ปฐมมรรคต้นทางพระนิพพาน
วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มีนาคม
พ.ศ. ๒๕๔๙ (๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไป ตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะลูกนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ
ค่อนลูก พอสบายๆ คล้ายๆ กับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา
ปรับใจ
ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจของเราให้ว่างๆ
สมมติว่า
ภายในร่างกายของเรานั้นปราศจากอวัยวะ ไม่มีปอด ตับ ม้าม ไต หัวใจ เป็นต้น ให้เป็นปล่อง
เป็นช่อง เป็นโพลง เป็นที่โล่งๆ ว่างๆ กลวงภายใน คล้ายๆ ท่อแก้ว ท่อเพชรใสๆ หรือคล้ายๆ กับลูกโป่งที่เราอัดลมเข้าไป
วางใจ
รวมใจของเรา ใจที่คิดแวบไปแวบมาในเรื่องราวต่างๆ
เหล่านั้น มารวมหยุดนิ่งๆ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ
โดยสมมติว่า
หยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง จากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง
ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม เหนือจุดตัดนี้ขึ้นมา
๒ นิ้วมือ เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ซึ่งเป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ ที่ตื่นของเรา และเป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน เป็นทางเข้าไปถึงพระรัตนตรัยในตัว
ให้เราเอาใจของเรามาหยุดนิ่งๆ ที่ตรงนี้
บริกรรมนิมิต
#วิธีนึกบริกรรมนิมิต
กำหนดเครื่องหมายที่ใสสะอาด
บริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้วไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา
หรือนึกง่ายๆ ว่า มีเพชรสักเม็ดหนึ่ง กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วใสบริสุทธิ์ สว่างประดุจดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
ขนาดแล้วแต่ใจของเราจะชอบ นึกขนาดไหน แล้วรู้สึกว่าพอดี เราก็เอาขนาดนั้น
นึกให้ได้อย่างสบายๆ
คล้ายๆ กับเรานึกถึงภาพดอกบัว ดอกกุหลาบ หรือนึกเหมือนดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวในอากาศ
นึกธรรมดา ง่ายๆ สบายๆ นึกอย่างนี้เขาเรียกว่า กำหนดบริกรรมนิมิต เพื่อให้เป็นที่ยึดที่เกาะของใจเรา
ใจจะได้ไม่ซัดส่ายไปคิดเรื่องอื่น
สมมติว่าเป็นนักเรียนใหม่
ยังไม่เคยนึก อาจจะไม่ค่อยชัดเจนก็ไม่เป็นไร ชัดเจนได้แค่ไหน เราก็เอาแค่นั้น หรือจะนึกเป็นพระพุทธรูป
องค์พระแก้วขาวใส องค์พระพุทธรูปที่เรากราบไหว้บูชาทุกวัน มาแทนดวงแก้วก็ได้ โดยให้ท่านนั่งขัดสมาธิ
หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา ชอบอย่างไหน ก็อย่างนั้นเอาอย่างเดียว
หากกำหนดดวงแก้วใสๆ
เหมือนเพชร แล้วแทนที่จะเห็นดวงแก้ว กลับไปเห็นเป็นองค์พระก็ไม่เป็นไร หรือกำหนดองค์พระแล้วเห็นเป็นดวงแก้วก็ไม่เป็นไร
ดีทั้งสิ้น ให้ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ กำหนดนึกให้ต่อเนื่องกันไปอย่างสบายๆ
บริกรรมภาวนา
ประคองใจของเรา
เพื่อไม่ให้ใจไปคิดเรื่องอื่น ด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ โดยให้เสียงคำภาวนาดังออกมาจากในท้อง
กลางบริกรรมนิมิตนั้น ภาวนาในใจเบาๆ สบายๆ สัมมาอะระหังๆๆ ทุกครั้งที่ภาวนาจะต้องไม่ลืมกำหนดบริกรรมนิมิตดังกล่าว
เป็นดวงแก้วใสๆ เหมือนกับเพชร หรือว่าเป็นพระแก้วใสๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง
ภาวนา
สัมมาอะระหัง เรื่อยไปกี่ครั้งก็ได้ จนกว่าใจเราไม่อยากจะภาวนา อยากหยุดใจนิ่งเอาไว้เฉยๆ
ถ้าเกิดความรู้สึกอย่างนี้เราก็ไม่ต้องหวนกลับมาภาวนาใหม่ แต่ถ้าใจฟุ้งเมื่อไร ก็ให้ย้อนกลับภาวนา
ประคองใจกันไปอย่างนี้
สำหรับบางท่านที่ไม่ชอบกำหนดบริกรรมนิมิต
เพราะว่ากำหนดนึกแล้วมันจะทำให้ตึงที่หว่างคิ้ว กดลูกนัยน์ตา มันเกร็ง แล้วก็มั่นใจว่า
ถ้าไม่นึกถึงบริกรรมนิมิต ใจก็จะไม่ฟุ้ง จะอยู่บริเวณแถวๆ กลางท้อง แถวๆ ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ตรงนั้น ถ้าหากว่าถนัดอย่างนี้ เราก็ทำอย่างนี้ คือ ถ้าไม่ชอบกำหนดบริกรรมนิมิต เราก็ไม่ต้องกำหนด
วางใจนิ่งเฉยๆ
เส้นทางสายกลางภายใน
เริ่มต้นที่ฐานที่ ๗
วัตถุประสงค์ของเรานั้น
ต้องการฝึกใจให้หยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ที่จะเดินทางเข้าไปสู่ภายใน
เป็นเส้นทางสายกลางของพระอริยเจ้า
ที่เรียกว่า อริยมรรค
เป็นเส้นทางแห่งความบริสุทธิ์หมดจดจากสรรพกิเลสทั้งหลาย
ที่เรียกว่า วิสุทธิมรรค
เป็นทางหลุดทางพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวง
ที่เรียกว่า วิมุตติมรรค
จุดเริ่มต้นจะเริ่มจากที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ตรงนี้ หากว่าใจเราหยุดนิ่งได้ถูกส่วนเข้า คือ ภาวนาไปเรื่อยๆ จะตกศูนย์ลงไป จะมีอาการเหมือนเรานั่งเครื่องบินแล้วตกหลุมอากาศ
หรือนั่งรถเร็วๆ ขับลงจากสะพาน หรือเหมือนเราโดดน้ำ ถ้าหากเกิดความรู้สึกอย่างนี้ อย่าไปตกใจกลัว
อย่าไปสะดุ้ง อย่าไปหวาดเสียว อย่าลืมตา อย่าขยับตัว แล้วไม่ต้องกลัวอะไร ให้นิ่งเฉยๆ
ดวงปฐมมรรคต้นทางพระนิพพาน
พอถูกส่วนเข้าแล้วก็ตกศูนย์
จะมีดวงธรรมลอยเกิดขึ้นมา เป็นดวงใสๆ ซึ่งแตกต่างจากบริกรรมนิมิตที่เรากำหนดเป็นดวงเหมือนกัน
แต่ดวงธรรมนั้นจะมาพร้อมกับความสุขภายในที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีสิ่งใดมาเปรียบปานได้ และต่างจากบริกรรมนิมิตที่เรากำหนดกันไปซึ่งมันไม่สุข
ไม่ทุกข์ มันเฉยๆ
ดวงธรรมจะมาพร้อมกับความสุข
ที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
อย่างใหญ่ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ธรรมดวงนี้ พระมงคลเทพมุนี พระผู้ปราบมาร ท่านเรียกว่า
ดวงธัมมานุปัสนาสติปัฏฐาน คือ ความบริสุทธิ์เบื้องต้น
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปฐมมรรค แปลว่า
หนทางเบื้องต้นที่จะไปสู่อายตนนิพพาน
ปฐมมรรคเป็นดวงใสสะอาดบริสุทธิ์
ธรรมดวงนี้สำคัญมาก จะฝึกสมาธิปฏิบัติธรรมแบบไหนก็ตาม มีอยู่หลายร้อยวิธี มีในวิสุทธิมรรค
๔๐ วิธี
ถ้าฝึกแล้วยังเข้าไม่ถึงดวงธรรมดวงนี้ก็ไปนิพพานไม่ถูก เพราะว่ายังไม่ถึงต้นทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน
เมื่อยังไม่ถึงต้นทาง จะไปไม่ถึงที่หมาย
ถ้าเข้าถึงธรรมดวงนี้แล้ว
จะเข้าถึงหนทางไปสู่มรรคผลนิพพาน หรือที่เราได้สวดมนต์ว่า นวโลกุตตรธรรม ๙ ประการ คือ
มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ แล้วไปสู่อายตนนิพพาน หรือได้บรรลุมรรคผลนิพพานนั้น ต้องเข้าถึงธรรมดวงนี้แหละ
ที่มีอยู่ในตัวของเรา บางทีก็โตขนาดเท่ากับฟองไข่แดงของไก่บ้าง หรือใหญ่กว่านั้นแล้วแต่กำลังบารมีของแต่ละคนนี่ไม่เท่ากัน
เมื่อเข้าถึงแล้วก็ต้องรักษาเอาไว้ ด้วยใจที่หยุดนิ่ง ทั้งหลับตา ลืมตา ทั้งนั่ง นอน
ยืน เดิน อย่าให้มันเลือนหายไป อย่าประมาท อย่าชะล่าใจ ธรรมดวงนี้สำคัญนัก
ถ้ารักษาธรรมดวงนี้จนตลอดชีวิตก็ปิดประตูอบายภูมิ เปิดประตูสวรรค์ มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ไพศาล
ได้บุญมากกว่าการสร้างถาวรวัตถุ จะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล โบสถ์ วิหาร
ศาลาการเปรียญ วัดวาอารามต่างๆ เพราะบุญเหล่านั้นเป็นเพียงบุญที่ทำให้อยู่ในกามวจรยังเวียนว่ายตายเกิด
พระรัตนตรัยภายใน
หยุดใจเรื่อยไป
จะมีสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในกลางดวงธรรมดวงนั้น ที่เรียกว่า ดวงธัมมานุปัสนาสติปัฏฐาน
ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น ไม่ช้าก็จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
เข้าถึง
พุทธรัตนะ คือ ธรรมกาย ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว
ที่เป็นแก้ว เป็นรัตนะ
เข้าถึง
ธรรมรัตนะ ซึ่งเป็นคลังปริยัติ ความรู้
๘๔,๐๐๐พระธรรมขันธ์ รวมบรรจุอยู่ในธรรมรัตนะนั่นแหละ ที่รักษาพุทธรัตนะเอาไว้
ในกลางธรรมรัตนะมี
สังฆรัตนะ คือ ธรรมกายละเอียด ที่รักษาธรรมรัตนะเอาไว้
๓
อย่างนี้ จะประชุมรวมอยู่ที่เดียวกัน เรียกว่า พระรัตนตรัย
ต่อจากนี้ไป
ให้ลูกทุกคนตั้งใจฝึกใจให้หยุด ให้นิ่ง ซึ่งเป็นกรณียกิจ คืองานที่แท้จริงของเรา ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ในแต่ละภพแต่ละชาติ
เมื่อเข้าถึงได้เราก็จะได้มีที่พึ่งที่ระลึกภายใน ชีวิตก็จะปลอดภัยจากอบายแล้วก็มีสุขตลอดกาล
ทั้งที่มีชีวิตอยู่และหลังจากละโลกไปแล้ว
เช้านี้อากาศกำลังสดชื่น
เหมาะสมที่ลูกผู้มีบุญทุกคนจะได้ปฏิบัติธรรมกัน ก็ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจ ในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะลูกนะ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565