วิธีฝึกใจให้หยุดนิ่ง
วันอาทิตย์ที่  ๑๗  กันยายน
พ.ศ. ๒๕๔๙ (๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
 
เมื่อเราสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ลูกทุกคนตั้งใจให้แน่แน่วมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คน 
 
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ 
 
หลับตาของเราเบาๆ
ค่อนลูก พอสบายๆ คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา  
 
ปรับใจ
 
ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
ให้ปลด ปล่อย วาง คลายความผูกพันยึดมั่นถือมั่นในคน สัตว์ สิ่งของ ธุรกิจการงาน บ้านช่อง
การศึกษาเล่าเรียน หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้ 
 
ทำประหนึ่งว่า
เราอยู่คนเดียวในโลก แล้วก็มาสมมุติว่าภายในร่างกายของเราปราศจากอวัยวะ ไม่มีปอด ตับ
ม้าม ไต หัวใจ เป็นต้น ให้เป็นที่โล่งๆ โปร่ง เป็นปล่อง เป็นช่อง  เป็นโพรง กลวงภายในคล้ายลูกโป่งนะจ๊ะ 
 
วางใจ
 
คราวนี้เราก็รวมใจที่คิดแวบไปแวบมาในเรื่องต่างๆ
กลับมาหยุดนิ่งๆ  นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ 
 
โดยสมมติว่า
เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้นนำมาขึงให้ตึง จากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง
ให้เส้นด้ายทั้ง ๒ ตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม เหนือจุดตัดขึ้นมา
๒ นิ้วมือ ตรงนี้เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หรือจำง่ายๆ ว่าอยู่บริเวณกลางท้องนะ
 
แผนผังของชีวิต
 
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ เป็นที่มาเกิด ที่ดับ ที่หลับ ที่ตื่น แล้วก็เป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน ที่พระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านเริ่มต้นจากตรงนี้ ด้วยการทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ พอถูกส่วนก็จะเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัว ได้บรรลุมรรคผลนิพพานที่อยู่ในตัวนี้
 ซึ่งเป็นแผนผังของชีวิตติดกันมายาวนาน มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกๆ
คนในโลก 
 
ท่านเริ่มหยุดใจตรงนี้
ถูกส่วนก็เห็นดวงธรรมใสๆ กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว ใสบริสุทธิ์ เหมือนน้ำใสๆ บ้าง เหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้าบ้าง
เหมือนเพชรบ้าง หรือใสกว่านั้น แล้วท่านก็หยุดใจเรื่อยไป 
 
ในที่สุดก็ได้เข้าถึงกายในกาย
กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ พรหม อรูปพรหม กระทั่งกายธรรมโคตรภู กายธรรมพระโสดา กายธรรมพระสกิทาคามี
กายธรรมพระอนาคามี แล้วก็กายธรรมพระอรหัตต์ ทั้งหยาบ ทั้งละเอียด รวมแล้ว ๑๘ กาย มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน
นอกเหนือจากในตัวของท่าน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และของพระอรหันต์ทั้งหลาย 
 
เราต้องเริ่มหยุดใจตรงนี้
ใจต้องมาหยุด มานิ่งอยู่ที่ตรงนี้ เพราะใจหยุดเท่านั้นจึงจะเป็นตัวสำเร็จ ให้เราได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นไม่ใช่ และจะเข้าถึงความสุขที่แท้จริงยิ่งกว่าความสุขใดๆ
ทั้งมวล เป็นความสุขที่เกิดจากใจหยุด ใจนิ่ง ซึ่งความสุขอย่างนี้ไม่มีในที่อื่น 
 
บริกรรมนิมิต-บริกรรมภาวนา
 
เบื้องต้น เราก็รวมใจมาหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ โดยกำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมาในใจ ให้เป็นที่ยึดที่เกาะของใจเรา ใจจะได้ไม่ฟุ้งไปคิดเรื่องอื่น
 
กำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมา
จะเป็นดวงใสๆ เหมือนเพชรใสๆ กลมรอบตัวคล้ายดวงแก้วที่เจียระไนแล้ว ขนาดใหญ่เล็กเท่าไหร่ก็แล้วแต่ใจเราชอบ
ไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หรือในบริเวณกลางท้องของเรา ในระดับเหนือสะดือขึ้นมา ๒
นิ้วมือ ให้เป็นที่ยึดที่เกาะของใจ หรือจะกำหนดเป็นองค์พระแก้วขาวใสบริสุทธิ์ ให้ท่านนั่งเจริญสมาธิ
หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวเรา ขนาดใหญ่เล็กแค่ไหนก็แล้วแต่ใจเราชอบอย่างนี้ก็ได้ 
 
ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่เรากำลังจะตามระลึกนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย เพราะว่าใกล้วันคล้ายวันเกิดของท่าน
ในวันอังคารที่ ๑๐ ตุลาคมนี้ อยู่ในช่วงที่เราจะรักษาใจของเราให้ใสๆ ให้บริสุทธิ์ ใจจะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้น
เราจะนึกถึงท่านเป็นอารมณ์ เป็นบริกรรมนิมิตที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงกลางท้องของเราในทำนองเดียวกันก็ได้
 
บริกรรมนิมิตดังกล่าว
เลือกเอาอย่างเดียว อย่างที่ใจเราถนัดใจเราชอบ จะได้นึกได้ง่าย มีวัตถุประสงค์เพียงแค่เป็นที่ยึดที่เกาะของใจ ให้ใจที่แวบไปคิดเรื่องอื่น กลับมาหยุดอยู่ที่ตั้งดั้งเดิมที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่อายตนนิพพาน นี่คือวัตถุประสงค์ของการกำหนดบริกรรมนิมิต
และประคองใจเมื่อใจเราฟุ้งไปคิดเรื่องอื่น ด้วยบริกรรมภาวนาว่า สัมมาอะระหังๆๆ  ให้เสียงดังออกมาจากกลางท้อง กลางบริกรรมนิมิต ที่เราสร้างภาพขึ้นมาทางใจในกลางท้องของเรา
ให้เสียงดังมาจากตรงนั้น และก็นึกควบคู่กันไป อย่าให้เผลอนะ
 
ถ้าเราไม่เผลอ
คือ กำหนดบริกรรมนิมิต และประคองใจด้วยบริกรรมภาวนา ไม่ช้าจะเกิดสิ่งที่ ๓ คือ ใจจะหยุด
จะนิ่ง แล้วมันก็จะทิ้งคำภาวนา สัมมาอะระหัง ไปเอง  หลังจากนั้นใจก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายใน จะมีความรู้สึกว่า
ตัวเราโล่ง โปร่ง เบา สบาย ขยายจนหายไป เหมือนไม่มีตัวตน ใจจะเคลื่อนเข้าไปเรื่อยๆ
 
หยุดเป็นตัวสำเร็จ
 
เมื่อใจเคลื่อนเข้าไปแล้ว
เราอย่าไปฝืน จงปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของใจ ปล่อยมันไป ให้มันเป็นไปอย่างที่ใจอยากจะเป็น
 เห็นภาพอะไรเกิดขึ้นก็ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ
โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น 
 
การดูนิ่งๆ
คือการประคองใจให้หยุดให้นิ่งนั่นเอง  “หยุดเป็นตัวสำเร็จ
ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์”
 
เมื่อแผนผังชีวิตมีอยู่แล้ว
เราไม่จำเป็นจะต้องไปกังวลว่า เราจะเห็นไหม เห็นได้อย่างไร หรือสิ่งที่เห็นใช่หรือไม่
ไม่ต้องไปคิด และอย่ามัวไปแสวงหาคำตอบ เพราะช่วงนี้เรากำลังเรียนเรื่องการหยุด
การนิ่งของใจ  
 
เรายังเป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ฝึกหยุดฝึกนิ่ง ไม่มีอะไรให้ดูก็ไม่เป็นไร มีอะไรให้ดูก็ดูเฉยๆ มีความมืดให้ดู เราก็ดูความมืด
มีความสว่างให้ดูก็ดูความสว่าง มีภาพอะไรให้ดูเราก็ดูไป ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ อย่างนี้นะ
 
เรากำลังฝึกเรื่องหยุดเรื่องนิ่ง
ส่วนภาพที่เห็นเป็นของแถม เห็นก็ดูไป ไม่เห็นเราก็นิ่งเฉยๆ สรุปว่าจะมีภาพอะไรให้ดู
หรือไม่มีก็ตาม เราจะฝึกหยุด หยุดนิ่งเบาๆ อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น นี่คือสิ่งที่เราจะต้องทำให้ได้
 ฝึกหยุดฝึกนิ่ง 
 
ใจจะบริสุทธิ์ต้องหยุดนิ่งอย่างเดียว
เป็นทางลัด ทางตรงและเร็วที่สุด เราจะสวดอ้อนวอนอธิษฐานให้บริสุทธิ์แค่ไหนก็ตาม เราจะไม่รู้จักรสชาติของความบริสุทธิ์จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง
และเราจะมีความรู้สึกว่า ใจเราบริสุทธิ์ หลุดออกจากมลทินของใจ ของความไม่บริสุทธิ์
 
เช้านี้
อากาศกำลังสดชื่นเย็นสบาย เหมาะสมที่ลูกผู้มีบุญทุกคนจะได้ประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ถูกวัตถุประสงค์ของการมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ขอให้ตั้งใจศึกษาและฝึกฝนไปตามที่ได้แนะนำมาตั้งแต่เบื้องต้น
ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวทุกๆ คน  ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565