มโนปณิธานของหลวงปู่
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๕๓ (๑๓.๓๐ -
๑๕.๓๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
เมื่อเราได้จุดเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัย
บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไป ให้ลูกทุกคนนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากัน
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ
ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ทั้งเนื้อทั้งตัว ให้มีความรู้สึกว่า สบาย
ผ่อนคลายจริงๆ ให้ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่เรานั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนา ต้องหลับตาเบาๆ
ผ่อนคลาย สบาย เปลือกตาก็พอแง้มๆ นิดๆ ปรือๆ ตา
จะได้ไม่กดลูกนัยน์ตาลงไปดูที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นะจ๊ะ
ปรับใจ
ต้องผ่อนคลาย
ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ คือ อย่าไปฮึดฮัด ถ้านั่งแล้ว ใจมันไม่นิ่งได้ดั่งใจ
เพราะใจต้องประคับประคองฝึกไปเรื่อยๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ เดี๋ยวก็คุ้นเคย แล้วก็ชินไปเอง ไม่ช้ามันก็จะนิ่งได้
ใหม่ๆ
มันก็นิ่งได้น้อย นานๆ ก็นิ่งสักครั้งหนึ่ง ต่อไปมันก็นิ่งนานขึ้น ต้องทำซ้ำๆ
จากนิ่งหลวมๆ แล้วหลุดไปคิดเรื่องอื่น พอเราฝึกไปเรื่อยๆ มันก็นิ่งได้นาน
และนิ่งได้แน่นขึ้น
นี่สำคัญนะลูกนะ
เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวของเรา จะต้องใช้ไปจนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของชีวิตเรา
ฝึกให้คล่องให้ชำนาญ
วางใจ
เราก็รวมใจไปหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ใจเย็นๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ ทำใจใสๆ ใจเย็นๆ เดี๋ยวเราจะได้พร้อมใจกัน ปิดแผ่นทองพระเดชพระคุณหลวงปู่
พระผู้ปราบมาร และก่อนปิดเราก็จะพร้อมใจกันอธิษฐานจิต
บริกรรมนิมิต
ในช่วงนี้ ให้ลูกทุกคนนึกน้อมอาราธนาพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองคำองค์นี้
จำให้ท่านติดตาติดใจ อาราธนาท่านไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ โดยให้ท่านหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา
นึกย่อส่วนของท่านเข้าไปไว้ในกลางกายก่อน
เดี๋ยวพอถูกส่วน ท่านก็จะขยายของท่านเอง
ที่ย่อส่วนลงมาจะได้ง่ายต่อการน้อมอาราธนาท่าน ให้มาสิงสถิตอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ในกลางท้องของเรา เหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
ให้ลูกนึกถึงท่านอย่างเบาๆ
สบายๆ ชัดแค่ไหนก็เอาแค่นั้นไปก่อน เพื่อใจจะได้หยุดนิ่งอยู่กับท่าน
ไม่ฟุ้งไปเรื่องอื่น พอเรานิ่งนุ่มนานขึ้น
เดี๋ยวภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองคำก็จะค่อยๆ ชัดขึ้นๆ จนกระทั่งเท่ากับเราลืมตาเห็นท่านภายนอก
เห็นท่านภายในชัดเจน เท่ากับเห็นท่านภายนอก
ใหม่ๆ
ก็นึกเห็นไปก่อน ต่อไปก็จะเห็นเอง เห็นจริงๆ อย่างที่เราหายสงสัย จะชัดเหมือนกับเราลืมตาดูท่านที่อยู่ข้างนอก
ค่อยๆ ประคองใจไปเบาๆ สบายๆ ให้หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ใจใสๆ ใจเย็นๆ
อาราธนาท่านให้อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของเราอย่างง่ายๆ
มโนปณิธานของพระเดชพระคุณหลวงปู่
พระเดชพระคุณหลวงปู่
เป็นบุคคลที่หาได้ยากอย่างยิ่ง ดังที่เราพอทราบเป็นแนวทางพอสังเขปโดยย่อ ที่ท่านมีมโนปณิธาน มุ่งปราบมารประหารกิเลส
ให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ คือ มุ่งไปที่แหล่งกำเนิดของกิเลสอาสวะ ความโลภ ความโกรธ
ความหลง ความไม่รู้ที่เรียกว่า อวิชชา
ต้นเหตุมันมาจากที่ไหน
ท่านก็จะไปแก้ไข โดยยังไม่ยอมเข้าสู่อายตนนิพพานถอดกาย
แม้บารมีของท่านจะเข้าได้ แต่ท่านมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
ไปจุดเริ่มต้นของสาเหตุแห่งความทุกข์ทรมาน ของสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลายอันไม่มีประมาณนั่นแหละ
ท่านทำอย่างนี้มานับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้ว
ทำตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ สู้รบปรบมือกับพญามารมายาวนานมาก
แม้ละสังขารถอดกายมนุษย์หยาบไปแล้ว เป็นสมณเทวบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต
ก็ยังคงปราบมารต่อ ทำอย่างนี้เรื่อยมา ไม่มีหยุดยั้งเลย
ท่านจะขนสรรพสัตว์ทั้งหลายอันไม่มีประมาณนี้
เข้าสู่อายตนนิพพานไปสู่จุดดั้งเดิม
ก่อนที่จะแปรผันมาอย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบันชาตินี้
นี่ก็เป็นมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ เมื่อตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็เคยเทศน์กล่าวด้วยถ้อยคำของท่านหลายๆ
ครั้งว่า “ปราบมาร ถ้ายังไม่ชนะมาร ผู้เทศน์ยอมตาย”
ท่านบอกว่า ทำอย่างนี้ไม่เคยขาดเลย
ดังนั้น ท่านจึงเป็นบุคคลที่หาได้ยากอย่างยิ่ง
การที่เรามีโอกาสได้มาอยู่ภายใต้ร่มบารมีธรรมของท่านนี้ จึงถือว่า เรามีบุญมาก
ดังนั้นก่อนที่จะปิดทองก็ต้องทำความรู้จักท่าน แต่จะรู้จักท่านได้ดี ต่อเมื่อใจของเราหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ทำตามคำสั่งสอนของท่าน ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวเท่านั้น ที่ถูกต้องและดีงาม ที่จะไปเชื่อมโยงกับความรู้ของท่านที่จะถ่ายทอดมาสู่ตัวเรา
ให้เรารู้จักท่านเพิ่มขึ้น
บริกรรมภาวนา
ดังนั้น ในช่วงนี้
ให้ลูกทุกคนเชื่อมใจ เชื่อมสายบุญกับท่าน
โดยการนึกถึงภาพท่านให้ได้ตลอดเวลาที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ
สบายๆ พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่ง ด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ ว่า สัมมาอะระหังๆๆ ภาวนาไปอย่างสบายๆ
จนกว่าใจไม่อยากจะภาวนาต่อไปอีก อยากหยุดใจนิ่งเฉยๆ
ที่กลางพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองคำ ในกลางกายของเรา เราก็ไม่ต้องภาวนา
แต่เมื่อใดใจฟุ้งไปคิดเรื่องอื่น เราจึงย้อนกลับมาภาวนาใหม่
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565