ดวงธรรมภายในต้นทางพระนิพพาน
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม
พ.ศ. ๒๕๔๙ (๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไป ตั้งใจให้แน่แน่ว ให้มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะลูกนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ
ค่อนลูกพอสบายๆ คล้ายๆ กับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตานะจ๊ะ
ปรับใจ
ทำใจของเรา
ให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจของเราให้ว่างๆ
แล้วก็มาสมมติว่า
ภายในร่างกายของเรานั้น ปราศจากอวัยวะ ไม่มีปอด ตับ ม้าม ไต หัวใจ ให้เป็นที่โล่งๆ
เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง เป็นที่โล่งๆ กลวงภายใน คล้ายลูกโป่ง หรือท่อแก้ว
ท่อเพชรใสๆ
วางใจ
นึกรวมใจของเราที่คิดแวบไปแวบมาในเรื่องราวต่างๆ
ในเรื่องคน สัตว์สิ่งของ ธุรกิจการงาน บ้านช่อง การศึกษาเล่าเรียน หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้
น้อมมารวมใจให้หยุดนิ่งๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ
โดยสมมติว่า
เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง จากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง
ให้เส้นด้ายทั้งสอง ตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม เหนือจุดตัดนี้ขึ้นมา
๒ นิ้วมือ เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
หรือจำง่ายๆ ว่าอยู่ในกลางท้องของเรา ในบริเวณแถวๆ นี้ ต้องเอาใจของเรามาหยุด มานิ่งอยู่ที่ตรงนี้
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ นี้ นอกจากเป็นที่เกิด เป็นที่ดับ เป็นที่หลับ แล้วเป็นที่ตื่นแล้ว ยังเป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน
ซึ่งเป็นทางหลุดทางพ้นจากกิเลสอาสวะ ดับทุกข์ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย
ท่านเริ่มต้นหยุดใจที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อยู่ที่ตรงนี้ หยุดนิ่งอย่างเดียว โดยไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ชีวิตเป็นทุกข์
หยุดนิ่งๆ
ปลดปล่อยวาง เครื่องผูกพันทั้งหมดในคน ในสัตว์ ในสิ่งของ ในเรื่องราวต่างๆ ไม่ผูกพันทั้งสิ้น
เพราะเห็นว่า ชีวิตเป็นทุกข์ สิ่งที่ผูกพันนั่นก็ไม่มีสาระแก่นสารอะไร ชีวิตก็ซ้ำๆ
ซากๆ ไม่มีอะไรใหม่ ชีวิตทุกระดับ ไม่ว่าชนชั้นล่าง ชั้นกลาง หรือชั้นสูง
ล้วนมีความทุกข์ทั้งสิ้น
ชนชั้นล่างก็ทุกข์แบบชนชั้นล่าง
ชนชั้นกลางก็ทุกข์แบบชนชั้นกลาง ชนชั้นสูงก็ทุกข์แบบชนชั้นสูง ล้วนมีทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น
แม้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ได้ปกครองในทวีปทั้งสี่ โลกทั้งสี่ รอบเขาพระสิเนรุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาและดาวดึงส์
เป็นใหญ่ที่สุดในโลก ในทวีปทั้งสี่ที่มีมนุษย์ ก็ยังมีทุกข์อยู่
ยังมีกิเลสที่อยู่ฉากหลังบังคับบัญชา
ให้มีความโลภ ความโกรธ ความหลง มีความทุกข์ทรมาน โศกเศร้าเสียใจ คับแค้นใจ
ร่ำพิไรรำพัน จากการพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักบ้าง ประสบในสิ่งที่ไม่เป็นที่รักบ้าง
หรือปรารถนาสิ่งใดก็ไม่ได้ดังใจ เป็นต้น ล้วนเป็นทุกข์ ที่นอกเหนือจากการเกิด แก่
เจ็บ ตาย ซึ่งเป็นทุกข์ประจำ
ท่านจึงหาทางหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
โดยคลายความผูกพันยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ใจก็กลับเข้ามาสู่ที่ตั้งดังเดิม
คือ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ แล้วก็หยุดนิ่งอย่างเดียว ไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ดวงปฐมมรรคต้นทางพระนิพพาน
พอถูกส่วนเข้า
ใจก็จะตกศูนย์เคลื่อนเข้าไปสู่ภายใน แล้วก็จะมีดวงธรรมลอยขึ้นมา เป็นดวงกลมๆ เหมือนดวงดาวในอากาศบ้าง
เหมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญบ้าง เหมือนพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันบ้าง หรือใหญ่กว่านี้บ้าง
หรือเหมือนฟองไข่แดงของไก่ กลมรอบตัว เหมือนดวงแก้วที่เจียระไนแล้ว
ใสบริสุทธิ์
อย่างน้อยก็เหมือนน้ำใสๆ บ้างก็เหมือนกระจกคันฉ่องที่เราส่องเงาหน้า หรือใสเหมือนกับเพชรที่เจียระไนแล้ว
หรือใสเกินกว่าความใสใดๆ ทั้งสิ้นในโลก ดวงกลมๆ นี้ คือ ต้นทางไปสู่อายตนนิพพาน เป็นธรรมเบื้องต้น
หรือความบริสุทธิ์เบื้องต้น
ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร ท่านเรียกว่า ดวงธัมมานุปัสนาสติปัฏฐาน คือ
ความบริสุทธิ์เบื้องต้น
บางครั้งเรียกว่า
ดวงปฐมมรรค แปลว่า ต้นทางไปสู่อายตนนิพพาน
ต้นทางของอริยมรรค
คือ เส้นทางของพระอริยเจ้า
ต้นทางความบริสุทธิ์หมดจรดจากสรรพกิเลสทั้งหลาย
ที่เรียกว่า วิสุทธิมรรค
ต้นทางแห่งความหลุดพ้น
จากกิเลสอาสวะทั้งปวง ที่เรียกว่า วิมุตติมรรค
คือ เส้นทางๆ เดียวเป็นทางเอกสายเดียวไม่มีสองทาง ที่จะไปสู่อายตนนิพพานมีทางเดียว
ต้นทางนี้จะเป็นดวงใสๆ
ผู้ปฏิบัติให้เข้าถึงดวงใสๆ นี้ ได้ชื่อว่า ได้มาถึงต้นทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน ที่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านเสด็จไปทางนี้แล้ว
มาถูกทางแล้ว จะปฏิบัติด้วยวิธีการใดก็ตาม ที่มีมาในวิสุทธิมรรค ๔๐ วิธี นอกเหนือวิสุทธิมรรคอีกจำนวนมาก
ปฏิบัติแล้วใจก็ต้องหยุดนิ่ง เข้าถึงดวงธรรมตรงนี้ จึงจะถูกทางของพระอริยเจ้า
เพราะฉะนั้น
ธรรมดวงนี้จึงสำคัญมาก จะต้องรักษาเอาไว้ให้ดี อย่าให้เลือนหายไป ต้องหยุดต้องนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ให้ได้ตลอดเวลาทั้งหลับตา
ลืมตา นั่ง นอน ยืน เดิน ในทุกภารกิจ ไม่ว่าจะมีภารกิจอันใดก็ตาม จะต้องทำควบคู่กันไปกับ
เข้าถึงดวงธรรม
อานิสงส์ยิ่งกว่าสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ
การตรึกนึกถึงดวงใสๆ
ที่ปรากฏเกิดขึ้นในกลางกายนี้ ความบริสุทธิ์นี้ได้มาด้วยบุญที่สั่งสมกันมาข้ามชาติ
จนกระทั่งได้มีกุศลศรัทธามาปฏิบัติ ใจจึงหยุดนิ่งได้ง่าย และก็เข้าถึงธรรมดวงนี้
ธรรมดวงใสๆ ที่ปรากฏเกิดขึ้นนี้ มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่กว่าการสร้างโบสถ์
สร้างวิหารศาลาการเปรียญ เพราะว่า โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญนั้น ยังได้ชื่อว่า แค่ทานวัตถุ
ยังเป็นบุญในระดับกามาวจร อยู่ในภพภูมิของสวรรค์ ในกามภพ ธรรมดวงนี้เป็นต้นทางของมรรคผลนิพพาน
จึงมีอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ไพศาลนัก มีบุญมากทีเดียว
หยุดต่อไปเข้าถึงกายภายใน
เมื่อเข้าถึงธรรมดวงนี้แล้ว
จงหยุดนิ่งไปเรื่อยๆ มองไปตรงกลางดวงนั้น อย่างธรรมดา สบายๆ คล้ายๆ
กับเราดูทิวทัศน์ ดูไปตรงกลางไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องไปวิเคราะห์
วิจัย วิจารณ์อะไรทั้งสิ้น ทำประหนึ่งว่า เราเป็นเด็กนักเรียนอนุบาล หยุดนิ่งเรื่อยไป
หยุด
เป็นวิธีเดียว ที่จะทำให้ได้เข้าถึงธรรมดวงนี้ และเข้าถึงกายในกาย กายมนุษย์ละเอียด
กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม กระทั่งถึงธรรมกาย ตั้งแต่ธรรมกายโคตรภู กายธรรมพระโสดาบัน
กายธรรมพระพระสกิทาคามี กายธรรมพระพระอนาคามีแล้วก็กายธรรมพระพระอรหัต
ธรรมกาย
ธรรมกาย คือ กายพุทธรัตนะ เป็นตัวพระรัตนตรัย เป็นกายผู้รู้
ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว ลักษณะมีเกตุดอกบัวตูม ตั้งบนจอมกระหม่อมที่นูนสูงขึ้นมาเป็นลักษณะมหาบุรุษ
บนพระเศียรที่เรียงรายด้วยเส้นพระศก เส้นผม ที่ขดเวียนเป็นทักษิณาวัตร อยู่บนพระวรกายที่ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ
ในอิริยาบถนั่งเจริญสมาธิภาวนา ซึ่งเป็นอิริยาบถของท่านผู้รู้ ผู้ตื่น
ผู้เบิกบานแล้ว ผู้พ้นแล้ว เว้นจากกิจอื่นที่มนุษย์ทิพย์ทำ
กายธรรมตรงนี้
คือ ตัวพระรัตนตรัย ซึ่งประกอบไปด้วยธรรมจักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา และแสงสว่าง พระรัตนตรัยนี้เป็นที่พึ่งและที่ระลึกของเรา
จะนำเราให้หลุดพ้นไปสู่ฝั่งอายตนนิพพานได้
หยุดเป็นตัวสำเร็จ
หยุดอย่างเดียวจึงจะทำให้ประสบความสำเร็จในการที่ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
และพ้นจากทุกข์ได้ เมื่อเข้าถึงดวงธรรมดวงนี้แล้ว ไม่ต้องทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้ หยุดนิ่งเรื่อยไปอย่างสบายๆ
ตามเห็นกันเรื่อยไป
มีพระอรหันต์หลายๆ
รูป ที่แค่ปลงผมเท่านั้น ใจหยุดถูกส่วนเข้า กระทั่งกิเลสกระเทาะร่อนออก เข้าถึงกายธรรมอรหัตเป็นพระอรหันต์เลย
หยุดจึงเป็นตัวสำเร็จ ดังนั้น ใครมาถึง ณ จุดตรงนี้แล้วก็ให้หยุดนิ่งเรื่อยไป
บริกรรมนิมิต-บริกรรมภาวนา
ถ้าใครมาเป็นนักเรียนใหม่
หรือเริ่มต้นใหม่ ยังเข้าไม่ถึงจุดนี้ ก็ให้กำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมา คือ สร้างภาพขึ้นมาในใจ
นึกถึงเพชรสักเม็ดหนึ่ง กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว ขนาดแล้วแต่ใจของเราจะชอบ ให้นึกอย่างสบาย
เบิกบาน นึกธรรมดาๆ ให้ต่อเนื่องกันไปอย่าให้เผลอ
พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่ง
ด้วยบริกรรมภาวนาว่า สัมมา อะระหังๆๆ ให้คำภาวนานี้เป็นเสียงที่ละเอียดอ่อน โดยไม่ใช้กำลังในการท่อง
เหมือนบทสวดมนต์ที่เราคล่องปากขึ้นใจ เป็นเสียงประหนึ่งว่า มาจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ในอายตนนิพพาน
ผ่านเข้ามาที่ศูนย์กลางกายของเรา
ในขณะที่เรากำลังนึกถึง
เพชรเม็ดนั้น หรือบริกรรมนิมิต เป็นดวงใสๆ ให้ทำอย่างนี้เรื่อยไป จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง
พอใจหยุดนิ่งถูกส่วนมันก็จะทิ้งคำภาวนาไปเอง จะมีอาการคล้ายๆ กับเราลืมภาวนา หรือไม่อยากจะภาวนาต่อไป
ถ้าเกิดความรู้สึกอย่างนี้ เราก็ไม่ต้องย้อนกลับมาภาวนาใหม่ ให้รักษาใจให้หยุดนิ่ง
อย่างนี้อย่างเดียว แค่นี้เท่านั้น
เช้านี้
อากาศกำลังสดชื่น เหมาะสมที่ลูกทุกคน ซึ่งเป็นผู้มีบุญ ที่สั่งสมมาดีแล้ว จะได้ประพฤติปฏิบัติธรรม
ก็ขอให้ได้ตั้งใจทำตามหลักวิชชา ที่ได้แนะนำเอาไว้นี้ อย่างนี้ แค่นี้ เท่านั้น ขอให้ลูกทุกคนสมความปรารถนา
ในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ทุกๆ คนนะลูกนะ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565