วิธีการปฏิบัติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ( ๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น. )
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะลูกนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย
ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูก พอสบายๆ คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ
อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตานะจ๊ะ
ปรับใจ
ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์
ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ให้คลายความผูกพันในทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นสิ่งของ ธุรกิจการงาน บ้านช่อง การศึกษาเล่าเรียน
เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้นะจ๊ะ
ทุกสรรพสิ่งล้วนไปสู่จุดสลาย
ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ให้คลายความผูกพันจากสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย
โดยพิจารณาให้เห็นไปตามความจริงของสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลายว่า เมื่อเกิดขึ้นตั้งอยู่ก็ต้องไปสู่จุดสลายด้วยกันทั้งสิ้น
จะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นสิ่งของ แม้แต่โลกใบนี้สักวันหนึ่งก็จะต้องถึงการวินาศที่เรียกว่า
กัปวินาศ วันสิ้นสุดแห่งโลกใบนี้ด้วยไฟบรรลัยกัลป์บ้าง
น้ำบรรลัยกัลป์บ้าง ลมบรรลัยกัลป์บ้าง
เมื่อโลกใบนี้ซึ่งเป็นที่รองรับทุกสิ่งยังล่มสลายไปสู่จุดสลายได้
คน สัตว์ สิ่งของ หุบเขา ต้นไม้ ตึกรามบ้านช่อง รถรา ที่อยู่อาศัยก็ต้องผุต้องพังกันลงไป
บรรพบุรุษของเราปู่ย่าตายายก็ต้องล้มหายตายจากเราไป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ
เป็นพระบรมครูของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย มีพระบุญญาบารมีมากเพราะสั่งสมบุญบารมีมาอย่างต่อเนื่อง
พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องมายาวนานจนกระทั่งตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ทรงอภิญญา วิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ จรณะ ๑๕ วิโมกข์ ๘ เป็นต้น ยังต้องดับขันธปรินิพพาน
พระปัจเจกพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลาย ผู้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะแล้วก็จะต้องดับขันธปรินิพพานไปสู่อายตนนิพพาน
พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย และคุณยายอาจารย์ของเรา เป็นต้น ท่านมีบุญบารมีมาก
มีมโนปณิธานที่จะปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง เป็นผู้มีอานุภาพก็ยังต้องละสังขารจากโลกนี้ไป นับประสาอะไรกับเราซึ่งยังมีอานุภาพไม่เท่าท่าน บุญญาบารมีไม่เท่าท่าน เราก็จะต้องไปสู่จุดสลายสักวันหนึ่ง
เรามาเกิดในโลกใบนี้เพื่อมาสร้างบารมี ทำพระนิพพานให้แจ้ง
แสวงบุญ ซึ่งมีเวลาอยู่อย่างจำกัดในช่วงอายุขัยมนุษย์เฉลี่ย ๗๕ ปี
สักวันเราก็ต้องแตกดับไป และความเกิดแก่เจ็บ ตายได้เกิดขึ้นกับเราทุกวัน เซลล์ในร่างกายส่วนหนึ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่และก็ตายไป
เกิดแก่เจ็บตายทุกวันในร่างกายของเราอย่างที่เราไม่รู้สึกตัวเลย
เผลอประเดี๋ยวเดียวจากวัยเด็กมาสู่วัยรุ่น
วัยรุ่นมาสู่วัยหนุ่มสาว วัยหนุ่มสาวสู่วัยกลางคนและเข้าสู่วัยแห่งปัจฉิมวัยเฒ่าชรากันลงไป
สิ่งที่เคยสวยสดงดงามในร่างกายเราก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป
กำลังร่างกายก็ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ความเสื่อมของร่างกายได้ปรากฏกับเรา แล้วมรณภัยซึ่งไม่มีนิมิตหมายใกล้เราไปทุกวัน
เพราะฉะนั้น เราจะต้องใช้ร่างกายที่ยังอยู่นี้ให้ถูกวัตถุประสงค์ของชีวิต
คือ การแสวงหามรรคผลนิพพาน อย่างน้อยก็พระรัตนตรัยซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของเรา
สิ่งอื่นไม่ใช่ ทางมรรคผลนิพพานก็ดี พระรัตนตรัยก็ดี มีอยู่ภายในตัวของเรา
เราได้ศึกษาเรียนรู้กันมาแล้วในระดับหนึ่ง
สำหรับนักเรียนใหม่จะได้ถือโอกาสศึกษาไปด้วยว่า
ทางมรรคผลนิพพาน หรือการบรรลุมรรคผลนิพพานต้องเริ่มต้นจากภายในตัวของเรา
เมื่อเรารู้ว่า อยู่ในตัว สิ่งที่เราจะต้องทำคือ ต้องแสวงหาภายในตัว ณ
จุดที่มีอยู่
วางใจ
ด้วยวิธีการรวมใจ ฝึกใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางไปสู่อายตนนิพพาน ที่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลายท่านผู้รู้ผู้พ้นแล้วได้เดินไปในเส้นทางนี้
ซึ่งเป็นทางสายกลางภายในที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา
เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์หมดจดจากสรรพกิเลสทั้งหลาย เป็นทางหลุดทางพ้นจากกิเลสอาสวะ
เริ่มต้นจากศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ
โดยสมมติว่า เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง
จากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง
ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม เหนือจุดตัดนี้ขึ้นมา
๒ นิ้วมือ เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ซึ่งเป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ ที่ตื่น และเป็นต้นทางไปสู่อายตนนิพพาน
เป็นที่ที่เราจะต้องเอาใจมาอยู่ตรงนี้เราต้องรู้จักฐานที่ ๗ เอาไว้ด้วยวิธีการดังกล่าวนั่นแหละ
แต่ในแง่ของการปฏิบัติจริงๆ เราแค่รวมใจของเรามาหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ อยู่ที่บริเวณกลางท้องในระดับที่เรามั่นใจว่า ตรงนี้คือ ฐานที่ ๗ โดยไม่ต้องกังวลกับฐานที่
๗ มากจนเกินไป ไม่ต้องไปมัวควานหา เพราะฐานที่ ๗ จะเห็นได้ต่อเมื่อใจหยุดนิ่งได้สมบูรณ์
๑๐๐ เปอร์เซ็นต์แล้วเท่านั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้เราก็เอาใจมาไว้ที่กลางท้องในบริเวณที่เรามั่นใจว่า
เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือนะจ๊ะ
บริกรรมนิมิต
แล้วเราก็กำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมา
กำหนดภาพทางใจ ในช่วงนี้อยู่ในเทศกาลของวันวิสาขบูชา ซึ่งเหลือเวลาอีก ๓๐ กว่าวันก็จะถึงแล้ว
เป็นวันของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็เอาพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ จะเป็นเรื่องราวของท่าน
หรือว่าสัญลักษณ์แทนพระองค์ท่านก็ได้
ง่ายที่สุดคือ นึกถึงสัญลักษณ์ซึ่งเป็นสิ่งแทนตัวของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คือ พุทธปฏิมากรหรือพระพุทธรูปขนาดไหนก็ได้อยู่ในอิริยาบถทำสมาธิ จะทำด้วยวัสดุอะไรก็ได้ แต่ถ้าใสเหมือนแก้ว เหมือนเพชรได้จะดีที่สุด เพราะการนึกถึงของที่ใสๆ
จะทำให้ใจของเราใสไปด้วย
นึกถึงท่านในขนาดที่พอเหมาะพอดีอยู่ในกลางท้อง
เอาไว้เป็นเครื่องผูกของใจ เป็นที่ยึดเหนี่ยวของใจ เพื่อให้ใจอยู่ที่ฐานที่ ๗ ไม่ซัดส่ายไปที่อื่น
เพราะใจถ้าส่งไปที่อื่นแล้วมันก็ได้แค่ความเพลิน แต่ไม่ได้ความสุขที่แท้จริง และจะไม่รู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต จิตจะไม่บริสุทธิ์ แต่ถ้าเอาใจมาไว้ตรงนี้ เราจะได้ทั้งความบริสุทธิ์ของใจ ซึ่งเราไม่เคยเจอมาก่อน
ความบริสุทธิ์ของใจ ทำให้เราได้พบกับความสุขที่แท้จริงที่ไม่มีประมาณ
แตกต่างจากที่เราเคยเข้าใจว่า สิ่งนั้นเป็นความสุข
เราจะได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวซึ่งเป็นที่พึ่งและที่ระลึกที่แท้จริงของเรา
สิ่งอื่นไม่ใช่
เราจะมีธรรมจักขุ มีญาณทัสสนะ เป็นอุปกรณ์ในการศึกษาเรียนรู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตเช่นเดียวกับบัณฑิตนักปราชญ์ท่านผู้รู้ในกาลก่อน
เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราก็หาเครื่องผูกของใจในการตรึกระลึกนึกถึงองค์พระแก้วใสๆ
ใจจะได้สูงส่ง เพราะว่าเป็นวัตถุอันเลิศเป็นกุศลนิมิต ทำให้จิตเราหยุด นิ่ง
บริสุทธิ์สว่างไสว และอยู่ในช่วงของการเจริญพุทธานุสติระลึกนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันที่ใกล้จะถึงวันวิสาขบูชา
บริกรรมภาวนา
นึกให้ต่อเนื่องกันไปอย่างมีสติ สบาย
สม่ำเสมอ ไม่เผลอไปคิดเรื่องอื่น เพราะถ้าเผลอไปคิดเรื่องอื่น เราก็ประคองใจให้หยุดนิ่งด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ
ว่า สัมมาอะระหังๆๆ ให้ดังออกมาจากในกลางท้องของเรา บริเวณที่มีองค์พระแก้วขาวใสบริสุทธิ์อยู่ในกลางกายนะจ๊ะ
คล้ายๆ กับเป็นเสียงที่มาจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ที่ไม่มีประมาณ อานุภาพที่ยิ่งใหญ่มากลั่นใจให้เราใสๆ
บริสุทธิ์ ให้ประคองใจกันไปอย่างนี้
ส่วนใครที่ถนัดนึกถึงดวงแก้วใสๆ
จะนึกดวงแก้วใสๆ ก็ได้ หรือถนัดนึกพระเดชพระคุณหลวงปู่อยู่กลางกายก็ได้นะจ๊ะ
อย่างใดอย่างหนึ่ง พึงจำไว้ว่าบริกรรมนิมิตนี้เป็นแค่เครื่องผูกของใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ภายใน
ใจจะได้ไม่ซัดส่ายไปคิดเรื่องอื่น
และให้ใจของเราเป็นหนึ่งเดียวกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เหมือนล็อคติดเอาไว้เลย
นี่คือวัตถุประสงค์ของการนึก
แต่ถ้าใครนึกเป็นภาพดังกล่าวนี้แล้ว อดที่จะเค้นภาพหรือกดลูกนัยน์ตาดูไปไม่ได้
ทำให้มึนตึงศีรษะ จะไม่นึกถึงภาพดังกล่าวนี้ก็ได้ อยากจะวางใจเฉยๆ และมั่นใจว่า ใจไม่ฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่น
จะหยุดใจนิ่งเฉยๆ และประคองใจด้วยบริกรรมภาวนา สัมมาอะระหัง อย่างเดียวอย่างนี้ก็ได้อีกเหมือนกัน
หรือถ้าใครผ่านขั้นตอนของการนึกถึงบริกรรมนิมิตกับบริกรรมภาวนามาแล้ว
อยากจะหยุดใจนิ่งๆ นุ่มๆ ที่กลางกาย จับทางได้ จำวิธีการได้ จำรอยเดิมที่เคยทำได้ผล
จะไม่นึกถึงบริกรรมนิมิตหรือภาวนา สัมมาอะระหัง ก็ได้อีกเหมือนกัน แค่แตะใจเบาๆ
ใช้ระบบสัมผัสเดี๋ยวใจก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายในเอง
เข้าถึงสิ่งที่มีอยู่แล้วภายใน เช่น
แสงสว่าง ความสุขที่แท้จริง ดวงธรรม กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายพรหม กายอรูปพรหม
กายธรรมโคตรภู กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกิทาคามี กายธรรมพระอนาคามี กายธรรมพระอรหัต
จะเข้าถึงอย่างนี้ไปเองนะจ๊ะ
สำหรับผู้ที่กำหนดบริกรรมนิมิต เมื่อถูกส่วนแล้วเห็นชัดขึ้นมาเป็นองค์พระ
เป็นดวง เป็นหลวงปู่ ก็ให้ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ ไม่ต้องไปสงสัยว่า เราคิดไปเองหรือว่า
เห็นเอง จะคิดไปเองหรือเห็นเองก็ดีทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่ควรมอง เป็นสิ่งที่ควรดู
เป็นสิ่งที่ควรจะเอาใจไปหยุดนิ่งไว้ตรงนั้นเรื่อยๆ แม้เป็นกุศลนิมิตเราก็ดูไป
ถ้าเราไปใช้ความคิดภาพนั้นจะเลือนหายไป ไม่เกิดประโยชน์อันใด
ให้ดูไปเรื่อยๆ ดูไปอย่างสบาย โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น ทำอย่างนี้ แค่นี้เท่านั้นแหละ
และลูกทุกคนก็จะสมหวังดั่งใจอย่างที่ตั้งใจไว้ด้วยดี
เดี๋ยวพอไปถึงของที่มันจริงๆ ความรู้สึกมันจะแตกต่างจากเดิม แล้วก็จะมีญาณผุดรู้ขึ้นมาในใจ
ซึ่งจะรู้ได้ด้วยตัวของตัวเอง ณ ตอนช่วงนั้น เพราะฉะนั้น ตอนนี้ให้ทำอย่างที่ได้แนะนำอย่างนี้นะจ๊ะ
มีอะไรให้ดูก็ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องคิดสงสัยอะไรทั้งสิ้น ทำอย่างนี้นะจ๊ะ
เช้านี้อากาศกำลังสดชื่นเย็นสบาย
เหมาะสมที่ลูกผู้มีบุญทุกคนจะได้ประกอบความเพียร ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ตั้งใจทำให้ถูกหลักวิชชา
ให้ลูกทุกคนสมหวังดั่งใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวทุกคนนะลูกนะ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
นะจ๊ะ
วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565