หลวงปู่บรรลุธรรม
วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๕๓ (๐๙.๐๐ -
๑๑.๐๐ น.)
วันครูวิชชาธรรมกาย ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ลูกทุกคน ตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย
ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ
ค่อนลูก พอสบายๆ ไม่ถึงกับให้เปลือกตาปิดสนิท
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายของเรา
ทั้งเนื้อทั้งตัวให้มีความรู้สึกว่าผ่อนคลาย ขยับเนื้อขยับตัวให้ดี
ปรับท่านั่งให้ถูกส่วน ให้รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เราจะได้ไม่ปวดไม่เมื่อยกัน
ปรับใจ
ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ให้คลายความผูกพันจากทุกสิ่ง ทำประหนึ่งว่าเราอยู่คนเดียวในโลก
ไม่เคยมีเครื่องผูกพันอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นคน
สัตว์ สิ่งของ จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ให้ทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง
วางใจ
รวมใจไปหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ
โดยสมมติว่า เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา
๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง จากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง
จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท
จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม เหนือจุดตัดนี้ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ
ความสำคัญของ ฐานที่ ๗
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ จำง่ายๆ ว่า อยู่ในบริเวณแถวกลางท้องตรงนี้ ที่สำคัญคือ เป็นที่ไปเกิดมาเกิดของตัวเรา
เป็นที่เกิด เป็นที่ดับ เป็นที่หลับ เป็นที่ตื่นของตัวเรา หลับตรงนี้ ตื่นตรงนี้ เกิดตรงนี้
ตายตรงนี้ สำคัญนะ เป็นเรื่องมันลึกซึ้งทีเดียว
ที่สำคัญ เป็นต้นทางจุดเริ่มต้นที่จะไปสู่อายตนนิพพาน
ซึ่งเป็นเส้นทางสายกลางภายใน มีจุดเริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ
พระองค์ พระอรหันตสาวกทั้งหลาย ท่านบรรลุมรรคผลนิพพาน บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็นำใจมาหยุดตรงนี้
เมื่อท่านทิ้งทุกอย่างปล่อยวางทุกสิ่ง
ใจของท่านก็จะมาหยุด นิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้
หยุดนิ่งอย่างเดียว ไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเราก็นำใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ อย่างเบาๆ
สบายๆ
พิธีไหว้ครูวิชชาธรรมกาย
เนื่องจากวันนี้ เป็นวันสำคัญสำหรับลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงปู่
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร เราก็นำใจมาหยุดอยู่ที่ตรงนี้
แล้วเราจะประกอบพิธีไหว้ครูวิชชาธรรมกาย หรือไหว้มหาปูชนียาจารย์ คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ของเรา
ซึ่งเป็นวันบรรลุธรรมของท่าน กลางวันสว่างด้วยแสงอาทิตย์
กลางคืนก็สว่างด้วยแสงของพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
ในกลางกายของท่านก็สว่างด้วยแสงธรรม ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งบรรลุธรรมกาย
เข้าถึงพระธรรมกายในตัววันนี้
ก่อนที่เราจะประกอบพิธีบูชามหาปูชนียาจารย์
ที่เราทำเป็นปกติ เป็นประเพณีในทุกๆ ปี ปีละครั้ง เมื่อถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
เราก็จะมาประกอบพิธีไหว้ครูวิชชาธรรมกาย บูชามหาปูชนียาจารย์ คือพระเดชพระคุณหลวงปู่ของเรา
นึกถึงหลวงปู่
เราจะต้องฝึกใจให้หยุดนิ่ง
ชำระกาย วาจา ใจให้ใสๆ ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ปราศจากมลทินของใจ
ใจจะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้น
ให้ลูกทุกคนนึกน้อมภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้
นึกถึงภาพของท่าน
โดยเฉพาะรูปหล่อทองคำที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเราทั้งหลาย
นึกน้อมอาราธนาท่านให้มาอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หรือกลางท้องของเรา
ในระดับที่เรามั่นใจว่า เหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
โดยให้ท่านหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา เบื้องต้นเหมือนมองจากที่สูง
จากเศียรของท่านลงไป เห็นเป็นองค์ท่านนั่งขัดสมาธิ เจริญสมาธิภาวนา
เราได้ตรึกระลึกนึกถึงท่านอย่างต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว
วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุด
ที่เราจะต้องระลึกนึกถึงท่านเอาไว้ให้ดี ด้วยใจที่สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส
ให้ถูกหลักวิชชา ตามที่ได้เคยแนะนำมาแล้ว
เพราะถ้าไม่มีวันนี้
เราก็ไม่อาจจะดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง ปิดอบายไปสวรรค์ แล้วมีสุขในปัจจุบันได้ แม้เราเป็นชาวพุทธ จะได้ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้วก็ตาม
ที่จะอยู่ในระดับน้อมนำมาปฏิบัติอย่างง่ายๆ
เข้าถึงได้ง่าย ด้วยความมั่นใจว่า เราปฏิบัติถูกต้องถูกทาง
พระธรรมกายในตัวมีจริงดีจริง แล้วเราสามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีการง่ายๆ
อมตะธรรม “หยุดเป็นตัวสำเร็จ”
คำพูดหรือคำสอนอันเป็นอมตะของท่านบังเกิดขึ้นในวันนี้
เพราะท่านมีประสบ การณ์ภายในด้วยตัวของท่านเอง กว่าจะได้ประโยคนี้มาเป็นถ้อยคำอมตะ
เป็นถ้อยคำอันสว่าง ที่จะทำให้ชีวิตของเราและทุกคนในโลก สว่างตามไปด้วยอย่างมั่นใจ
ท่านต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันทีเดียว กว่าจะได้ประโยคนี้มา คือคำว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ
คำนี้สำคัญนัก
ที่ท่านมายืนยันว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ ทำให้เรามั่นใจในการที่จะทุ่มเทชีวิตจิตใจ
ประกอบความเพียรอย่างกลั่นกล้า อย่างถูกหลักวิชชา แล้วก็สามารถเข้าถึงได้
เพราะฉะนั้น วันนี้ก็ต้องนึกถึงท่านให้ดี
นึกถึงภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่ รูปหล่อทองคำ ไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ประคองใจให้หยุดนิ่งๆ นุ่มๆ อย่างเบาๆ สบายๆ ด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ ว่า
สัมมาอะระหังๆ
จำภาพหลวงปู่ทองคำไว้อย่างสบายๆ
ผ่อนคลาย นึกถึงภาพหลวงปู่ทองคำอย่างง่ายๆ อย่างสบายๆ ด้วยความเคารพ เลื่อมใส
เทิดทูน บูชาท่าน ที่ท่านได้สละชีวิตว่า ไม่ได้ตายเถอะ
ถ้าไม่ได้บรรลุธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุ ก็จะไม่ลุกจากที่ จะยอมตายเพราะฉะนั้น
เราก็ต้องนึกถึงท่านด้วยความเคารพ เลื่อมใส เทิดทูน บูชา ด้วยใจที่สูงส่ง สะอาด
บริสุทธิ์ แต่ให้นึกเบาๆ อย่างผ่อนคลาย
นึกถึงภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองคำ
เป็นตัวแทนของท่าน ให้ท่านหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา อย่างเบาๆ สบายๆ พร้อมกับประคองใจด้วยบริกรรมภาวนาสัมมาอะระหังๆ
เรื่อยไป จนกว่าจะถึงเวลาอันสำคัญ ที่เราจะได้พร้อมใจกันกล่าวคำไหว้ครูวิชชาธรรมกาย
บูชาธรรมท่าน ตอนนี้ประคองใจไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ ใจเย็นๆ
การเข้าถึงธรรมของหลวงปู่พระผู้ปราบมาร
ให้นึกถึงท่านไปเรื่อยๆ
นึกถึงประวัติชีวิตที่ท่านเล่าให้ฟังด้วยตัวของท่านเอง วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
กลางพรรษา ๑๒ ที่วัดโบสถ์บน บางคูเวียง จังหวัดนนทบุรี ท่านตั้งสัตยาธิษฐาน “ไม่ได้ตายเถอะ” แล้วท่านก็ทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง
ใจนิ่งอย่างเดียว ด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยวเหนือความรู้สึกกลัวตาย เหนือมรณภัย
ท่านนิ่งอย่างเดียว
จนกระทั่งท่านเห็นไปตามลำดับ เมื่อใจของท่านตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน
ดวงธรรมก็ลอยขึ้นมา เป็นดวงใสๆ กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว
ใสเหมือนกับเพชร สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน มาพร้อมกับความสุขอันยิ่งใหญ่ ไม่มีประมาณ
ความบริสุทธิ์ของใจที่เกลี้ยงๆ ไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้ง แล้วก็นิ่งไปในกลางดวงนั้น
อย่างผ่อนคลาย มีความสุข ปีติสุขหล่อเลี้ยงใจ นิ่งอย่างเดียว ไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
แล้วท่านก็เข้าถึงกายในกาย
ท่านเล่าให้ฟังว่า เบื้องต้นท่านเข้าถึงกายต่างๆ
๕ กาย คือ กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม แล้วก็เข้าถึงกายธรรม
กายต่างๆ นั้น ซ้อนซึ่งกันและกัน เป็นชั้นๆ เข้าไป กายภายในซ้อนอยู่ในกายภายนอก
แล้วก็มีกายภายในซ้อนอยู่ในกายภายใน เป็นกายมนุษย์ละเอียดซ้อนอยู่ในกายมนุษย์หยาบ
กายทิพย์ซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด กายรูปพรหมซ้อนอยู่ในกลางกายทิพย์
กายอรูปพรหมซ้อนอยู่ในกลางกายรูปพรหม กายธรรมซ้อนอยู่ในกลางกายอรูปพรหม เห็นชัด ใส
แจ่ม ว่ากายในกายเป็นอย่างนี้
กายที่สำคัญที่สุดซึ่งเป็นตัวพระรัตนตรัย คือ กายธรรม
มีลักษณะสวยงามมาก ใสบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว คือ ใสเกินความใสใดๆ
ในโลก สวยงามเกินความสวยใดๆ ในโลก มีเกตุเป็นดอกบัวตูม อยู่ในอิริยาบถสมาธิ
และก็มีเนมิตกนาม คือ ถ้อยคำที่เกิดมาพร้อม กับการที่เห็นกายองค์พระเกตุดอกบัวตูมนี้ว่า
นี่คือ ธรรมกาย เป็นเนมิตกนาม นามที่เกิดขึ้นมาพร้อมกัน ผุดผ่านมาตรงกลาง
ท่านรู้จักพระธรรมกายในวันนี้
ในยามดึกค่อนคืน แล้วท่านก็รำพึงเหมือนอุทานอยู่ในใจว่า “มันยากอย่างนี้นี่เอง ใจต้องหยุดนิ่งถูกส่วน
ดับแล้วจึงเกิด” คือ ต้องดับวูบไปตรงกลาง แล้วจึงเกิดเป็นดวงใสๆ
แล้วก็เข้าเห็นกายในกาย จนกระทั่งมาถึงกายธรรม
ความรู้แจ้งก็เกิดจากการเห็นแจ้งด้วยความแจ่มแจ้งว่า นี่คือหนทางแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วท่านก็ทบทวน
โดยหยุดนิ่งอยู่ในกลางกายธรรม นิ่งอย่างเดียวไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้ เพราะว่าเพิ่งบรรลุใหม่ๆ
เกรงว่ามันจะหายไป มันจะไม่มั่นคง ใจท่านก็นิ่งอย่างเดียว อย่างสบายๆ
ด้วยปีติสุขที่หล่อเลี้ยงใจ ใจก็ยิ่งนิ่งแน่น นิ่ง มีความปีติและก็ภาคภูมิใจว่า เราได้บรรลุธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรลุแล้ว
แม้เป็นเพียงเบื้องต้น
แต่ก็ได้เข้าถึงพระธรรมกาย เข้าถึงพุทธรัตนะ เข้าถึงธรรมรัตนะ เข้าถึงสังฆรัตนะ
เข้าถึงพระรัตนตรัยที่แท้จริง ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นไม่ใช่
นิ่งอย่างนั้นทั้งคืน อยู่ในกลางองค์พระธรรมกาย สว่าง บริสุทธิ์ สดใส เบิกบาน
แจ่มแจ้ง ใจนิ่งอย่างเดียว
เพราะฉะนั้น วันนี้จึงเป็นวันสว่างของชีวิตท่าน
และของมวลมนุษยชาติ ที่ท่านเป็นพยานยืนยันในการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และภายหลังจากนั้น ท่านก็ศึกษาค้นคว้าเรื่อยไป หยุดนิ่งเรื่อยไปในกลางองค์พระธรรมกายตลอดพรรษานั้น
แล้วก็เห็นไปตามลำดับ ศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใกล้ออกพรรษา
ท่านก็มีความรู้สึกประดุจมหากรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อยากให้มีผู้มีบุญได้บรรลุธรรมตามท่าน
ท่านก็ตรวจตราด้วยธรรมกาย
ด้วยธรรมจักขุของพระธรรมกาย และด้วยญาณทัสสนะของพระธรรมกายที่ไม่มีอะไรกำบัง ก็มองเห็นในญาณทัสสนะอันบริสุทธิ์ของท่านว่า จะมีผู้บรรลุธรรมกายเหมือนที่ท่านได้บรรลุนี้
มีอยู่หลายท่าน อยู่ที่วัดบางปลา เพราะฉะนั้นท่านก็ตั้งใจมั่นทีเดียวว่า ออกพรรษาแล้ว
รับกฐินแล้ว จะเดินทางไปโปรดบุคคลที่เห็นอยู่ในญาณทัสสนะ แล้วก็เป็นจริงอย่างนั้น
ทั้งหน้าตาผู้คน จำนวนผู้คนที่จะบรรลุธรรมกายตามท่าน ก็เป็นไปอย่างที่ท่านได้เห็นด้วยธรรมจักขุของพระธรรมกาย
และด้วยญาณทัสสนะของท่าน
ท่านได้เทศน์สอนธรรมะปฏิบัติเป็นครั้งแรก
และทุกท่านเหล่านั้นซึ่งเป็นประดุจนักเรียนรุ่นแรกก็ได้บรรลุธรรม เข้าถึงพระธรรมกายตามท่าน ท่านก็ทำอย่างนี้เรื่อยมา ทั้งศึกษา เรียนรู้
แล้วก็เทศนาสั่งสอนด้วย เป็นทั้งครู เป็นทั้งนักเรียน เรียนรู้เรื่องธรรมกาย
จนกระทั่งได้มาอยู่ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ
ก็ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายด้วยตัวของท่านเอง ด้วยองค์พระธรรมกาย เพราะวิชชาธรรมกายต้องศึกษาด้วยพระธรรมกายเท่านั้น จึงจะรู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกาย ศึกษาเรื่อยมาตลอดเวลา มีความเพียรอย่างกลั่นกล้าทุกวันทุกคืน ทั้งวันทั้งคืน ใจต้องมั่นนิ่งแน่นอยู่ในธรรมกาย
แล้วท่านก็ได้รู้เรื่องราวเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ถึงเรื่องราวของพญามาร
และการบังเกิดของท่านที่มาเกิดเพื่อที่จะสู้รบปรบมือกับพญามาร ท่านเห็นว่ามารเป็นเรื่องที่สำคัญนัก
ยิ่งใหญ่นัก สรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลายถูกมารบังคับบัญชาทั้งสิ้น ทั้งมนุษย์ ทั้งทิพย์
ทั้งธรรม ตลอดอากาศโลก ขันธโลก ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล นิพพานถอดกาย
ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย
ท่านทุ่มเทชีวิตจิตใจ
ศึกษาเรียนรู้ สั่งสอน จนได้รวบรวมทีมขึ้นมาสู้รบปรบมือกับพญามาร ซึ่งมีคุณยายอาจารย์ของเราเป็นคนหนึ่งในนั้น คือ
คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
แล้วก็ปราบมารเรื่อยมา ทั้งเทศนาสั่งสอน แล้วก็ปราบมารไปด้วย
แต่เรื่องการปราบมารนั้น
ท่านจะสอนและสู้รบปรบมือกับพญามาร เฉพาะผู้ที่ท่านคัดเอาไว้อยู่ในโรงงานทำวิชชา ท่านใช้คำว่า
โรงงานทำวิชชา เหมือนโรงงานที่ผลิตวัสดุสิ่งของต่างๆ
แต่นี่ผลิตวิชชาที่จะสู้รบปรบมือกับพญามาร ทำอย่างนี้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น
๒ กะ ชุดหนึ่งกลางวัน ๖ ชั่วโมง
กลางคืนอีก ๖ ชั่วโมง ไม่ให้ขาดตอนเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ทำอย่างนี้จนกระทั่งหมดอายุขัย ทั้งเทศน์สอนให้คนบรรลุธรรมกาย
ก็มีผู้บรรลุธรรมกายกันมากมาย จนกระทั่งท่านมรณภาพ วิชาความรู้ของท่านจึงตกทอดผ่านศิษยานุศิษย์ของท่าน
ซึ่งมีคุณยายอาจารย์ของเราเป็นต้น จนกระทั่งมาถึงพวกเราในวันนี้
เพราะฉะนั้น ท่านจึงมีพระเดชพระคุณกับเราอย่างมาก
ถ้าหากไม่มีการบังเกิดขึ้นของท่านด้วยรูปกายเนื้อ ไม่มีการบังเกิดขึ้นในเพศสมณะ
ไม่มีการบังเกิดขึ้นด้วยธรรมกาย ในวันนี้
เราก็ไม่อาจที่จะปฏิบัติได้อย่างถูกต้องร่องรอยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความมั่นใจ
ท่านจึงเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ที่ทำให้เราเกิดมารู้จักเป้าหมายของชีวิตว่า
เกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายชีวิต แล้วจะไปสู่เป้าหมายของชีวิตนั้นได้อย่างไร
ดังนั้นก่อนที่เราจะพร้อมใจกัน
กล่าวคำไหว้ครูวิชชาธรรมกาย ให้ลูกทุกคน หยุดใจ นิ่งๆ นุ่มๆ
อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ดังกล่าว นึกถึงภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองคำไปเรื่อยๆ
พร้อมกับภาวนาสัมมาอะระหังๆๆๆ เรื่อยไป ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
(ปฏิบัติธรรม)
เมื่อกาย วาจา ใจเราใสสะอาดบริสุทธิ์ดีแล้ว ต่อจากนี้ไปเราจะได้พร้อมใจกันประกอบพิธีไหว้ครูวิชชาธรรมกาย
ให้ลูกทุกคนนั่งพับเพียบ หลับตาพนมมือขึ้นพร้อมๆ กันนะจ๊ะ
(กล่าวคำบูชาครูวิชชาธรรมกาย,
อธิษฐานจิตและแผ่เมตตา)
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565