คิดอย่างนักสร้างบารมีแนวหน้า
วันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน
พ.ศ. ๒๕๔๙ (๑๓.๓๐ - ๑๕.๓๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
– ปรับใจ
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะจ๊ะ หลับตาเบาๆ พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย ให้ผ่อนคลายทั้งเนื้อทั้งตัว ตั้งแต่ใบหน้า
เปลือกตา ศีรษะ บ่า ไหล่แขนทั้งสอง ถึงปลายนิ้วมือ
ผ่อนคลาย ลำตัวของเรา ขาทั้งสอง ถึงปลายนิ้วเท้า ผ่อนคลายให้หมดเลย
ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
ฝึกใจหยุดนิ่งให้ได้ในทุกสถานการณ์
โดยเฉพาะภาคบ่ายนี้
อากาศอาจจะอบอ้าวบ้างก็อย่าไปสนใจ ไฟนรกร้อนแรงกว่านี้เยอะ อากาศอบอ้าวเป็นเรื่องเล็กๆ
อย่าถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ อย่าถือเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรม
เราจะได้ติดเป็นนิสัย จะต้องฝึกฝนใจให้หยุดให้นิ่งให้ได้ในทุกสถานที่ ทุกสถานการณ์
เพราะว่าการเดินทางไปสู่ปรโลกนั้นไม่มีนิมิตหมาย ความตายไม่มีนิมิตหมาย
ไม่บอกเราก่อนล่วงหน้า เราจะเลือกตายด้วยวิธีใดก็ยาก แปลว่า เราต้องพร้อมเสมอ ที่จะเดินทางไปสู่ปรโลก
แต่ความพร้อมนี้ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมฝึกใจของเราให้หยุดนิ่งให้ได้ในทุกสถานการณ์
เมื่อหลับตาแล้ว
เราก็จะต้องตัดใจให้ได้จากทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ เรื่องราวต่างๆ
ที่ทำให้ใจเราเป็นทุกข์ ต้องปลด ต้องปล่อย ต้องวาง ทำใจของเรา ให้ว่างๆ
วางใจ
หยุดใจไปตรงกลางกาย
น้อมใจหยุดไปสบายๆ อย่าไปลุ้น อย่าไปเร่ง อย่าไปเพ่ง อย่าไปจ้อง ให้มองเฉยๆ ทำความรู้สึกว่า
ใจของเราอยู่ในกลางท้อง ไม่ต้องกังวลว่า มันตรงกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป๊ะเลยไหม เอาว่าในกลางท้องประมาณนั้น ระดับที่เหนือสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ ให้ทำอย่างนี้ไปก่อน เพื่อฝึกใจของเรานี้ให้หยุดนิ่ง คุ้นเคยกับศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งเราได้ห่างเหินกันไปนานแล้ว
ฝึกใจให้คุ้นเคยกับฐานที่
๗
ฝึกบ่อยๆ
ทำบ่อยๆ มีชั่วโมงหยุด ชั่วโมงนิ่ง ชั่วโมงกลางบ่อยๆ ทุกวันไม่ให้ขาดเลย ไม่ช้าเราก็จะคุ้นเคย ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง
ญาติในที่นี้คือ เราจะเกิดความสนิทสนมกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ต่อไปมันก็ไปมาหาสู่ก็ง่าย ทั้งหลับตาลืมตาใจก็จะรวมลงไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ อย่างสบายๆ ไม่ยากเย็นแสนเข็ญเหมือนกาลเวลาที่ผ่านมา
นี่เป็นภารกิจที่สำคัญนะลูกนะ
เป็นกรณียกิจ งานที่แท้จริงของเรา เพื่อเราและชาวโลก เพราะศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นที่ตั้งของพระรัตนตรัย เป็นที่สิงสถิตของ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ
สังฆรัตนะ
ในฐานะเราเป็นชาวพุทธ ก็ต้องมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
พระรัตนตรัยจะเป็นที่พึ่งกับเราได้ ก็ต่อเมื่อเราเข้าถึงท่าน รู้จักท่าน คุ้นเคยกับท่าน
รู้ว่าท่านอยู่ที่ตรงไหน
มีลักษณะอย่างไร ดีอย่างไร มีอานุภาพอย่างไร
จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเราได้อย่างไร จะรู้จักอย่างนี้ได้ก็ต้องเข้าถึงอย่างเดียวเท่านั้น
ไม่มีทางอื่นเลย
เมื่อเราสว่าง
โลกก็สว่างด้วย
ฝึกฝน
หยุดใจให้นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ จะนึกถึงบริกรรมนิมิต
หรือไม่นึกถึงก็ตาม ฝึกกันไปเรื่อยๆ
จะต้องเข้าถึงอย่างแน่นอน
ถ้าเรามีความเพียร
เมื่อเราเข้าถึงแล้ว ชาวโลกก็จะพลอยได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงของเราไปด้วย เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่เราจะต้องทำ
ผู้ที่ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน
ย่อมมีพลังแห่งคำพูดที่จะถ่ายทอด ชักจูง แนะนำ ให้แสงสว่างกับเพื่อนมนุษย์ได้อย่างมีพลัง
และเมื่อผู้มีบุญได้เข้ามาใกล้ เราได้ถ่ายทอดจากประสบการณ์ภายใน จากสิ่งที่เราเข้าถึงจริงๆ
ก็จะสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้น
คนที่เข้าใกล้ชิดเรา
ได้ยิน ได้ฟังที่เราพูด การเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ก็จะเกิดขึ้นกับตัวของเขา
โดยผ่านประสบการณ์ภายในของเรา
ที่ได้เข้าถึงพระรัตนตรัย จากใจถึงใจ จะขยายไปอย่างรวดเร็ว นี่จึงเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่ง
ของการมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้ และในแต่ละชาติที่ผ่านมา
นึกถึงบุญ
รวมใจไปหยุดนิ่งๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้เราระลึกนึกถึงบุญทุกบุญที่เราทำผ่านมา ทั้งทานบารมี
ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี หรือบุญกิริยาวัตถุ
๓ ประการ โดยย่อ ทาน ศีล ภาวนา
ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ
ขึ้นก็คือ ทุกบุญที่เราทำผ่านมา
สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ เลี้ยงพระ สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล
ช่วยเหลือกิจการงานพระศาสนา สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ลานธรรม เสาแก้วพันปี มหารัตนวิหารคด
สภาธรรมกายสากล มหาวิหารพระเดชพระคุณหลวงปู่
มหาวิหารคุณยายอาจารย์ อาคารภาวนา ๖๐ ปี ที่จอดรถ ที่ดินที่รองรับทุกสิ่งดังกล่าว บุญทุกบุญที่เราทำผ่านมา
ทั้งทำด้วยตัวเอง แล้วไปชวนคนอื่นเขามาทำด้วย
ให้มารวมเป็นดวงบุญใสๆ
กลมรอบตัว เหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ ใสบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว
ไม่มีตำนิเลย ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่าที่ใจเราปรารถนา ให้สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
ใสเย็นเหมือนแสงจันทร์ นุ่ม เนียนตา ละมุนใจ สว่างไสวอยู่ภายในกลางกาย
เอาใจแตะไปเบาๆ
สัมผัสไปจรดนิ่งๆ นุ่มๆ ละมุนละไม
ตรึกนึกถึงดวงบุญใสๆ ใจหยุดอยู่ในกลางดวงบุญใสๆ ถ้าเราทำได้ถูกส่วน
เราก็จะเห็นดวงบุญนี้ ชัดใสแจ่มกระจ่างขึ้นมาในกลางกาย
สมบัติ
๓ สำเร็จได้ด้วยบุญ
ดวงบุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตทุกๆ ระดับ เราจะมีชีวิตในการสร้างบารมี ในสังสารวัฏนี้ ได้อย่างสะดวกปลอดภัย แล้วก็มีชัยชนะ
บุญนี่แหละ
เป็นบ่อเกิดแห่งอุปกรณ์ในการสร้างบารมี ทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ
ลาภยศสรรเสริญสุข มรรคผลนิพพาน วิชชาธรรมกาย เกิดมาก็ระลึกชาติได้ เหมือนพระเตมียกุมาร
ทำให้เรามีพลังใจที่จะสร้างความดี
สร้างบารมีกันตั้งแต่เกิดจนกระทั่งหมดอายุขัย ไปทุกภพทุกชาติ
ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
อุปกรณ์ในการสร้างบารมีนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ
การมี รูปสมบัติ มีบุญลักษณะที่สวยงาม สมส่วน ไม่อ้วน ไม่ผอม
ไม่ดำ ไม่ขาว ไม่สูง ไม่ต่ำเกินไป พอเหมาะพอดีก็ย่อมเป็นที่ดึงดูดใจ ประทับตาประทับใจผู้ที่ได้พบเห็น
ถ้าร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ อายุยืนยาว ถ้ามีอยู่กับใครก็เหมือนมีลาภอันประเสริฐ เพราะเป็นร่างกายที่เหมาะสมที่จะทำความเพียร ปฏิบัติธรรมะก็ไม่ค่อยปวดเมื่อย ไม่ต้องกังวล ไม่ป่วยไข้ ไม่ต้องคอยดูแล พยาบาล เยียวยารักษา ๓ วันดี ๔ วันไข้ มันจะนั่งได้อย่างสบายๆ
ถ้าแข็งแรงแล้วจะได้ทำงานที่แท้จริงได้ดีที่สุด เพราะงานทางใจก็ต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแรงเป็นฐานทัพ
เป็นสิ่งที่จะรองรับ อายุยืนยาวก็จะช่วยให้เราได้สร้างบารมีไปได้นานๆ ทำงานทางใจก็ได้นาน
งานทางใจมีความสำคัญกับเรามาก เพราะเราจะได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด ข้อบกพร่องที่ผ่านมาในอดีต
นับภพนับชาติไม่ถ้วนที่เราได้เวียนว่ายตายเกิด เราถูกกิเลสกรรมวิบากย่ำยีเรามาตลอด
แล้วก็บังคับเราอยู่ตลอดเวลา การมีอายุยืน มีร่างกายที่แข็งแรง
ทำความเพียรได้ง่าย
ร่างกายถูกส่วนอย่างนี้
จะทำให้เราไปแก้ไขผังเหล่านั้นได้อย่างง่าย รื้อผังเดิมที่ไม่ดี สร้างผังใหม่ที่ดี
ออกแบบชีวิตได้อย่างดีทีเดียว เป็นสิ่งสำคัญ
รูปสมบัติดังกล่าวนี้ จะต้องได้มาด้วยบุญอย่างเดียวเท่านั้น
ทรัพย์สมบัติ ก็เช่นกัน เกิดมาต้องมีทรัพย์มารองรับเพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างบารมี
จะหล่อเลี้ยงสังขารก็ง่าย จะเลี้ยงครอบครัวบริวารก็สะดวก สบาย จะสร้างบารมีอื่น
ทำทานต่อไปก็ง่าย ให้เป็นบุญต่อบุญ
สมบัติต่อสมบัติก็ได้ง่าย จะรักษาศีลเจริญภาวนาก็ไม่มีเครื่องกังวล เพราะมีทรัพย์ที่ปราศจากภัยใดๆ
ทั้งสิ้นที่จะมาทำลาย เหมือนมีป้อม มีค่ายที่คอยคุ้มครองรักษาเอาไว้
ไม่เสื่อมสลายด้วยอัคคีภัย โจรภัย ราชภัย หรือภัยใดๆ ทั้งสิ้น เป็นทรัพย์ไม่มีประมาณ เหมือนผู้มีบุญในกาลก่อนที่มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง นี่เป็นอุปกรณ์อย่างสำคัญในการสร้างบารมี
ทรัพย์สมบัตินี้จะได้มาก็ต้องได้มาด้วยบุญ
ไม่ได้มาด้วยวิธีการอื่นใดเลย ในปัจจุบันที่เรามองดูเผินๆ เราอาจจะเห็นว่า ทรัพย์ได้มาด้วยความขยันหมั่นเพียรอย่างเดียว
ด้วยกลวิธีต่างๆ แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการได้ทรัพย์นั้นคือ บุญ แต่เราอาจจะมองไม่เห็น
แล้วมนุษย์ส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบ การมีทรัพย์นี้จึงเป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมีอย่างสำคัญ ทรัพย์นี้ได้มาด้วยบุญเท่านั้น
การจะใช้ทรัพย์เป็น
การจะดำรงชีวิตอยู่ได้
การดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ไม่ผิดพลาดก็เพราะมี คุณสมบัติ
จะเกิดขึ้นก็ต้องได้มาด้วยบุญที่เราสั่งสมไว้ในกาลก่อน
สมบัติทั้งสามนี้
มีความจำเป็นสำหรับมนุษย์ ที่เกิดมาสร้างบารมี ที่อยู่ในวัฏสงสารนี้ อย่างปลอดภัยแล้วก็มีชัยชนะ
แม้ยังไม่หมดกิเลสก็ตาม แต่การทำความเพียร
เพื่อจะให้กิเลสอาสวะหมดสิ้นไป มันก็สะดวกสบาย แล้วก็ง่าย
โดยเฉพาะหมู่คณะของเรา
มีเป้าหมายมโนปณิธานที่ยิ่งใหญ่ที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ ปราบมารประหารกิเลส ให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ต้องมีบุญมากๆ
มีบารมีมากๆ จะมีมากก็ต้องทำมาก จะทำได้มากก็ต้องมีอุปกรณ์ในการให้ทำมาก อุปกรณ์ดังกล่าวทั้งหมด จะสมหวังได้อย่างที่ปรารถนา
ก็อาศัยบุญนั่นแหละ
บุญจึงเป็นสิ่งสำคัญนะลูกนะ
บุญธาตุที่ได้มาด้วยจิตที่เป็นกุศล โดยปราศจากเครื่องกังวล ทำถูกหลักวิชชา จะได้ทรัพย์มาสร้างบุญ
ได้บุญไปดึงดูดทรัพย์ เอาไว้เป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมี ต่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เราจะตามระลึกนึกถึงบุญดังกล่าวนะลูกนะ
หยุดใจนิ่งๆ
หยุดไปในกลางกาย นึกถึงดวงบุญ ที่จะต้องใช้ในการสร้างบารมีทั้งในมนุษย์และเทวโลก นึกด้วยใจที่ใสๆ เบาๆ สบายๆ ค่อยๆ นึกไปอย่างเบาๆ สบาย ผ่อนคลายนิ่งๆ นุ่มๆ ละมุนละไม ถ้าใจใส จะเห็นดวงบุญของเราเอง เห็นเกิดขึ้นมาเอง จะเป็นดวงใสๆ
ให้หยุด ให้นิ่งอย่างนี้
บุญใหญ่นี้
เมื่อส่งผลในเทวโลก จะมีทิพยสมบัติมากมาย ในเทวโลกก็ไม่มีความเสมอภาคกัน เหมือนในเมืองมนุษย์
คือ ความเป็นอยู่ไม่เสมอภาคกัน เพราะเขาให้ความเสมอภาคในการสร้างบารมีเท่ากันในเมืองมนุษย์
แต่เราไม่ใช้โอกาสนั้น และเมื่อละโลกไปอยู่ในเทวโลกแล้ว เราจะไปเรียกร้องสิทธิ์ไม่ได้
เพราะ เขาให้โอกาสในการสร้างบารมีในเมืองมนุษย์แล้ว แต่ไม่ใช้โอกาส เราก็หมดสิทธิ์
เมื่อหมดลมไปอยู่ในเทวโลก
ถ้ารวยก็รวยนาน จนก็จนนาน จนในเทวโลกแม้จะร่ำรวยกว่าบรมเศรษฐีในเมืองมนุษย์
แต่ก็ถือว่าเป็นยาจกบนสวรรค์ ยาจกบนสวรรค์นั้น อายทีมันนาน อายในเมืองมนุษย์ก็แค่ไม่กี่ ๑๐ ปีในโลก
และเราก็หมดอายุขัยไป แต่ในเทวโลกเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน
เป็นหลายๆ ล้านปี เป็นพุทธันดร ปลื้มก็ปลื้มนาน
อายก็อายนาน
ให้มองภาพรวม ทำอย่างไรงานจึงจะสำเร็จ
ลูกๆ
หลวงพ่อทุกคน หมู่คณะของเรา หลวงพ่ออยากให้ไปอยู่ในแนวหน้าทั้งหมด ไม่อยากให้ใครอยู่ท้ายแถว
อยากจะหอบเอาไปอยู่ตรงนั้น
จึงได้แนะนำขวนขวายในการสร้างบารมีตลอดที่ผ่านมา
มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเท่านั้น จะให้ไปเสมอภาคกันในเทวโลก แล้วลงมาเกิดใหม่ด้วยความสง่างาม
สร้างบารมีกันอย่างสนุกสนานบุญบันเทิง
เพราะว่าเรามีภารกิจใหญ่ที่เราจะต้องทำต่อไป ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษมันแค่ที่พักกลางทาง ไปแล้วก็ไม่ได้พักเหมือนเทวดาทั้งหลาย แต่เป็นการเปลี่ยนสถานที่ทำงานใหม่ด้วยกายทิพย์ เพราะฉะนั้นต้องสง่างามในทุกสถานที่
ดังนั้น
ให้ลูกทุกคน นึกถึงบุญที่เราทำเอาไว้ ถ้านึกแล้วยังไม่ปลื้มใจ ดวงใสๆ มันยังไม่บังเกิด เราก็ทำบุญใหม่ให้เป็นบุญใหญ่ ภารกิจงานใหญ่ๆ ให้ใหญ่ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ทั้งด้วยตัวเอง แล้วก็ไปชวนคนอื่นทำ มาช่วยกันทำให้สำเร็จ
เวลาในการสร้างบารมีในโลกมีจำกัด เราก็ต้องมีวิธีคิดที่จะทำอย่างไรให้บรรลุวัตถุประสงค์ของงาน มันถึงเวลาที่เราจะต้องมีความคิดที่แตกต่างไปจากเดิม คือ ต้องคิดว่าทำอย่างไรมันถึงจะเสร็จ
อย่าคิดว่า
ต้องมีบุญใหม่ๆ มาให้ทำเรื่อยๆ อย่างนั้นไม่ถูกหลักวิชชา เราขยักทรัพย์ตรงนี้ เพื่อเอาไว้สำหรับไปทำบุญในอนาคต ดูเผินๆ เหมือนถูกต้อง แต่ความจริง ไม่ใช่ ที่ต้องมีงานใหม่เรื่อยๆ เพราะพวกเราไม่คิดถึงภาพรวมว่า
ทำอย่างไรจะให้มันสำเร็จ ทรัพย์เรามีน้อย แต่เรามีทรัพย์สินทางปัญญา ดวงปัญญาเป็นทรัพย์อย่างหนึ่งของเรา ที่จะคิดหาวิธีการไปชวนผู้มีบุญทั้งหลาย
มาร่วมกัน มาช่วยกันทำให้สำเร็จ
ถึงยุคที่เราจะต้องมีความคิดแตกต่างไปจากเดิม
เพื่อดวงบุญของเราจะได้ใสๆ
เมื่อเรามีกำลังใจอันสูงส่ง
บรรลุวัตถุประสงค์ของงานในเมืองมนุษย์ สร้างทุกอย่างให้มันเสร็จ ให้มันเรียบร้อย แล้วจะได้มีเวลาเหลือสำหรับหลับตา ทำภาวนา
ซึ่งเป็นงานที่แท้จริงของเรา แล้วถ้าลงมาอีกรอบหนึ่ง จะได้ไม่ต้องสร้างกันอีกแล้ว
มาถึงก็นั่งหลับตาทำภาวนา ทรัพย์ก็มีเอาไว้สร้างบารมีอย่างเย็นๆ สบายๆ
นี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องร่วมใจกันออกแบบชีวิตใหม่
จะต้องมองภาพรวมของหมู่คณะ เราจะได้ออกแบบชีวิตได้ถูกต้อง อย่าไปออกแบบชีวิตตามลำพังของเราอย่างเดียว ถ้าหากว่าเรามีมโนปณิธานแค่พ้นวัฏฏะไปสู่อายตนนิพพาน
มันก็ไม่ยากอะไร
เราก็คิดแค่ลำพังส่วนตัวของเรา แล้วถึงเวลาบุญส่งผล ก็ทำให้เราได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
แต่นี่มันงานใหญ่
เป็นหมู่ เป็นคณะ ก็ต้องมองภาพรวมให้ออก คิดก็ต้องคิดรวมๆ ไป ว่าทำอย่างไรให้มันสำเร็จ ให้มันได้ ให้มันเป็นอัศจรรย์ถึงจะถูกหลักวิชชา
ดังนั้นตอนนี้เราก็มานึกถึงบุญให้ดีนะลูกนะ
ทำใจของเรา ให้ใสๆ หยุดอยู่ภายในกลางกายอย่างสบายๆ
ให้ใจเย็นๆ อยู่กลางดวงบุญใสๆ ก่อนที่เราจะอธิษฐานจิตหรืออุทิศบุญ ไปให้บรรพบุรุษ
บุพการี ญาติสนิท มิตรสหาย และสัมพันธชน ให้หยุดใจนิ่งๆ เบาๆ สบายๆ ให้ได้กันทุกๆ
คนนะลูกนะ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
นะจ๊ะ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565