อวิชชา
วันอาทิตย์ที่ ๑๙ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๕๓ (๐๙.๐๐ -
๑๑.๐๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกัน ทุกๆ คนนะลูกนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย
มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวา จรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูกพอสบายๆ
ไม่ถึงกับปิดสนิท อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา หลับพอสบายๆ สำคัญนะลูกนะ แล้วก็ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายของเรา
ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆ
ปรับใจ
แล้วก็ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น
ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
เรื่องคน เรื่องสัตว์ สิ่งของ ธุรกิจการงาน บ้านช่อง การศึกษาเล่าเรียน
เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ต้องทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง โดยพิจารณาไปตามความเป็นจริงของสรรพสัตว์
และสรรพสิ่งทั้งหลายว่า ไม่มีสาระแก่นสารอะไรทั้งสิ้น
อาศัยอยู่แค่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว และทุกสิ่งก็บังเกิดขึ้น ตั้งอยู่
แล้วก็เสื่อมสลายไปในที่สุด แม้แต่ร่างกายของเราเองก็เช่นเดียวกัน ชีวิต
ทรัพย์สินทุกอย่าง เมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ไปสู่จุดสลาย นี่เป็นสัจธรรมของสรรพสัตว์
และสรรพสิ่งทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น เมื่อถึงวาระที่สำคัญ
ที่เราจะเจริญสมาธิภาวนา แสวงหาหนทางมรรคผลนิพพาน
หรืออย่างน้อยแสวงหาพระรัตนตรัยภายในตัวของเรา ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
เราก็ต้องทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง
วางใจ
แล้วก็รวมใจกลับไปหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรานะจ๊ะ
ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
โดยสมมติว่า
เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง จากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง
ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม
เหนือจุดตัดนี้ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่หยุดใจของเราที่สำคัญทีเดียว
ที่นอกเหนือจากเป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ ที่ตื่น ของเราแล้วนี่ ยังเป็นต้นทางไปสู่อายตนนิพพาน
ที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกๆ พระองค์
เมื่อท่านทิ้งทุกอย่าง
ปล่อยวางทุกสิ่งแล้ว ใจของท่านก็จะมาหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ตรงนี้ นิ่งอย่างเดียว ไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้ ตั้งแต่เบื้องต้น จนกระทั่งท่านเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นพระอรหันตสาวกทั้งหลาย ท่านนำใจมาหยุดนิ่งอย่างเดียวที่ฐานที่ ๗ ตรงนี้นะจ๊ะ
เพราะฉะนั้น ตำแหน่งที่หยุดใจของเราตรงนี้สำคัญมาก
ที่พญามารกันนักกันหนา ไม่อยากให้เรานำใจมาหยุดนิ่งตรงนี้ได้ เพราะกลัวการเห็นแจ้งรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งหลายจะบังเกิดขึ้นกับเรา
และก็จะหลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร
อวิชชา
เขาพยายามตรึงใจของเรา
หรือดึงใจของเราหลุดออกจากตำแหน่งตรงนี้ ไปติดในเรื่องราวของโลกภายนอก
ติดเรื่องรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ คน สัตว์ สิ่งของ เป็นต้น ที่เรียกว่า
นิวรณ์ทั้ง ๕ ดึงใจเราหลุดออกไป
แล้วก็ตรึงติดกับสิ่งเหล่านั้น แถมเอาธาตุปิดธาตุบัง
มาปิดบังใจของเราตรงนั้นเอาไว้ ไม่ให้ติดกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
เราจึงไม่รู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตของเรา ไม่รู้เรื่องราวสรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลาย
ไม่รู้จักว่า ความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต
และจะไปสู่เป้าหมายของชีวิตนั้นได้อย่างไร ธาตุปิดธาตุบังก็มาบดบังตรงนี้
ที่เราคุ้นเคยกับคำว่า อวิชชา
เพราะฉะนั้น ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้
เป็นตำแหน่งสำคัญที่ลูกทุกคน จะต้องเอาไว้ให้ดี
จะต้องเอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ ถ้าใจมาหยุดนิ่งตรงนี้ได้เมื่อไร อวิชชาก็จะถูกเปลี่ยนเป็นวิชชา
ความไม่รู้ก็จะเปลี่ยนมาเป็นความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้ง วิชชาและอวิชชาเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน
ถ้าใจไม่หยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ ก็ไปติดกับอวิชชา ถูกอวิชชาบังคับเอาไว้
ถ้าใจถูกตรึงให้ติดกับฐานที่ ๗ ตรงนี้ วิชชาก็บังเกิดขึ้น
เช่น วิชชา ๓ วิชชา ๘ เป็นต้น คือ ทำให้เรากระจ่างแจ้งเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตของเรา
และทำให้เราได้ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ปิดอบาย ไปสวรรค์ และก็มีความสุขในปัจจุบัน
เป็นสุขที่แท้จริงที่เราไม่เคยเจอมาก่อนเลย อีกทั้งเป็นสิ่งที่เราก็แสวงหามาตลอดชีวิตของเราที่ผ่านมา
เตรียมกาย วาจา ใจ รองรับบุญใหญ่
วันนี้เป็นวันพิเศษ
ที่เราจะต้องประกอบกิจกรรมงานบุญใหญ่ ตั้งแต่ปิดทองรูปเหมือน รูปหล่อทองคำของพระเดชพระคุณหลวงปู่
พระผู้ปราบมาร และประกอบพิธีฟั่นเชือก เพื่อให้เป็นสายสมบัติ เชื่อมโยงติดตาม
ตามติดสร้างบารมีกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมารของเรา
เช้านี้ ให้ลูกทุกคนตั้งใจให้เป็นพิเศษนะลูกนะ
ต้องทำใจของเราให้เกลี้ยงๆ ปราศจากมลทินของใจ ไม่ติดเรื่องโลกภายนอก เราจะต้องชำระกาย
วาจา ใจ ของเราให้ใส ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ใจของเราจะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้
เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ต้องทำใจให้ใสๆ ให้เกลี้ยงๆ ทั้งวัน
ใช้ทุกอนุวินาทีในวันนี้ ให้มีคุณค่าอย่างสูงส่ง สมกับที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์
มาพบพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย และกำลังจะมาสร้างบุญใหญ่กับพระเดชพระคุณหลวงปู่ของเรา
พระผู้ปราบมาร ซึ่งเป็นบุคคลอันเลิศที่หาได้ยากอย่างยิ่ง
ดังที่เราพอจะเข้าใจรู้จักท่านบ้าง
เพราะฉะนั้น เช้านี้ นำใจกลับมาหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ จำง่ายๆ ว่า อยู่ในบริเวณกลางท้องของเรา
ที่เรามั่นใจว่า นี่คือศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ แต่ก็ไม่ถึงกับกังวลเกินไปว่า มันจะตรงเป๊ะไหม
เพราะฐานที่ ๗ นั้น จะเห็นได้แจ่มแจ้งจริงๆ เมื่อใจหยุดนิ่งได้อย่างสมบูรณ์
แต่ตอนนี้เรากำลังประคับประคองใจให้หยุดนิ่งอยู่ เราก็ประมาณเอาว่าอยู่แถวๆ
บริเวณกลางท้อง ทำอย่างนี้ไปก่อน
บริกรรมนิมิต
เนื่องจากวันนี้มีบุญใหญ่เกี่ยวเนื่องกับพระเดชพระคุณหลวงปู่
ให้ลูกทุกคนจำภาพรูปหล่อทองคำของพระเดชหลวงปู่ และน้อมไว้ในกลางกายฐานที่ ๗
ของเรานะจ๊ะ ให้ท่านหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา อย่างสบายๆ
สำหรับผู้ที่ได้เห็นดวงธรรมใสๆ แล้ว
เราก็นึกน้อมรูปหล่อทองคำพระเดชพระคุณหลวงปู่อยู่ในกลางดวงธรรมใสๆ ของเรา ส่วนใครที่เข้าถึงองค์พระแล้ว
จะอาราธนาองค์พระให้ขยายออกใหญ่ขึ้น และก็น้อมรูปหล่อทองคำพระเดชพระคุณหลวงปู่
ไว้ในกลางองค์พระด้วยก็ได้ หรือใครยังไม่ถึงจุดนั้น เราก็นึกถึงภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่รูปหล่อทองคำนี้
อย่างเบาๆ สบายๆ ใจเย็นๆ
ถ้าเราคุ้นเคยกับดวงแก้วกายสิทธิ์
แก้วของขวัญของคุณยายฯ เราจะน้อมดวงแก้วนั้นไว้อยู่ในกลางหลวงปู่ทองคำนี้อีกด้วยก็ได้
เพื่อขอบารมีท่าน ทำความศักดิ์สิทธิ์เพิ่มอานุภาพให้แก่แก้วกายสิทธิ์
ซึ่งเป็นของขวัญของคุณยายให้แก่ลูกหลาน ก็ยิ่งดีนะจ๊ะ
ทั้งหมดนี้ ลูกทุกคนสามารถเริ่มต้นจากจุดไหนก่อนก็ได้ ให้เริ่มทำ ณ จุดที่ง่ายๆ สำหรับตัวของเราก่อน
หลายๆ สิ่งที่กล่าวมานี้ สิ่งไหนเราทำได้ง่าย เราก็ทำสิ่งนั้นไปก่อน เดี๋ยวสิ่งทั้งหลายทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้
จะมารวมประชุมอยู่ที่เดียวกัน ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ เหมือนท้องทะเลมหาสมุทรเป็นที่รวมของน้ำจากห้วย
หนอง คลอง บึง อย่างนั้นแหละ ก็ไหลมารวมกันอยู่ในที่เดียว
เพราะฉะนั้น อย่าสับสนนะลูกนะ เริ่มต้นจากอย่างใดอย่างหนึ่งไปก่อน
อย่างง่ายๆ อย่างสบายๆ ผ่อนคลาย แล้วก็ใจเย็นๆ สำคัญนะลูกนะ อย่าฟังผ่านไปเฉยๆ
สำคัญมาก ต้องผ่อนคลาย ทำใจใสๆ ให้เยือกเย็น
นึกถึงสิ่งดังกล่าวที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดอย่างใดอย่างหนึ่งที่ง่ายๆ
เริ่มจากจุดนั้นไปก่อน
บริกรรมภาวนา
พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่ง
ด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ โดยให้เสียงคำภาวนานั้น ดังออกมาจากในกลางท้องของ
ไม่ใช่ที่สมอง ฝึกให้คุ้นเคย ให้ดังออกมาจากในกลางท้องของเรา
เหมือนเป็นเสียงที่ละเอียดอ่อน ก้องกังวานดังออกมาจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์
แหล่งแห่งอานุภาพอันไม่มีประมาณ ที่อยู่ลึกๆ ไกลๆ โน้น
ผ่านกลางท้องของเรามายังศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ แล้วก็ประคองใจว่า
สัมมาอะระหังๆ
กี่ครั้งก็ได้ะ จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง หรือจนกว่าเราอยากอยู่เฉยๆ
ไม่อยากจะภาวนาต่อไปอีกแล้ว อยากอยู่เฉยๆ หยุดใจนิ่งเฉยๆ อยากนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ อย่างนี้อย่างเดียว
ถ้าเกิดความรู้สึกอย่างนี้ ก็ไม่ต้องภาวนา สัมมาอะระหัง ต่อไป แต่ว่าเมื่อใดใจของเราฟุ้งไปคิดเรื่องอื่น
เราจึงย้อนกลับมา สัมมาอะระหัง ใหม่ ต้องประคับประคองใจกันไปอย่างนี้นะจ๊ะ
สำหรับผู้มาใหม่ ก็ทำง่ายๆ จะวางใจนิ่งเฉยๆ
แล้วภาวนา สัมมาอะระหัง ไปเรื่อยๆ อย่างนี้อย่างเดียวก็ได้ หรือจะนึกถึงของใสๆ
เช่น ก้อนน้ำแข็งสักก้อนหนึ่ง เพชรสักเม็ดหนึ่ง ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือดวงดาว
อย่างไหนง่ายสำหรับเรา คือ นึกแล้วสบายใจ นึกแล้วผ่อนคลาย เราเป็นนักเรียนใหม่ก็เริ่มต้นจากตรงนี้ไปก่อนนะจ๊ะ
ทำตรงนี้อย่างง่ายๆ สบายๆ แล้วก็ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ ประคองใจไปเรื่อยๆ สัมมาอะระหังๆๆ
ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ เบาๆ สบายๆ ใจใสๆ ใจเย็นๆ
วันนี้เป็นวันที่เนื่องด้วยกิจกรรมงานบุญกับพระเดชพระคุณหลวงปู่
เราก็อยู่ในสายตาของท่าน ตรงกลางกายของท่าน ท่านกำลังคุมธรรมะ กำลังคุมบุญให้กับพวกเรา
กำลังกลั่นใจของเราให้ใสๆ
กลั่นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณ อากาศธาตุ
ของเราให้ใสๆ ท่านอยากให้พวกเราได้บุญใหญ่กับท่าน ได้มีสมบัติอัศจรรย์ทันใช้สร้างบารมี
ให้สมหวังดั่งใจทุกสิ่ง ให้เข้าถึงธรรมกายเหมือนที่ท่านได้เข้าถึง
เพราะฉะนั้น ทุกอนุวินาที
ต้องทำให้ถูกหลักวิชชาอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างง่ายๆ อย่าไปสับสนว่า เราจะเอาอย่างไหน
อย่างไหนก็ได้ เพราะว่าผู้ที่นั่งเจริญสมาธิภาวนาตอนนี้ มีทั้งผู้ที่นั่งมาก่อนแล้ว
คุ้นเคยแล้ว กับมีทั้งผู้มาใหม่ ดังนั้นเราก็ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
อย่าไปสับสนนะลูกนะ
วัตถุประสงค์ต้องให้ใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้
ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างสบายๆ ใจใสๆ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็เห็นภาพภายใน
เห็นแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว ที่เราหลับตาแล้วเราไม่มืด
เราจะอัศจรรย์ใจตัวเราเองว่า มีสิ่งที่อยู่ภายในที่สลับซับซ้อนกันอีกเยอะ
ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย และทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเราสำคัญทั้งสิ้น
เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในอนาคต ทั้งในสังสารวัฏ
เช้านี้ อากาศกำลังสดชื่น เย็นสบาย ไม่ร้อน
ไม่หนาว ไม่อ้าว เหมาะสมที่ลูกทุกคนซึ่งเป็นผู้มีบุญ
จะได้ประกอบความเพียรให้กลั่นกล้า อย่างถูกหลักวิชชา ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
มาพบพระพุทธศาสนา พบวิชชาธรรมกาย เพราะฉะนั้นให้ใช้ทุกอนุวินาทีต่อจากนี้ไป
ฝึกใจให้หยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจ
ในการเข้าถึงพระธรรมกายทุกๆ คนนะลูกนะ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565