เดินตามรอยพระพุทธองค์
วันอาทิตย์ที่ ๓๐ กรกฎาคม
พ.ศ. ๒๕๔๙ (๑๓.๓๐ -
๑๕.๓๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
ปรับใจ
เมื่อเราได้จุดเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัย
บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากไปนี้ ให้ลูกทุกคนนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะจ๊ะ
หลับตาเบาๆ
พอสบายๆ ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง
บริกรรมนิมิต
แล้วเราก็น้อมเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัย
ที่เราเพิ่งจุดบูชาพระรัตนตรัยมาเมื่อสักครู่นี้ น้อมประทีปเทียนใจนี้เอาไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ทำใจให้หยุดให้นิ่งๆ
ตรึกนึกถึงเปลวประทีปไว้กลางกาย
ให้เห็นชัดใสสว่างอย่างสบาย และทำใจให้หยุด นิ่งๆ เบาๆ สบายๆ พอถูกส่วนแล้ว เราจะเห็นประทีปนี้อยู่นิ่งๆ
เปลวประทีปจะไม่เคลื่อนไหวเหมือนของหยาบที่เคลื่อนไหวเพราะแรงลม มันจะหยุดนิ่งๆ แต่ก็ยังเป็นภาพของเปลวประทีปสีสันก็จะเหมือนกัน
ถ้าหยุดได้ดีเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
เปลวประทีปที่นิ่งอยู่แล้ว จะใสเหมือนน้ำแข็งใสๆ หรือเหมือนเพชรใสๆ มีประกายสว่างออกมา
เราก็นิ่งๆ อยู่ตรงนั้นสำหรับนักเรียนใหม่
ส่วนผู้ที่ได้เข้าถึงดวงธรรมแล้วก็ไม่ยาก
เพราะว่าหยุดได้สนิทจนกระทั่งเห็นดวงธรรมใสๆ กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว ใสเหมือนน้ำใสๆ
บ้าง เหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้าบ้าง ใสเหมือนเพชรบ้าง หรือใสเกินใสยิ่งกว่านี้
เห็นดวงธรรมชัดแค่ไหน ก็จะเห็นประทีปชัดขนาดนั้น เรานึกนิดเดียวให้ดวงธรรมขยาย ดวงธรรมก็จะขยาย
ในกลางดวงธรรมนี้ก็จะมีประทีปเทียนชัยไฟนิรันดร์อนันตชัย เปลวประทีปที่ใสๆ อยู่ตรงกลาง
กายมนุษย์ละเอียด
ถ้าหากว่า
ใครเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด เห็นตัวเองชัดใสแจ่ม สว่างกระจ่างอยู่ภายใน อยู่ในวัยเจริญ
นั่งสมาธิขัดสมาธิ หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา ถ้าเห็นชัดมากขนาดลืมตาเห็น ก็จะเห็นประทีปอยู่ในกลางกายตรงกายมนุษย์ละเอียดชัดเจนเท่ากัน
หยุดอยู่ตรงกลาง แล้วก็มองไปเฉยๆ อย่างสบายๆ
พอเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดแล้ว
ความรู้สึกจะแบ่งแยกได้ชัดเจน ระหว่างกายมนุษย์หยาบกับกายมนุษย์ละเอียด จะมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นด้วยตัวเองว่า
กายมนุษย์หยาบเหมือนเสื้อผ้า เหมือนบ้านเรือนให้กายมนุษย์ละเอียดอยู่อาศัย ความผูกพันกับเรื่องราวของกายมนุษย์หยาบจะบรรเทาลงไป
เมื่อเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด
ถ้าเข้าถึงกายทิพย์ก็จะดียิ่งๆ
ขึ้นไป กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหมที่ซ้อนๆ กันอยู่ ความผูกพันกับกายหยาบก็จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
หรือเรื่องราวที่เนื่องด้วยกายมนุษย์หยาบ จะบรรเทาเบาบางลงไป เมื่อใจติดอยู่ที่กายทิพย์
พรหม หรืออรูปพรหมที่ซ้อนกันอยู่ และประทีปก็จะอยู่ตรงกลางในแต่ละกายที่เราเข้าถึง
มันจะชัด ใส แจ่ม
กายธรรม
สรณะที่แท้จริง
ถ้าเราหยุดได้สนิท
เราจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับทุกๆ กายเหล่านั้น คือ มีความรู้สึกชีวิตจิตใจเป็นกายนั้นไปเลย
ไม่ได้มีความรู้สึกเป็นกายมนุษย์หยาบ มีความรู้สึกที่ประณีต ละเอียดเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
กระทั่งถึงกายธรรม
กายธรรมโคตรภู หน้าตักหย่อนกว่า ๕ วานิดหน่อย เกตุดอกบัวตูม ใสบริสุทธิ์ สว่าง กระจ่างอยู่ในกลางกาย
เหมือนลอยนิ่งๆ อยู่กลางอวกาศอย่างนั้น นิ่งๆ บนแผ่นฌานใสๆ เหมือนอย่างที่ได้จำลองเป็นภาพไว้ในจอทีวี
แต่ว่าสวยงาม ละเอียดประณีตกว่า นับเท่าไม่ถ้วน มีชีวิตจิตใจไม่เหมือนพระพุทธรูป เหมือนมนุษย์
ทั้งๆ ที่นั่งสงบนิ่งนี่แหละ
พอเข้าไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เราจะรู้ได้ว่า ท่านมีชีวิตจิตใจเหมือนอย่างเรา ต่างแต่บริสุทธิ์กว่ามาก เราจะรู้สึกอบอุ่นใจ ปลอดภัย
แล้วก็มั่นใจว่า ท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึกให้กับเราได้ นี่คือ สรณะที่แท้จริง และเปลวประทีปก็จะอยู่ตรงกลางกายของท่านใสๆ
นี่กายในกายเข้าไปเรื่อยๆ อย่างนั้น
จุดประทีปถวายเป็นพุทธบูชา
คราวนี้เราก็นึกอาราธนามหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน
ได้คุมพวกเราพร้อมทั้งเทียนใจไฟ นิรันดร์อนันตชัย ให้ไปสว่างไสวเป็นพุทธบูชา
แด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลาย นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วนในอายตนนิพพาน
หน้าตักอย่างน้อย ๒๐ วา สูง ๒๐ วา แล้วก็โตใหญ่ใสขึ้นไปเรื่อยๆ ตามลำดับของการเข้าไปสู่อายตนนิพพานนานแค่ไหน
ยิ่งนานยิ่งใส ยิ่งใหญ่ ยิ่งสว่าง
เป็นพระสัพพัญญูพระพุทธเจ้าก็จะมีพระสาวก
ซึ่งเป็นธรรมกายล้อมรอบ ตั้งแต่สาวกองค์ที่ ๑, ๒, ๓ เรื่อยไป
ถ้าเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ได้สอนใคร
ตอนมีกายมนุษย์หยาบท่านก็จะอยู่ตามลำพังโดดๆ อยู่ในหมู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่เป็นธรรมกายล้วนๆ
นับพระองค์ไม่ถ้วน ใสๆ สว่างๆ เต็มไปหมด
มหาปูชนียาจารย์จะนำประทีปนี้ไปถวายเป็นพุทธบูชา
แต่ว่าไม่ได้สว่างแบบเราจุดประทีปไว้หน้าพระพุทธรูป จะไปสว่างอยู่กลางท่าน ใสๆ และกายเราก็จะอยู่ในกลางท่าน
นอกเหนือจากกลางของพระธรรมกายมหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน ใสสว่าง บุญที่เกิดจากการจุดประทีปเป็นพุทธบูชาก็มาเกิดขึ้น
อานิสงส์จุดเทียนใจถวายเป็นพุทธบูชา
บุญธาตุนั้นก็มารวมเป็นดวงบุญใสๆ
กลมรอบตัวเหมือนกับดวงแก้วกายสิทธิ์ เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตทุกระดับ
จะทำให้เราพรั่งพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน
ได้เกิดในร่มเงาพระพุทธศาสนา ในวิชชาธรรมกาย
จะได้เห็นธรรมะกันตั้งแต่ยังเยาว์วัย
มีรูปสมบัติที่สวยสดงดงามได้ส่วน สง่างาม ไม่อ้วน ไม่ผอมเกินไป ไม่ดำ ไม่ขาวเกินไป
ไม่สูง ไม่ต่ำเกินไป ผิวพรรณวรรณะสว่าง ผ่องใส มีดวงปัญญา ธรรมจักขุ ทิพยจักษุ
แล้วก็ดวงตาของกายมนุษย์หยาบที่ปราศจากโรคตา สวยสดงดงาม เป็นที่ดึงดูดตาดึงดูดใจของมนุษย์เทวดาทั้งหลายบังเกิดขึ้น
เป็นต้น
และก็บุญในมหาปูชนียาจารย์
ผู้เชี่ยวชาญในวิชชาธรรมกาย ท่านจะประกอบวิชชาธรรมกาย เอาบุญนี้ไปตัดรอนวิบากกรรมวิบากมารของเรา
ที่ติดข้ามชาติมาจนถึงปัจจุบันชาติ ที่ดำเนินชีวิตผิดพลาดผ่านมา หนักเป็นเบา
เบาเป็นหาย ในหลายๆ กรรม ต่างกรรมต่างวาระกัน ในแต่ละภพแต่ละชาติ ท่านจะคำนวณมาทีเดียวเลย
ไปสุดรู้สุดญาณของท่านว่า แต่ละคนมีวิบากกรรม วิบากมารมาแค่ไหนที่ส่งผลไปในอดีตแล้ว
กำลังส่งผลในปัจจุบัน และจะส่งผลต่อไปในอนาคต ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ท่านมองตรวจตราด้วยธรรมจักขุของท่าน
แล้วก็มีเครื่องมือในการตรวจตราของท่านอย่างนั้นไปตามหลักวิชชาธรรมกาย สาวไปหาเหตุและก็กลับดับที่เหตุนั้น
ถ้าเหตุดับได้ ผลมันก็ดับ
ท่านทำไปพร้อมๆ
กัน ทั้งถวายเป็นพุทธบูชา ทั้งคุมบุญ ทั้งแก้ไขวิบากกรรมวิบากมาร รื้อผังจน
สร้างผังรวย เช็ตโปรแกรมชีวิตให้ติดไปในอนาคตเบื้องหน้า ให้เหมาะสมต่อชีวิตการเป็นยอดนักสร้างบารมีไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
ท่านก็จะตั้งผังลงไปในเวลาเดียวกัน
บุญก็เกิดขึ้นในตัวของเรา
มารวมเป็นดวงใสๆ ใจของเราก็ให้เบิกบาน แช่มชื่น บุญนี้จะได้ช่วยปิดอบาย ไปสวรรค์ ถ้าความชั่วเราไม่ทำกันอีก บุญนี้ก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเอาไปตัดรอน
หรือเปลืองไปกับการไปตัดรอนข้อผิดพลาดเหล่านั้น แต่จะไปเสริมผังใหม่ให้หนาแน่นไปในอนาคต ดีขึ้นไปเรื่อยๆ
รวมทั้งจะเชื่อมสายสมบัติให้กับเรา
สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง สมบัติอัศจรรย์ทันใช้สร้างบารมีในชาตินี้ ถ้าสมบัติไม่มาเชื่อมด้วยตัวเรา
สมบัติมันก็ไม่มา ต้องมีสายบุญนี้ สายสมบัติติดกลางกายเราเป็นของละเอียดส่งกระแสดึงดูดสมบัติหยาบ
ให้เราได้เจอช่องทางที่จะเป็นทางมาแห่งทรัพย์ด้วยประการใดประการหนึ่ง
สมบัติเป็นของกลาง
ใครมีบุญก็ได้ครอบครอง หมดบุญก็เสื่อมสลายไป ไม่อาจจะครอบครองได้ เหมือนคำที่เราได้ยินมาว่า
สมบัติผลัดกันชมนั่นแหละ เพราะมันเป็นของกลาง ครอบครองได้ด้วยบุญ หมดบุญก็มีเหตุให้สมบัติต้องพลัดพรากจากเราไป
นี่เป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม ที่เราทำกันมาทั้งอดีต ทั้งปัจจุบันนี้ ทุกสิ่งที่เราทำด้วยกายวาจาใจ มันก็เซ็ตโปรแกรมผังสำเร็จเอาไว้
ตอนนี้บุญกำลังบังเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกาย
ตอนนี้ให้ลูกทุกคนนั่งพับเพียบหลับตา พนมมือขึ้นพร้อมๆ กัน เราจะได้พร้อมใจกันนึกถึงบุญนี้
แล้วอธิษฐานจิตเป็นผังสำเร็จติดตัวเราไปทั้งในปัจจุบันและในอนาคตกัน
(หลวงพ่อนำบูชาพระรัตนตรัย)
คำอธิษฐานจิต
ข้าพเจ้าทั้งหลายขอสักการะบูชา
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และมหาปูชนียาจารย์ โดยการจุดเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัย ขอน้อมกราบไหว้
ด้วยความเคารพเลื่อมใส ในพรรษาแห่งการบรรลุธรรมนี้
ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความตั้งใจจริงที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม
และเพิ่มพูนคุณธรรมสั่งสมบ่มบารมี ทุ่มชีวีเป็นประธานกอง ร่วมทอดกฐินสามัคคี ในพุทธศักราชนี้
ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย
เป็นผู้มีความบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ เอาชนะอุปสรรคทั้งมวล ให้ประสบความสำเร็จในชีวิต
ในภารกิจหน้าที่การงาน และสิ่งที่ปรารถนา ให้เป็นบรมเศรษฐี มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง
เอาไว้ใช้สร้างบารมี อย่างไม่รู้หมดสิ้น
ให้มีกำลังใจเข้มแข็ง
ในการทำหน้าที่ผู้นำบุญ ยอดกัลยาณมิตร มีวาจาศักดิสิทธิ์ จะเชิญชวนผู้มีบุญให้มาสร้างบารมี
เป็นประธานกองกฐินสามัคคี ขอให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ให้นักสร้างบารมีทั้งหลาย ร่วมแรง
ร่วมใจกัน ทำงานกันไปเป็นทีม อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด
ให้ทุ่มเทจนสุดกำลัง โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคอันใด มุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย
คว้าธงชัยแห่งความสำเร็จ
ให้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย
มีดวงปัญญาสว่างไสว มีญาณทัสสนะกว้างไกล มีดวงตาสดใส ทั้งมังสจักษุ ทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ
สมันตจักษุ และธรรมจักษุ ให้ได้บรรลุธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี
(สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย และคุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
ที่ท่านได้บรรลุ ให้ความปรารถนาทั้งมวล ของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นสำเร็จ
จงเป็นสำเร็จ ทุกประการเทอญ นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ
เมื่อเรากล่าวคำอธิษฐานเสร็จก็รวมใจหยุดนิ่งๆ
ในกลางกายอย่างเดิม อย่างสบายๆ ให้ใจใสๆ สว่างไสว อยู่กลางกาย ให้คำอธิษฐานจิตนี้เป็นผังสำเร็จ
ติดตัวเราไปทั้งในปัจจุบันและในอนาคตไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
ให้เราสมบูรณ์ด้วยรูปสมบัติ
ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน วิชชาธรรมกาย เกิดมาก็ระลึกชาติได้
เห็นธรรมะกันตั้งแต่ยังเยาว์วัย สร้างบารมีเรื่อยไปจนกว่าจะหมดอายุขัยไปทุกภพทุกชาติ
ให้เกิดในร่มเงาพระพุทธศาสนาในวิชชาธรรมกาย ในครอบครัวธรรมกายที่เป็นสัมมาทิฏฐิ มีหมู่ญาติ
บุพการี ที่สนับสนุนในการสร้างบารมีของเรา
พวกพ้องบริวารก็ให้เป็นบัณฑิตนักปราชญ์
เกื้อกูลต่อการสร้างบารมีของเรา เพราะเรามาเกิดแต่ละภพแต่ละชาติก็เพื่อการสร้างบารมีเท่านั้น
สิ่งอื่นยังเป็นเรื่องรองลงมา ส่วนการทำมาหากินในอาชีพต่างๆ
นั้นก็เพื่อให้ได้ปัจจัย ๔ มาหล่อเลี้ยงสังขาร
ให้เราได้มีชีวิตอยู่
ไม่ใช่เพื่อความเพลิดเพลิน หรือเอาสังขารไปถล่มทลาย ด้วยอบายมุขต่างๆ เหล่านั้น แต่มีเอาไว้สำหรับแสวงหาหนทางมรรคผลนิพพาน
หรืออย่างน้อยก็สร้างบารมีให้มากๆ ทั้งทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะ ปัญญาวิริยะ ขันติ
สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาบารมี ให้เจริญขึ้นไปเรื่อยๆ
ยิ่งเรามีบุญ มีบารมีมากๆ อุปสรรคของชีวิตก็น้อยลง ถ้ามีบุญบารมีน้อย
อุปสรรคของชีวิตก็มาก การสร้างบารมีก็ลำบาก เพราะฉะนั้นเราต้องสั่งสมบุญ
เพื่อให้เป็นบุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติ มาเกิดแต่ละภพแต่ชาติ ชีวิตจะได้ไม่ลำเค็ญ จะได้มุ่งหน้าสร้างบารมีกันไปอย่างเดียว
ยึดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้นบุญต้นแบบ
ชีวิตในโลกมนุษย์ในภพทั้ง
๓ นี้ ไม่ว่าจะไปเกิดอยู่ในภพภูมิใดก็ตาม ถ้าไม่เข้าถึงธรรม ไม่ถึงรัตนตรัยในตัว ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นอะไร
ล้วนมีชีวิตลำเค็ญ หรือสุขไม่สมบูรณ์ แม้ไปเกิดเป็นพรหม เป็นอรูปพรหม ได้รูปฌานสมาบัติ
อรูปฌานสมาบัติ ก็ยังสุขได้ในระดับหนึ่ง ยังไม่เป็นบรมสุข เป็นแค่มหาสุขที่ยังไม่ยั่งยืน
เมื่อหมดกำลังบุญแล้วมาเกิดในเมืองมนุษย์ ความสุขนั้นก็ล่มสลาย ต้องมาเริ่มต้นใหม่ศึกษาเรียนรู้กันใหม่
บางคนเข้าใจผิดว่า
ไม่อยากไปนิพพานเพราะไม่สนุก จริงๆ ควรจะพูดว่า ไม่อยากอยู่ในภพ ๓ เพราะมันไม่สนุก
ความเพลิน ความสนุกเพลินในโลกนี้ เป็นความอยากที่ประกอบไปด้วยความเพลินนี้
เป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ในสังสารวัฏ ในมนุษย์และในอบาย มีความทุกข์ทรมานมาก เพลินก็ประเดี๋ยวประด๋าว
ความเพลินไม่ใช่ความสุข ความสุขมีที่เดียว ที่เกิดจากใจหยุดใจนิ่ง นิพพานนั้นมีแต่บรมสุขอย่างเดียว
เขาเรียก เอกันตบรมสุข เป็นสิ่งที่ควรไปอยู่ตรงนั้นอย่างยิ่ง
ที่อื่นไม่ใช่
โดยเราดูบุคคลต้นบุญต้นแบบ
คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านผ่านชีวิตมาทุกระดับเป็นมาตั้งแต่ชนชั้นล่าง ชั้นกลาง
ชั้นสูง เป็นจุลเศรษฐี มหาเศรษฐี บรมเศรษฐี พระราชาธรรมดา
กระทั่งพระราชาที่เป็นมหาราช กระทั่งเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองทวีปทั้ง ๔ ที่อยู่รอบเขาพระสุเมรุ
ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาและดาวดึงส์ ทั้งชมพูทวีป อุตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป
อปรโคยานทวีป ล้วนมีมนุษย์อยู่ทั้งสิ้น อาจจะเรียกว่า มนุษย์ต่างดาวก็ได้ เพราะอยู่กันคนละทวีป
ไปมาหาสู่ลำบาก นอกจากในยุคที่พระเจ้าจักรพรรดิบังเกิดขึ้นด้วยอานุภาพบุญพระเจ้าจักรพรรดินั่นแหละจึงจะไปมาหาสู่กันได้
และบางสมัยที่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้ ยังได้ไปสวรรค์ด้วยกายมนุษย์หยาบ ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ร่วมกับท้าวสักกเทวราชคนละครึ่งด้วยอานุภาพแห่งบุญ
แต่ท่านเห็นด้วยปัญญาของท่านว่า มันก็ยังดับทุกข์ไม่ได้
ยังไม่พ้นความเกิด แก่ เจ็บ ตาย โศกเศร้า เสียใจ คับแค้นใจ ร่ำพิไรรำพัน มีการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก
ประสบสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา ชีวิตเดี๋ยวขึ้น
เดี๋ยวลงกันอยู่ เดี๋ยวเป็นชนชั้นล่างบ้าง ชั้นกลางบ้าง ชั้นสูงบ้างไม่ได้มีความสุขเลย
ดูเหมือนว่าการพรั่งพร้อมด้วยลาภ
ยศ สรรเสริญ พวกพ้อง บริวาร อำนาจ วาสนา ปกครองไปด้วยในทวีปทั้ง ๔ น่าจะมีความผาสุก
แต่ปรากฏว่าไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เพราะเหตุนั้นแหละ พระองค์จึงได้สละราชสมบัติมานับครั้งไม่ถ้วน
สมบัติของเศรษฐี สมบัติของพระราชา สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ เพื่อไปสู่เพศอันสูง
อันอุดม อันประเสริฐ คือ เพศของสมณะ ตั้งแต่เป็นฤๅษี ดาบส นักพรต สิทธา เรื่อยมาเลยจนกระทั่งบารมีแก่กล้ากับความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ภพชาติสุดท้ายก็อยู่ในตระกูลกษัตริย์ อีก ๗ วันจะได้สมบัติจักรพรรดิแบบเดิมที่เคยได้มาแล้วในอดีต
แต่ท่านก็ปฏิเสธว่า ท่านอยู่ในเพศนักบวช ทำความเพียรได้หยุดกับนิ่งจนได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพศนี้จึงเป็นเพศอันอุดม
เพศอันสูงสุด เป็นเพศสุดท้ายที่จะไปสู่พระนิพพานแดนเอกันตบรมสุข ไม่ใช่เพศของผู้ด้อยโอกาส
แต่เป็นเพศของผู้ได้โอกาสที่ดี ที่ปลอดกังวล ไม่มีเครื่องพันธนาการชีวิต ทำความเพียรขจัดกิเลสอาสวะ
ซึ่งเป็นต้นตอของความทุกข์ทรมานของชีวิตในสังสารวัฏ แล้วก็ได้บรรลุกายธรรมอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขในโลกมนุษย์ด้วยกายมหาบุรุษ กระทั่งดับขันธ์ปรินิพพานไปสู่อายตนนิพพาน
นั่นคือชีวิตของต้นบุญต้นแบบที่ดี
ที่เราต้องยึดถือเป็นแบบแผนในการดำเนินชีวิต ชีวิตจะได้ไม่ผิดพลาด จะปิดอบาย ไปสวรรค์
แม้ยังมีกิเลสหนา ปัญญาหยาบอยู่ ก็จะท่องเที่ยวอยู่ใน ๒ ภูมิ คือในมนุษย์และเทวโลกเท่านั้น
นี่คือต้นแบบชีวิตที่สมบูรณ์ พระบรมศาสดาของเรา
เพราะฉะนั้น
ก็ต้องดูว่า ใครจะเป็นฮีโร่ของเรา เป็นวีรบุรุษในดวงใจเรา ต้นบุญต้นแบบของเราก็ต้องดูให้ดี
ต้องดูผู้ที่ฝึกตนมาอย่างดีแล้ว ผ่านร้อน ผ่านหนาว
ผ่านประสบการณ์ชีวิตกันมาในสังสารวัฏซ้ำๆ ซากๆ ฝึกตนทนหิวบำเพ็ญตบะเรื่อยมา สร้างบารมีแก่กล้าครบถ้วนบริบูรณ์นี่แหละ
เป็นต้นบุญต้นแบบที่ถูกต้องและดีงาม เป็นธงชัยของเราที่เราจะต้องยึดเอาไว้ เราจะเดินรอยตามนี้
ท่านก้าวพระบาทขวา เราก็ก้าวเท้าขวา ท่านก้าวพระบาทซ้ายเราก็ก้าวเท้าซ้าย เดินเหยียบอยู่ในรอยเดียวกันไปเลย
ในร่องในรอยพระบาท อย่าออกนอกร่องนอกรอย เขาเรียกว่าเดินตามรอย อยู่ในร่องในรอยพระบาทของพระบรมศาสดาของเรา
ก็จะได้มีความสุขทั้งในปัจจุบันและในอนาคต นี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องตอกย้ำซ้ำเดิมกันไปทุกๆ
วัน
ตอนนี้เราก็แผ่เมตตาแบ่งบุญที่เราได้มานี้ซึ่งเป็นอสงไขยอัปมาณัง
ไปยังบรรพบุรุษบุพการี ญาติสนิทมิตรสหายสัมพันธชนและสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
ในกามภพ รูปภพ อรูปภพ ในกำเนิดทั้ง ๔ ตลอดแสนจักรวาล อนันตจักรวาล ให้มีส่วนแห่งบุญที่เราได้กระทำเอาไว้อย่างดีแล้วในวันนี้ และแบ่งปันไปให้ได้อนุโมทนาสาธุการ ที่มีทุกข์มากก็ให้ทุกข์น้อย
ที่มีทุกข์น้อยก็ให้พ้นทุกข์ ที่มีสุขมากแล้วก็ให้มากเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ตามกำลังของบุญ นี่ต่างคนต่างแผ่เมตตากันนะจ๊ะ
วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565