นักธุดงค์มืออาชีพ
วันศุกร์ที่ ๓๐
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ (๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น.)
นำนั่งสมาธิธุดงค์ปีใหม่ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
เมื่อเราสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกัน ทุกๆ คนนะลูกนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย
มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูก พอสบายๆ
คล้ายกับตอนที่เรากำลังใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา
ปรับใจ
แล้วก็ทำใจของเรา ให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจของเราให้มันว่างๆ ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจว่างๆ
วางใจ
แล้วก็รวมใจไปหยุดนิ่ง ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ รวมใจหยุดไปนิ่งๆ
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ทำใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาดบริสุทธิ์ ผ่องใส
บริกรรมนิมิต
แล้วก็กำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมาในใจ จะเป็นดวงแก้วใสๆ
เหมือนกับเพชรที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย ขนาดไหนก็ได้ จะเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ
หรือจะขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ หรือพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันก็ได้
กำหนด คือ นึกถึงภาพอย่างสบายๆ คล้ายๆ
เรานึกถึงภาพ หรือสิ่งที่เราคุ้นเคย ค่อยๆ นึกไปอย่างสบายๆ อย่าไปบีบไปเค้นภาพขึ้นมา
ระลึกนึกถึงคล้ายๆ กับเรามีความทรงจำภาพเหล่านี้ได้แค่ไหน เราก็เอาแค่นั้นไปก่อน
หรือใครถนัดนึกถึงองค์พระ นึกถึงพระแก้วใสๆ
ขนาดใหญ่เล็กก็แล้วแต่ใจเราชอบ ให้ท่านนั่งขัดสมาธิ เจริญสมาธิภาวนา หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา
ถ้าถนัดนึกองค์พระ เราก็นึกองค์พระ ถนัดนึกถึงดวงแก้ว เราก็นึกถึงดวงแก้ว อย่างสบายๆ
เอาอย่างเดียวนะลูกนะ
บริกรรมภาวนา
แล้วก็ประคองใจด้วยบริกรรมภาวนา
ในใจเบาๆ สบายๆ ให้เสียงคำภาวนาดังออกมาจากในกลางท้องของเรา สัมมาอะระหังๆๆ ดังออกมาจากในกลางท้องของเรา
กลางบริกรรมนิมิต ที่เรากำหนดขึ้นมานึกขึ้นมา จะเป็นดวงใส หรือพระแก้วใสๆ
อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
ภาวนาไปอย่างนี้เรื่อยๆ
จนกว่าใจจะหยุดจะนิ่ง แล้วมันก็จะทิ้งคำภาวนาไปเอง คือเกิดความรู้สึกว่า ไม่อยากจะภาวนาต่อไป
อยากจะอยู่เฉยๆ หยุดนิ่งเฉยๆ ถ้าเกิดความรู้สึกอย่างนี้ เราก็ไม่ต้องย้อนกลับมาภาวนาใหม่
แต่ว่าเมื่อใดใจฟุ้งไปคิดเรื่องอื่น เราจึงย้อนกลับมาภาวนา สัมมาอะระหัง
สมาธิจำเป็นสำหรับทุกคน
การทำสมาธิภาวนา ไม่ได้ยากมากอย่างที่ลูกบางคนเข้าใจ
แล้วก็ไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ทำให้เป็นบ้า ไม่ทำให้นั่งแล้วตายไปเลย หรือเห็นสิ่งที่น่ากลัว
ทำให้ตกอกตกใจ และก็ไม่ผูกขาดเฉพาะพระภิกษุ ผู้ที่ออกเดินธุดงค์ แต่สมาธิมีความจำเป็นสำหรับทุกๆ
ชีวิตในโลก เพราะเป็นวิธีรวมใจให้หยุดให้นิ่ง ให้ใจตั้งมั่น สงัดจากกามและอกุศลธรรม
ให้ใจเป็นหนึ่งมีอารมณ์เดียว ที่เป็นกุศล
เพราะฉะนั้น ทุกคนสามารถทำได้ ถ้าหากว่าไม่สูญเสียระบบความรับรู้ของจิตประสาท
ระบบประสาท เราสามารถทำได้ และทุกคนก็ต้องทำอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน โดยนำเอาสมาธิไปใช้กับธุรกิจการงาน
กิจกรรมต่างๆ แต่ว่าสมาธิเหล่านั้น เป็นสมาธิในระดับพื้นผิว ยังไม่ใช่ สัมมาสมาธิ ในระดับที่จะทำให้เราดับทุกข์ได้ หรือเข้าถึงความสุขที่แท้จริงภายใน
จนกระทั่งดิ่งเข้าไปถึงพระรัตนตรัยในตัว ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเรา
เราทำสมาธิ เรามีวัตถุประสงค์เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
เข้าถึงที่พึ่งที่ระลึกได้แล้ว ท่านมีธรรมจักขุ มีญาณทัสสนะ จะทำให้เราได้รู้เห็นอะไรไปตามความเป็นจริง
และเราก็จะเบื่อหน่ายในความทุกข์ของชีวิต ที่มีสาเหตุจากกิเลสอาสวะ มันบังคับให้เรามีความทุกข์ทรมาน
ก็จะถึงขั้นที่เราอยากจะดับทุกข์ โดยการขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป
อยู่ธุดงค์เพื่อกำจัดกิเลส
วันนี้เรามาอยู่ธุดงค์กัน
เรามีวัตถุประสงค์ที่จะมาขจัดกิเลสอาสวะ เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
เพื่อสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์ เท่าที่เราจะทำได้ตามกำลังแห่งบารมีของเรา
เพราะฉะนั้น เช้านี้อากาศกำลังสดชื่น กำลังเบิกบาน เย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป
เหมาะที่ลูกทุกคนจะทำความเพียร
ให้ลูกทุกคนวางใจหยุดนิ่งๆ เบาๆ สบาย
หยุดใจกันไปอย่างสบายๆ นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ ไม่ต้องคิดอะไร นอกจากบริกรรมนิมิตกับบริกรรมภาวนา
หรือเราจะไม่กำหนดอะไรเลยก็ได้ รวมใจมาหยุดนิ่งเฉย ให้หยุด ให้นิ่ง นุ่ม เบา สบาย แม้ยังไม่มีอะไรมาให้เราดูก็ตาม
ก็ให้หยุดนิ่ง เฉยๆ เบาๆ สบายๆ
ประสบการณ์ภายใน
การที่ยังไม่มีอะไรใหม่มาให้เราดู
ไม่ได้แปลว่า เราฝึกสมาธิไม่ได้ผล ไม่ใช่อย่างนั้น ทุกครั้งที่เราหลับตา ฝึกใจให้หยุดนิ่งนี้
ใจจะถูกกลั่นให้บริสุทธิ์ไปเรื่อยๆ อย่างที่เราไม่รู้ตัวเลย จะถูกยกให้สูงส่งขึ้นไปเรื่อยๆ
จิตจะค่อยๆ เริ่มมีคุณภาพ สะอาดบริสุทธิ์ไปเรื่อยๆ
จนถึงจุดที่เป็นความบริสุทธิ์ที่ชัดเจน
ซึ่งจะเกิดขึ้นกับกายและใจของเรา คือ เราจะเริ่มรู้สึกว่า ตัวมันโล่ง ไม่อึดอัด ไม่คับแคบ
มันโปร่ง มันเบา ไม่หนัก มันสบาย คือ ไม่ปวด ไม่เมื่อย แล้วมันจะโล่ง โปร่ง เบา
สบาย ตัวก็จะขยายไปเหมือนลูกโป่งที่ถูกอัดลมเข้าไป ขยายกระทั่งกลมกลืนไปกับบรรยากาศ
เหมือนเราไม่มีน้ำหนัก ไม่มีตัวตน แล้วใจก็จะนิ่ง นุ่ม เบา สบาย เป็นประสบการณ์ที่นำมาซึ่งความพอใจให้กับเรา
ซึ่งเราไม่เคยเจอในชีวิตประจำวัน ก่อนที่เราจะฝึกสมาธิปฏิบัติธรรม
แล้วความสุขก็จะเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อยๆ
ตามกำลังแห่งความหยุดนิ่ง ใจจะเกิดความพึงพอใจที่จะหยุดจะนิ่งจะเฉยๆ เพิ่มขึ้น จนความนิ่งมันแน่น
แน่นแต่ไม่อึดอัด คือ มีความนิ่งที่ไม่เขยื้อน ไม่เคลื่อนออกไปภายนอก แต่จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายใน
ซึ่งเป็นหนทางของพระอริยเจ้า เคลื่อนเข้าไปถึงพระรัตนตรัยในตัว แล้วก็จะได้เรียนรู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต
จากการที่เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว หรือว่า ธรรมกาย
นั่นแหละ เพราะฉะนั้น ให้ลูกค่อยๆ ประคับประคองใจไปกันปรับให้มันพอดีๆ ทั้งกายและใจ
พอดีนี่ ให้สังเกตที่เรามีความพอใจที่จะวางใจอย่างนี้
ไปเรื่อยๆ นานๆ โดยไม่คำนึงถึงว่า จะเห็นอะไร
หรือมีอะไรมาให้เห็น มันจะเฉยๆ นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ อย่างนั้นไปเรื่อยๆ
เฉยในทุกประสบการณ์
สิ่งที่จะต้องระลึกนึกถึงต่อไปก็คือ
จะมีประสบการณ์อะไรเกิดขึ้น ซึ่งเราไม่คุ้นเคย ไม่เคยเจอ ก็อย่าไปตื่นเต้น อย่าไปตกใจกลัว
ให้ทำเฉยๆ ในทุกๆ ประสบการณ์ เหมือนผู้เจนโลกเจนชีวิต ที่ใจไม่หวั่นไหว ไม่เขยื้อนแล้ว
จงยินดีต้อนรับทุกๆ
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะหล่นลงไปเหมือนเราตกเหวลึกๆ ตกหลุมอากาศ หรือขยายวูบไป
หรือแสงสว่างมันวาบมา หรือเหมือนถูกดึง เหมือนถูกแม่เหล็กยักษ์ขนาดใหญ่เหมือนโลกดูดเข้าไปอย่างรุนแรงเลย
ก็อย่าตกใจกลัว ไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น จงทำเฉยๆ ในทุกๆ ประสบการณ์ แม้เห็นแสงสว่าง
ดวงธรรม หรือองค์พระก็อย่าลิงโลดใจ อย่าตื่นเต้นดีใจจนเกินไป เพราะมันจะไปกระทบกระเทือนกับประสบการณ์ที่ดีนั้น
ที่จะทำให้มันเลือนหายไป
หน้าที่ของเรา คือ เราจะต้องเป็นนักอยู่ธุดงค์มืออาชีพ
ที่จะต้องสงบใจนิ่ง ในทุกๆ ประสบการณ์ หยุด นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ ต่อไป ไม่ตื่นเต้น ไม่ลิงโลดใจ
ไม่ตกใจกลัวอะไร แม้ประสบการณ์บางอย่าง จะทำให้เรารู้สึกผวา คำว่า ผวา ในที่นี้ไม่ได้แปลว่า จะเจอสิ่งที่น่ากลัว ภูต
ผี ปีศาจ อะไรอย่างนั้น แต่ผวามักจะเกิดขึ้นตอนที่เราถูกดึงดูดเข้าไปสู่ภายใน อย่างรุนแรงบ้าง
อย่างกะทันหันบ้าง อย่างฉุกละหุก ซึ่งเราไม่ทันตั้งตัว จงทำเฉยๆ ในทุกๆ ประสบการณ์นะลูกนะ
เพราะลูกจะต้องเรียนรู้ในทุกๆ
ประสบการณ์ภายใน ในเส้นทางของพระอริยเจ้า ในเส้นทางแห่งความบริสุทธิ์ ในเส้นทางแห่งความหลุดพ้น
จะต้องศึกษา จะต้องเรียนรู้ ให้สมกับเราเป็นนักธุดงค์มืออาชีพ นักสร้างบารมีมืออาชีพ
ที่มุ่งเน้นในการขัดเกลากิเลสอาสวะ อะไรเกิดขึ้นก็จงเฉยๆ
หยุดนิ่งเฉยๆ รู้แล้วก็ไม่ชี้ ทำเฉยๆ ต้องอย่างนี้ แค่นี้เท่านั้น แล้วลูกจะประสบความสำเร็จในชีวิตของการเกิดมาสร้างบารมีด้วยกายมนุษย์
และการมาอยู่ในธุดงค์ช่วงสั้นนี้ ที่เราจะไม่มีวันลืมเลือนเลย นึกถึงวันใดก็จะมีแต่ความปลื้มปีติ
ยินดี ภาคภูมิใจ อย่างที่เราไม่เคยเป็นมาก่อน ปีติยินดีนั้นก็นำมาซึ่งบุญกุศลที่จะเพิ่มพูนขึ้นในทุกครั้งที่ตามระลึกนึกถึง
เช้านี้อากาศกำลังสดชื่น เหมาะสมที่ลูกผู้มีบุญทุกคนจะเข้าถึงธรรม
ให้ตั้งอกตั้งใจ ปฏิบัติธรรมตามคำแนะนำตั้งแต่เบื้องต้น ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ทุกๆ คน ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565