาก็ดี
ส่งผังแห่งความสำเร็จมาก็ดี ก็จะสำเร็จได้อย่างง่ายๆ สวนกระแสแตกต่างจากชาวโลกทั่วๆ
ไป แต่ถ้าเผลอไปคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี พญามารก็จะได้ช่องสอดผังที่ไม่ดีเข้ามาทำลายได้
เพราะพระกับมารมันสู้กันอยู่ เราเป็นฝ่ายพระ
ดังนั้น เมื่อเราเป็นบุคคลอัศจรรย์ บุคคลพิเศษ ธาตุธรรมพิเศษอย่างนี้
ก็ต้องทำให้ถูกหลักวิชชา คือ ต้องคิดดี พูดดี ทำดี แล้วสิ่งดีๆ
จะเกิดขึ้นแบบสวนกระแส
ไม่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจะเป็นอย่างไร อะไรจะเป็นยังไง โลกจะเป็นยังไง
ดิน อากาศ ฟ้า สิ่งแวดล้อม จะเป็นยังไง เราสามารถฝ่าวิกฤตไปได้ สวนกระแสไปได้
ถ้าหากเราไม่ให้โอกาสมารได้ช่องส่งผลผ่านทางความคิดของเรา ที่เผลอไปคิดไม่ดี
พูดไม่ดี ทำไม่ดี กลุ้มอกกลุ้มใจ วิตกกังวลอะไรต่างๆ เหล่านั้น เป็นต้น มารก็จะได้ช่องส่งผล
แต่ถ้าเราไม่สนใจสิ่งแวดล้อมนั้น
ใจนิ่งอยู่ในบุญที่เราได้สั่งสมมาด้วยบุญกุศลที่สั่งสมมา
อยู่ในธรรมที่เราได้ประพฤติปฏิบัติธรรมกันอย่างสม่ำเสมอทุกๆ วัน มารก็ไม่ได้ช่อง เมื่อมารไม่ได้ช่องบุญก็ได้ช่องส่งผล
ส่งผังสำเร็จให้เกิดขึ้น นี่เป็นหลักวิชชา เป็นสิ่งที่สำคัญที่พวกเราอาจจะไม่ทราบ
เพราะฉะนั้นนี่เป็นสิ่งที่ ลูกๆ ทุกคนนี่ควรดีอกดีใจเถิด ปลื้มอกปลื้มใจเถิดว่า
เราเกิดมาสร้างบารมีในเส้นทางนี้ ก็ต้องทำให้ถูกหลักวิชชาตั้งแต่ต้นปี
วันนี้เป็นวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
เริ่มทำให้ถูกหลักวิชชาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ผ่านๆ มานั้น เราอาจจะเข้าใจบ้าง
ไม่เข้าใจบ้าง เผลอไปคิดที่ไม่ถูกต้องบ้างก็ไม่เป็นไร ลืมมันไปให้หมดเลย
ทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง แล้วก็นิ่งอย่างเดียว เริ่มต้นชีวิตใหม่ในปีนี้อย่างถูกหลักวิชชานะลูกนะ
เมื่อเข้าใจอย่างนี้ดีแล้ว เวลาที่เหลืออยู่นี้ ลูกก็นิ่งรวมใจให้ใสๆ
ให้ใจหยุด ใจนิ่ง นุ่ม เบา สบาย สบายทั้งกายและใจ ให้ปีนี้เป็นปีแห่งความสมปรารถนาของเราในทุกสิ่ง
ทั้งทางโลกและก็ในทางธรรม ให้สมหวังดังใจในทุกสิ่งอย่างที่หลวงพ่อให้ศีลให้พร
ให้รวยทั้งมีทรัพย์ภายนอกภายใน คือ ให้สมบูรณ์ด้วยโลกียทรัพย์และก็อริยทรัพย์
ให้มันเป็นอัศจรรย์ให้ได้นะลูกนะ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565