ชาวพุทธที่แท้จริง
วันอาทิตย์ที่  ๙  สิงหาคม
พ.ศ. ๒๕๕๒  ๑๓.๓๐ -
๑๕.๓๐ น. 
งานบุญวันอาทิตย์ สภาธรรมกายสากล  วัดพระธรรมกาย  
ปรับกาย-ปรับใจ
เมื่อเราได้จุดเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัยบูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ลูกทุกคนตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากัน
 
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ
ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ทั้งเนื้อทั้งตัว  ให้มีความรู้สึกว่า สบาย ผ่อนคลายจริงๆ 
แล้วก็ทำใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์
ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง
ให้คลายความผูกพันจากทุกสิ่ง ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง 
 
วางใจ
แล้วก็รวมใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ หรือจำง่ายๆ ว่า อยู่ในบริเวณกลางท้องของเรา รวมใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ
สบายๆ 
 
นึกถึงบุญ
ให้นึกถึงบุญทุกบุญที่เราทำผ่านมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
มาจนกระทั่งถึงปัจจุบันชาตินี้  ไม่ว่าจะเป็นบุญสงเคราะห์โลก
 หรือทำในพระพุทธศาสนา ทำบารมี ๑๐ ทัศ
ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาบารมี มารวมเป็นดวงใสๆ
ติดอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างง่ายๆ ที่กลางกาย
 
เป็นดวงใสๆ กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว ใสเหมือนกับเพชรที่เจียระไนยแล้ว
ไม่มีตำหนิเลย สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แต่ใสเย็นเหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
ให้นึกง่ายๆ เบาๆ สบายๆ ให้ต่อเนื่องกันไป ทำใจให้หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง 
 
บริกรรมภาวนา
พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่งด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ
ว่า สัมมาอะระหังๆๆ ทุกครั้งที่ภาวนา สัมมาอะระหัง เราจะต้องไม่ลืมตรึกนึกถึงดวงใสๆ
ดังกล่าวอย่างเบาๆ สบายๆ ให้ตรึกนึกถึงดวงใส เอาใจหยุดอยู่ที่กลางดวงใสๆ อย่างเบาๆ
 สบายๆ ใจเย็นๆ 
 
ค่อยๆ ประคองใจไปเรื่อยๆ ใจจะได้หยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ เป็นที่ตั้งของใจเรา 
เป็นตำแหน่งที่ถูกต้องและดีงามที่จะทำให้เราดับทุกข์ได้เข้าถึงความสุขอันไม่มีประมาณ
เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายที่ท่านหยุดใจของท่านอยู่ที่ตรงนี้
หยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จนกระทั่งใจตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน 
 
สภาวธรรมภายใน
เมื่อใจหยุดนิ่งได้ถูกส่วนก็จะตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน
แล้วก็เห็นดวงปฐมมรรค หรือดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ลอยขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้
ใสบริสุทธิ์ ใสในใส ใสเกินความใสใดในโลก ใจก็ยิ่งบริสุทธิ์ ยิ่งมีความสุข
และหลังจากนั้นท่านก็ได้เห็นกายในกายซ้อนกันอยู่ภายใน เป็นชั้นๆ เข้าไป
ซึ่งมีรวมทั้งกายมนุษย์หยาบ เป็น ๑๘ กาย จะเป็นคู่ๆ กัน มีกายหยาบ กายละเอียด เช่น
กายมนุษย์ละเอียด ซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์หยาบ
กายทิพย์ ซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด 
กายรูปพรหม ซ้อนอยู่ในกลางกายทิพย์ 
กายอรูปพรหม ซ้อนอยู่ในกลางกายรูปพรหม
            กายธรรมโคตรภู ซ้อนอยู่ในกลางกายอรูปพรหม
กายธรรมพระโสดาบัน หน้าตัก ๕ วา สูง ๕ วา เกตุดอกบัวตูม
ใสบริสุทธิ์ ซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมโคตรภู 
กายธรรมพระสกิทาคามี หน้าตัก ๑๐ วา สูง ๑๐
วา ซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระโสดาบัน 
กายธรรมพระอนาคามี หน้าตัก ๑๕ วาสูง ๑๕ วา
ซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระสกิทาคามี 
กายธรรมพระอรหัต หน้าตัก ๒๐ วาสูง ๒๐ วา
ซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระอนาคามี 
 
แต่ละกายก็มีกายหยาบ-กายละเอียด
เป็นคู่ๆ ซ้อนๆ กันอยู่ภายใน 
 
กายที่สำคัญกายสุดท้าย
คือ กายธรรมอรหัตผล ที่พุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายท่านไปถึงตรงนี้ แล้วใจก็ล่อนจากกิเลสอาสวะเป็นชั้นๆ
เข้าไป ตั้งแต่กิเลสหยาบ กระทั่งถึงกิเลสที่ละเอียด สิ่งที่ปลอมปนมาในธาตุธรรมเห็น
จำ คิด รู้ ในกายในใจก็ถูกขจัดออกไป ถูกกลั่นให้ใส ให้สะอาด บริสุทธิ์ จนหลุดพ้นจากความไม่บริสุทธิ์ที่เกิดจากกิเลสอาสวะ
ก็หลุดล่อนเข้าถึงกายธรรมอรหัตผล หน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา ใสบริสุทธิ์ กายสุดท้ายจะเป็นกายที่สำคัญ
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านก็ทำแบบนี้ เดินทางกันไปแบบนี้ แล้วท่านก็สั่งสอนอบรมถ่ายทอดกันมาถึงยุคของพวกเรานี้
เราก็จะต้องทำอย่างท่านอย่างนี้ถึงจะเรียกว่า ชาวพุทธที่แท้จริง คือ เดินตามรอยพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการปฏิบัติตามนี้แหละ
ทำตามท่าน ท่านสอนอย่างไร ทำอย่างนั้น เดินตามรอยกันไปเลย 
 
เพราะฉะนั้น หยุดใจจึงเป็นตัวสำเร็จ ที่จะทำให้เราเข้าถึงกายในกายดังกล่าว
แล้วก็ถอดออกเป็นชั้นๆ ดับทุกข์เป็น ได้เป็นชั้นๆ
ทุกข์ที่เกิดจากใจที่ไม่บริสุทธิ์จากกิเลสอาสวะ ตั้งแต่ขั้นหยาบถึงขั้นละเอียด ซึ่งเป็นกิเลสตระกูลเดียวกัน
แต่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามความหยาบ และความละเอียด ความหนาหรือบาง
เข้มข้นหรือเจือจางของกิเลสเป็นชั้นๆ เข้าไปกระทั่งถึงกายที่บริสุทธิ์ที่สุด คือ กายธรรมอรหัตผล 
 
ชาวพุทธที่แท้จริง
คำสอนนี้มีเฉพาะในพระพุทธศาสนา สอนวิธีที่จะดับทุกข์ได้
หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานของชีวิตได้ แต่กายในกายเหล่านี้ ทั้ง ๑๘ กาย มีอยู่ทุกคนในโลก
ทุกเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ จะต่างกันกับชาวพุทธตรงที่เขาไม่รู้ว่า มี ไม่เฉลียวใจว่า
มี แม้ชาวพุทธ ที่เป็นเพียงชาวพุทธในนามก็มีความรู้ไม่แตกต่างจากผู้ที่ไม่ได้เป็นชาวพุทธ
ถ้าไม่ได้ศึกษาเรียนรู้แล้วลงมือปฏิบัติ 
 
พวกเราทุกคนจึงเป็นผู้มีบุญมาก ที่ได้ศึกษา  ได้ฝึกฝน ได้ปฏิบัติตนทำตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงจะได้ยินได้ฟังแล้วก็ลงมือปฏิบัติ
เหลือแต่ปฏิเวธ 
 
ปฏิเวธ คือ ประสบการณ์ภายใน ซึ่งขึ้นอยู่กับความเพียร
ความขยันของเรา และทำให้ถูกหลักวิชชา มีสติ สบาย สม่ำเสมอ และก็หมั่นสังเกต ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งประคับประคองใจให้หยุดนิ่งได้
นี่เป็นงานที่แท้จริงของตัวเรา เพื่อตัวของเราเอง และเพื่อชาวโลก 
 
เพราะฉะนั้น ถ้าเรารักตัวของเราเอง
ก็จะต้องทำตัวของเราเองนี้ ให้ได้เข้าถึงความสุข ความสมปรารถนาในชีวิต ด้วยการปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนา
ให้ใจหยุดนิ่ง
ตั้งมั่น นิ่งแน่น นุ่มนวล ควรแก่การงานที่จะน้อมไปศึกษาเรียนรู้วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เช่น วิชชา ๓ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้บรรลุ ก็จะได้ศึกษาเรียนรู้กันไป นี่คือสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนจะต้องศึกษา
เรียนรู้ ปฏิบัติเพื่อตัวของตัวเอง 
 
การมีที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง  ย่อมดีกว่าการไม่มีที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
เพราะชีวิตของเราและชาวโลกล้วนมีความทุกข์ทั้งสิ้น  เมื่อมีความทุกข์ก็อยากจะหลุดพ้นจากทุกข์ อยากจะแสวงหาที่พึ่ง
 
เราเป็นชาวพุทธ มีความรู้ที่สมบูรณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นบุญลาภของเราที่จะเข้าถึงที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงซึ่งอยู่ภายในตัวของเราได้คือ
พระรัตนตรัย แต่ที่ไม่ใช่ชาวพุทธอยู่นอกบุญเขต
ก็แสวงหาที่พึ่งไปตามความเข้าใจของตัว ตามรสนิยม เมื่อความรู้ไม่สมบูรณ์ก็จะเป็นไปอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นที่พึ่งที่ระลึกของผู้ไม่รู้ก็อย่างหนึ่ง คือมักจะเลื่อนลอย ที่พึ่งของผู้รู้ก็อีกอย่างหนึ่ง
เพราะสามารถเข้าถึงจริงได้ พิสูจน์ได้ เข้าถึงได้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้
 
ให้ลูกทุกคนดีใจ
ภูมิใจว่า เราเป็นชาวพุทธ ได้มาอยู่ ณ ตรงนี้ ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งเป็นพระผู้ที่รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในธรรม ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว
และก็ถ่ายทอดได้ สั่งสอนได้ อย่างไม่มีปิดบังอำพรางเพื่อให้ได้หลุดพ้นจากทุกข์เช่นเดียว
กับพระองค์ และก็ไปสู่อายตนนิพพาน
 
เพราะฉะนั้น เราต้องให้ความสำคัญกับการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อตัวของเราเอง
เมื่อเราพิสูจน์ได้ เข้าถึงได้ มีความสุข สมปรารถนาของเราแล้วก็จะทำหน้าที่ผู้ให้แสงสว่างต่อไป
 
จุดเทียนใจ
 
ตอนนี้ก็เอาใจหยุดนิ่งนุ่ม
เบาสบาย นึกถึงมหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน มีพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด
จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย และคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เป็นต้น
 
อาราธนาให้ท่านน้อมนำเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัย
พร้อมกับปัจจัยไทยธรรมที่เราจะนำมาสร้างมหาทานบารมีในวันนี้ น้อมไปถวายเป็นพุทธ  บูชาแด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่ท่านดับขันธปรินิพพานนานมาแล้ว  คงอยู่แต่ธรรมกายอรหัตผล เป็นต้น ในอายตนนิพพานนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน
ให้น้อมไปถวายให้ทั่วถึง ดังที่ท่านได้เคยทำมา
เพราะว่าท่านมีความคล่องแคล่วเชี่ยวชาญในวิชชาธรรมกาย ส่วนพวกเราทุกคนก็เอาใจหยุดนิ่ง
นุ่ม เบาสบาย ให้ใจใสๆ หยุดในหยุด นิ่งในนิ่งกัน 
 
 
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565