ต้องเข้าถึงธรรมกายให้ได้
วันอาทิตย์ที่ ๗ มกราคม
พ.ศ. ๒๕๕๐(๑๓.๓๐ -
๑๕.๓๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ให้ขวัญกำลังใจ ผู้ประสบอุทกภัย
เจริญพร ลูกๆ ชาย หญิง และผู้ประสบอุทกภัยทุกท่าน
นับตั้งแต่เริ่มปรากฏอุทกภัย พวกเราย่อมประจักษ์กันดีว่า น้ำท่วมมีความรุนแรงยาวนาน
สร้างความเสียหายแก่ชีวิต ทรัพย์สินเป็นอย่างมาก และก็มากเกินกว่าที่เราจะคาดคิด
เรื่องราวความทุกข์ร้อนต่างๆ เหล่านี้ หลวงพ่อได้ติดตามและได้รับรายงานเสมอๆ
ทุกวัน ได้ส่งพระภิกษุและเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้นสถานการณ์ที่มีน้ำท่วม
และการส่งความช่วยเหลือสู่พื้นที่ต่างๆ หลายจังหวัด ไปทุกวันไม่ได้ว่างเว้นเลย จนสิ่งของที่นำมาจัดบรรจุใส่ถุงทั้งน้ำและอาหารที่ต้องไปมอบให้ผู้ประสบภัย
รวมแล้วมากกว่า ๓ ล้านชิ้น สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นความห่วงใยและความเอื้ออาทรซึ่งเราทั้งหลายที่ต่างเป็นเพื่อนมนุษย์
จะพึงมีให้ต่อกัน
หลวงพ่อขอแสดงความห่วงใยต่อลูกๆ ทุกคน
และผู้ประสบอุทกภัยทุกท่าน และหวังว่า อุทกภัยหรือภัยใดๆ ก็ขอให้หมดสิ้นไปนับตั้งแต่บัดนี้
ขณะเดียวกันก็ให้ทุกๆ คน ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท คือไม่ประมาททั้งภัยจากธรรมชาติ และไม่ประมาททั้งภัยในวัฏสงสาร
เราต้องหมั่นสั่งสมบุญกุศลให้มากยิ่งขึ้น เพราะบุญนี้จะส่งผลให้ภัยใดๆ
ไม่อาจจะมากล้ำกลายเราได้
ท้ายที่สุดนี้ หลวงพ่อขออำนวยพร ให้ลูกๆ ชายหญิงและผู้ประสบอุทกภัยทุกท่าน
จงประสบแต่ความสุขความเจริญ ขอให้หมดทุกข์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย อุปสรรค ภัยพาลใดๆ
ขอให้มลายหายสูญไปให้หมดสิ้น คิดสิ่งใด ปรารถนาสิ่งใดในสิ่งที่ดีงามก็ขอให้สำเร็จสมดังความปรารถนาทุกประการ
เมื่อได้ประพฤติปฏิบัติธรรม ก็ขอให้มีดวงตาเห็นธรรม ได้เข้าถึงพระธรรมกายรู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอด
ในวิชชาธรรมกายได้โดยง่าย ไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญ
ปรับกาย-ปรับใจ
ต่อจากนี้ไป เราจะได้พร้อมใจนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนา
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่ใบหน้า ศีรษะ ลำคอ บ่า ไหล่ แขนทั้งสอง
ถึงปลายนิ้วมือ ลำตัว ขาทั้งสองถึงปลายนิ้วเท้า ให้ผ่อนคลายให้หมด
วางใจ
รวมใจหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
นึกถึงบุญ
นึกถึงบุญทุกบุญ ที่เราทำผ่านมา ตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
สร้างบุญบารมีเรื่อยมา บุญเล็ก บุญน้อย บุญปานกลาง บุญใหญ่ แล้วก็ทุกๆ บุญ
ทุกภพทุกชาติ จนกระทั่งถึงวันนี้ ให้มารวมอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ในกลางท้องของเรา เป็นดวงบุญใสๆ เหมือนกับเพชรที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว
สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ใสเย็นเหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ กระจ่างอยู่ที่กลางกายของเรา
ให้นึกถึงดวงบุญด้วยใจที่เบิกบาน แช่มชื่น
ด้วยความมีปีติมีความสุข มีความภาคภูมิใจ ในวันเวลาที่ผ่านมา เราได้ใช้ชีวิตของกายมนุษย์นี้
ในทุกภพทุกชาติ เพื่อสั่งสมบุญบารมี มีทาน มีศีล มีภาวนา เป็นต้น แล้วก็มารวมเป็นดวงบุญใสๆ
อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ให้นึกถึงดวงบุญนี้ไปเรื่อยๆ
อย่างสบายๆ พร้อมกับผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเราให้ใจหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ
สบายๆ ที่กลางดวงบุญใสๆ ให้ต่อเนื่องกันไป อย่าให้เผลอ ดวงบุญนี้ จะเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตของเราทั้งในปัจจุบันและในอนาคตไปทุกภพทุกชาติ
ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
ทำให้เราสมบูรณ์ไปด้วย
รูปสมบัติ คือ มีร่างกายแข็งแรง รูปงาม
ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ อายุขัยยืนยาว ได้สร้างบารมีกันไปนานๆ
ทำให้เรามีทรัพย์สมบัติ ทรัพย์สินเงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ สมบัติมากมาย
จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง จะประกอบธุรกิจการงานอะไรก็เป็นทางมาแห่งสมบัติ หรือมีสมบัติใหญ่มาคอยท่าเหมือนผู้มีบุญในกาลก่อน
จะเป็นบ่อเกิดแห่ง คุณสมบัติ คือ มีดวงปัญญารอบรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม
มีความรู้ดี ความสามารถดี ความประพฤติดี ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ปิดอบาย ไปสวรรค์
ไปนิพพาน ไปที่สุดแห่งธรรม ทั้งลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผล นิพพาน วิชชาธรรมกาย
เกิดมาก็ได้บุพการีที่ดี
ได้พ่อแม่ที่สนับสนุนส่งเสริมเลี้ยงดูเราอย่างดี
มีสิ่งแวดล้อมที่เกื้อหนุนกับการสร้างบารมีของเรา มีพวกพ้องบริวารลูกหลานที่อยู่ในโอวาท
ส่งเสริมสนับสนุน ให้เราได้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบายอย่างง่ายดาย
ใครเข้าใกล้เราก็จะเป็นบัณฑิต เป็นนักปราชญ์
คนภัย คนพาล ก็จะห่างไกล ภัยพิบัติต่างๆ อัคคีภัย โจรภัย ราชภัย ภัยทุกชนิดก็จะไม่กล้ำกลาย
จะพบปะแต่สิ่งที่ดีๆ ที่จะนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
เราก็ต้องตรึกระลึกนึกถึงดวงบุญใสๆให้ต่อเนื่องกันไป เป็นดวงใสๆ เหมือนกับเพชรที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิ
กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ใสเย็นเหมือนแสงจันทร์
ในคืนวันเพ็ญ หรือยิ่งกว่านั้น นึกให้ต่อเนื่องกันไป อย่าให้เผลอ นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ
สบายๆ
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายของเรา
ต้อง เบาๆ สบายๆ ทำใจเย็นๆ ให้ใจเราเบิกบาน ให้แช่มชื่น อยู่ในกลางดวงบุญใสๆ
หยุดนิ่งไปเรื่อยๆ
สภาวธรรมภายใน
พอถูกส่วน ดวงบุญนี้จะขยายออกไป
ขยายรอบตัวเลย แล้วเราก็จะถูกดึงดูดเข้าไปสู่ภายใน ในกลางดวงบุญใสๆ ซึ่งจะทำให้เราเข้าถึงดวงธรรมใหม่ๆ
ที่ใส สว่างกระจ่างอยู่กลางกาย และมีอยู่แล้วในตัวเรา และมีอยู่ในตัวของทุกๆ
คนในโลก ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติศาสนาและเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม จะรู้หรือไม่รู้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามก็ยังมีอยู่
ก็จะมีดวงธรรมต่างๆ ผุดเกิดขึ้นมาในกลางนั้น
เป็นดวงใสๆ กว่าเดิมเข้าไปอีก แล้วก็มองผ่านไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ
โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น เหมือนเราดูทิวทัศน์ ให้ดูธรรมดา สบาย ดื่มกินความสุขที่เกิดขึ้นจากภายใน
เป็นความสุขที่ไม่มีประมาณ ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน พูดไม่ออก บอกไม่ถูก บรรยายไม่ได้
ในกลางดวงสว่างใสๆ ที่ใสเกินใส
เกินความใสใดๆ ในโลก ที่สว่างเกินความสว่างใดๆ ในโลก สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันหลายๆ
ดวง ใสเย็นหนักขึ้นไปเรื่อยๆ
กายมนุษย์ละเอียด
เราก็มองไปเรื่อยๆ
อย่างสบายๆ ก็จะมีดวงธรรมใหม่ผุดเกิดขึ้นมาตรงกลางซ้ำๆ กระทั่งสุดกลางดวงที่ ๖ เราก็จะเห็นตัวเราเองอยู่ภายในตัวของเราเอง
นั่งขัดสมาธิ เจริญสมาธิภาวนา สงบนิ่ง หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา
เกิดขึ้นมาเองเมื่อใจเราหยุดนิ่งถูกส่วน เพราะกายนี้มีอยู่ภายในตัวของเราแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้จัก
ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี แม้จะเคยเห็นในยามที่เรานอนหลับฝันไป
แต่ตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่ากายนั้นไปอยู่ที่ไหน
เข้าใจแต่เพียงว่าตัวเราหลับแล้วก็ฝันไป
เห็นเรื่องราวต่างๆ ไปเจอผู้คน สัตว์ สิ่งของ เหตุการณ์อะไรต่างๆ ตื่นขึ้นมาก็จำได้บ้าง
ไม่ได้บ้าง สนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง แต่ว่าตื่นขึ้นมาแล้วเราไม่ทราบว่ากายนั้นอยู่ที่ไหน
ความจริงก็อยู่ในตัวของเรา เรียกอีกนัยหนึ่งว่า กายฝัน
หรือกายมนุษย์ละเอียด
ที่เรียกว่า
กายมนุษย์ละเอียด เพราะลักษณะเหมือนตัวเรา
(กายมนุษย์หยาบ) ต่างแต่ว่าละเอียดกว่า เหมือนตัวเราตอนอยู่ในกระจกเงาอย่างนั้น แต่อยู่ในท่านั่งสมาธิ
และดูสดใสกว่ากายหยาบมากมายนัก
ถ้าถูกส่วน
ก็จะเห็นว่าอยู่ในวัยเจริญ แม้กายหยาบจะอยู่ในวัยชรา แต่กายมนุษย์ละเอียดจะอยู่ในวัยเจริญ
ในเครื่องแบบที่แตกต่างจากกายหยาบที่เรานุ่งห่มและดูสดใส นำมาซึ่งความเบิกบาน มีความสุขอย่างที่เราไม่เคยเจอมาก่อน
อีกทั้งเราจะมีความรู้เพิ่มเติมขึ้นมาว่า
กายมนุษย์หยาบที่เราเคยเข้าใจว่า เป็นตัวเรานั้น แท้จริงแล้วเมื่อเข้าไปถึงกายมนุษย์ละเอียดภายใน
กายมนุษย์หยาบเปรียบเสมือนเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของกายมนุษย์ละเอียด หรือเหมือนเสื้อผ้าที่เราสวมใส่
ความรู้สึกว่ากายหยาบเป็นตัวเรา เป็นของๆ เรา ก็จะค่อยๆ ผ่อนคลายออกไป คลายความผูกพันไปอีกระดับหนึ่ง
เมื่อเรามีความรู้เพิ่มขึ้นว่า เรายังมีอีกกายหนึ่ง ซึ่งเป็นชีวิตอีกระดับ
ที่เราไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพบในเวลานอนหลับแล้วฝันไป เวลาตื่นก็อยู่ที่ตรงนี้
เพราะฉะนั้น
เมื่อมาถึงกายมนุษย์ละเอียดอย่างนี้ การคลายความผูกพันในกายมนุษย์หยาบและวัตถุสิ่งของที่เนื่องด้วยกายมนุษย์หยาบก็บรรเทาเบาบางลงไป
เราจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงกายมนุษย์หยาบ การพลัดพราก การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไปของตัวเรา
ผู้เป็นที่รักของเรา หมู่ญาติ และทุกๆ คนในโลกว่า เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนบ้านเรือน
ก็มีกาลเวลาแห่งการผุพัง มีเวลาจำกัดที่จะอยู่บนโลกนี้ กายหยาบก็เช่นเดียวกัน
เมื่อมีความรู้เพิ่มขึ้นอย่างนี้
กายมนุษย์ละเอียดที่เราเห็นอยู่ภายในก็จะใสขึ้น สว่างขึ้น และก็เริ่มปล่อยวางได้อย่างเป็นอัตโนมัติ
ใจก็จะค่อยๆ คลายความผูกพัน แม้กระทั่งกายมนุษย์ละเอียด เมื่อคลายความผูกพันใจก็จะไปหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ของกายมนุษย์ละเอียด ผลจากการหยุดนิ่ง เพราะการไม่ผูกพันในกายมนุษย์ละเอียด เราก็จะถูกดึงดูดเข้าไปสู่ภายใน
และหลุดพ้นจากความผูกพันจากกายมนุษย์ละเอียดอย่างแท้จริง
เมื่อเข้าไปถึงดวงธรรมในกลางกายที่มีลักษณะเป็นดวงกลมเหมือนดวงแก้ว
เช่นเดียวกันพอใสสว่างกระจ่างกว่าเดิม ความสุขยิ่งเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ ปริมาณความสุขเพิ่มขึ้น
คุณภาพและความสุขก็ประณีตยิ่งขึ้นไปอีก
ความสุขเมื่อแรกเจอใหม่ๆ
เราว่ามีความสุขที่แตกต่างจากที่เราเคยเจอในชีวิตมาแล้ว เมื่อละเอียดประณีตเพิ่มขึ้น
เราก็ยิ่งไม่อาจจะบรรยายได้ เมื่อมีความรู้สึกพึงพอใจกับความสุขชนิดนี้
ก็อยากอยู่กับตรงนี้ไปนานๆ มีความรู้สึกว่า เราไม่เหงา ไม่เศร้า ความโศกเศร้า เสียใจ
คับแค้นใจ ร่ำพิไรรำพรรณอะไรต่างๆ ก็ล่มสลายไป มีแต่ปริมาณและคุณภาพของความสุขที่เพิ่มขึ้น
กายในกาย
แล้วเราก็จะถูกดึงดูดให้เข้าไปถึงกายในกายที่มีอยู่ดั้งเดิมภายใน
มีกายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม ที่ซ้อนๆ กันอยู่ภายใน ในทำนองเดียวกัน คล้ายๆ
กายมนุษย์ละเอียดซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์หยาบ เป็นชั้นๆ เข้าไปเรื่อยๆ
เราจะรู้จักว่ากายของชาวสวรรค์เป็นอย่างไร กายที่เราเห็นนี้เป็นกายทิพย์ของเราเอง ซึ่งจะอยู่ในอีกสังคมหนึ่งที่มีรูปกายคล้ายกับกายของเราภายใน
กายทิพย์ในเทวโลก และความสุขก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งปริมาณและคุณภาพ คำบรรยายที่จะมาพูดออกมาว่ามีปริมาณและคุณภาพประมาณเท่าไรยิ่งยากเพิ่มขึ้น
แต่ก็มีความพึงพอใจเพิ่มตามไปด้วย
ธรรมกาย
จนกระทั่งเข้าถึงอีกกายหนึ่ง ที่มีลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ
เกตุดอกบัวตูม คือยอดสุดมีลักษณะเหมือนดอกบัวสัตตบงกช ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก ตั้งอยู่บนจอมกระหม่อม
ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของกายมหาบุรุษ บนพระเศียรมีเส้นพระศกขดเวียนเป็นทักษิณาวรรต
หรือเส้นผมขดเวียนหมุนขวาตามเข็มนาฬิกา เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ บนพระเศียรที่อยู่บนพระวรกายมหาบุรุษ
ในท่าของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้พ้นแล้ว
สงบนิ่ง ทำสมาธิ ไม่มีการยืน ไม่เดิน ไม่นอน แต่อยู่ในท่านั่งทำสมาธิสงบนิ่ง หยุด
เพราะใจหยุดนิ่งแล้วอยู่ภายในไม่เขยื้อนเหมือนกายมนุษย์หยาบที่ยังต้องเปลี่ยนอิริยาบถ
เพราะทุกข์เวทนา เพราะความปวด ความเมื่อย หรือเพราะมีกิจกรรมที่จะต้องทำ มีขับถ่าย
รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย ทำมาหากิน พบปะผู้คน เรียนหนังสือ อะไรต่างๆ เหล่านั้น
แต่กิจที่จะทำอีกอย่างนั้น หรืออะไรๆ ที่มีอยู่ในกายมนุษย์หยาบ
หรือที่จะต้องแสวงหาแบบกายมนุษย์หยาบไม่มีอีกแล้ว
ก็จะอยู่ในอิริยาบถของท่านผู้รู้แจ้ง
เห็นแจ้งแทงตลอดความจริงของชีวิต ในสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย ที่ตื่นแล้วจากความหลับใหล
ตื่นตัวภายใน มีแต่ความเบิกบาน มีความรู้สึกเป็นสุข ความรักและปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างแท้จริง
โดยไม่จำกัด เชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ บังเกิดขึ้นมาเองเป็นอัตโนมัติ และใจก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายในเองไปเรื่อยๆ เลย
กายมหาบุรุษ
เกิดขึ้นมาพร้อมกับคำว่า ธรรมกาย เป็นเนมิตกนาม คือชื่อที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการมาเกิดขึ้นของกายลักษณะมหาบุรุษ
เกตุดอกบัวตูม นั่งสมาธิอย่างนี้ เกิดขึ้นมาพร้อมกัน เพราะกายนี้ประกอบไปด้วยธรรมล้วนๆ
ความบริสุทธิ์ล้วนๆ ได้ก่อให้เกิดกายนี้ขึ้นมา
กายนี้มีธรรมจักขุ คือ เห็นได้รอบตัวทุกทิศทุกทางในเวลาเดียวกัน
เห็นไปทั้งอดีต ทั้งปัจจุบันและในอนาคต รวมประชุมอยู่ในกายธรรมนี้ ความเห็นแจ้งไปถึงไหน
ความรู้แจ้งก็จะไปถึงตรงนั้น จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่างก็จะเกิดขึ้นไปพร้อมๆ
กัน ใจก็จะละเอียดไปเรื่อยๆ
จะใส จะสว่าง จะมีความสุข สงบนิ่งอยู่ภายใน
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะมีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีนินทา
มีสุข มีทุกข์ จะมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเปลี่ยนแปลงใดๆ ไปก็ตาม ใจก็ยังสงบนิ่ง
อยู่ในสันติสุขนั้น มีความพึงพอใจอันสูงสุด จนไม่ปรารถนาสิ่งใดๆ ในโลกนี้
ใจมุ่งอย่างเดียว
คือจะหยุดนิ่งเข้าไปสู่ภายใน เพื่อไปสู่ที่สุดแห่งธรรม เพื่อการที่จะหลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสพญามาร
ยิ่งหยุด ยิ่งนิ่ง ก็ยิ่งดิ่งไม่หยุด เหมือนออกสู่ทะเลลึก ของมหาสมุทรแห่งความรู้อันบริสุทธิ์
ที่ไม่มีขอบเขต เป็นความรู้ที่แท้จริง ที่ไม่มีอะไรมาบดบังดวงปัญญาได้ สว่าง
กระจ่าง และทำให้เป้าหมายของชีวิตนั้นไม่เบี่ยงเบนแน่วแน่ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม เพื่อความหลุดพ้นจากการเป็นบ่าว
เป็นทาสของพญามาร
กายทั้งหมดเหล่านี้ ความรู้ทั้งหมดดังกล่าว
มีอยู่ในร่างกายของเรา โดยมีจุดเริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นความรู้สากลที่ทุกคนต้องศึกษา
เพื่อการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ปิดอบาย แล้วก็ไปสวรรค์ ไปสู่หนทางแห่งการหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง
ไปสู่ชีวิตนิรันดร์ที่ไม่มีวันหมดสิ้นไป และไม่หวนคืนมาใหม่
เพราะฉะนั้น อากาศกำลังสดชื่น เหมาะสมที่เราจะทำความเพียร
ให้ลูกทุกคนหยุดใจนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ กันไปเงียบๆ ให้ลูกทุกคนหยุดใจกันไป
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565