ทุกคนมีธรรมกาย
วันอาทิตย์ที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น.
งานบุญวันอาทิตย์ สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ตั้งใจให้ แน่แน่ว
มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะลูกนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย
มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูก พอสบายๆ
ไม่ถึงกับปิดสนิท อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา แล้วก็ผ่อนคลาย
ปรับใจ
ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น
ให้สะอาด บริสุทธิ์ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด
ให้ปล่อย ให้วาง ทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง
วางใจ
รวมใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
โดยสมมติว่า เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒
เส้น แล้วนำมาขึงให้ตึงจากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง
จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท
จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม เหนือจุดตัดนี้ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่
๗
ฐานที่ ๗ ตำแหน่งหยุดใจของพระอริยเจ้า
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ
ที่ตื่นของเรา แล้วก็เป็นต้นทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน ที่พระพุทธเจ้าทุกๆ
พระองค์ นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน รวมถึงพระอรหันต์ทั้งหลาย
เมื่อท่านเบื่อหน่ายชีวิตในสังสารวัฏ เพราะเห็นภัยในวัฏสงสารในการเวียนว่ายตายเกิด
ท่านก็ทิ้งทุกอย่างปล่อยวางทุกสิ่ง นำใจมาหยุดนิ่งอย่างเดียว ไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งใจท่าน
ที่อยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้แหละ แล้วท่านก็ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
โดยใจท่านจะหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ นิ่งอย่างเดียวไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์
แปลว่า มรรคผลนิพพานนั้นมีอยู่ในตัวของเรานี่แหละ
จึงไม่พ้นกาลสมัย ไม่เกี่ยวกับกาลสมัย เพราะมีอยู่ในตัวของเรา
โดยมีจุดเริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นี้ เป็นต้นทางแห่งความความบริสุทธิ์
หมดจดจากสรรพกิเลสทั้งหลาย โลภะ โทสะ โมหะ กิเลสอาสวะต่างๆ จะดับสิ้นไป เพราะใจหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทั้งหลาย
ท่านหยุดตรงนี้ ให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัวในตำแหน่งที่ถูกต้อง
ตำแหน่งที่สำคัญ
ดวงธรรมภายใน
พอใจหยุดนิ่งถูกส่วนก็ตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน
และก็มีดวงธรรมลอยขึ้นมา เกิดที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ
อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ ในคืนวันเพ็ญ
อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน หรือใหญ่กว่านี้
ขึ้นอยู่กับบารมีของแต่ละท่านที่ไม่เท่ากัน
ดวงใสๆ นี้คือความบริสุทธิ์เบื้องต้น
ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร ท่านเรียกว่า ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน หรือ ดวงปฐมมรรค
ดวงนี้คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางเข้าไปสู่ภายใน
ในเส้นทางสายกลางอันบริสุทธิ์ หมดจดจากสรรพกิเลสทั้งหลาย
ที่จะสะสางรกชัฏมลทินของใจให้หมดสิ้นไป เส้นทางแห่งความบริสุทธิ์นี้เป็นเส้นทางเอกสายเดียว
เป็นแนวดิ่ง ไม่มีสองทาง ถ้าไปทางอื่นไม่หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ
เพราะทางอื่นพญามารเขาบังคับบัญชาไว้หมด เหลือทางนี้เป็นทางหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ
จากการบังคับบัญชาของพญามาร จะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ท่านเรียกดวงนี้ว่าดวงปฐมมรรค
เป็นต้นทางไปสู่อายตนนิพพานดังกล่าว
จุดเริ่มต้นความสุขไม่มีประมาณ
ดวงธรรมใสๆ นี้ คือความบริสุทธิ์เบื้องต้นที่มาพร้อมกับความสุขอันไม่มีประมาณ
ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน เป็นความสุขที่อะไรให้ไม่ได้ และก็ไม่มีในที่อื่น ไม่มีในคน
ในสัตว์ ในสิ่งของ ในลาภ ยศ สรรเสริญ อำนาจ วาสนา อะไรต่างๆ
แม้ความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิก็ไม่มีความสุขชนิดนี้
ดวงใสๆ คือ ความบริสุทธิ์เบื้องต้นที่มาพร้อมกับความสุขที่ไม่มีประมาณ
ความสุขที่ไม่มีประมาณก็ทำให้ใจยิ่งหยุดยิ่งนิ่ง เมื่อยิ่งหยุดยิ่งนิ่งก็ยิ่งแน่น
ใจก็ยิ่งนิ่งแน่น นุ่มนวล ก็จะน้อมเข้าไปสู่ภายใน
ในเส้นทางสายกลางนี้
ลำดับดวงธรรมภายใน
พอหยุดนิ่งหนักเข้า
ความสว่างก็เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กันนั้น ความสว่าง ความสุข ความบริสุทธิ์
ความชัดของดวงใสๆ ชัด ใส สว่าง สุข บริสุทธิ์ จะมาพร้อมๆ กันเลย
ซึ่งจะทำให้ใจของเราถูกดึงดูดเข้าไปสู่ข้างใน
แล้วก็เป็นความพึงพอใจที่จะทำอย่างนี้ แล้วก็เคลื่อนเข้าไปสู่ภายใน
ในกลางดวงปฐมมรรค
ก็จะเข้าถึงดวงศีล เป็นดวงใสๆ ที่มีอยู่แล้ว
ในกลางดวงศีล
ก็จะเข้าถึงดวงสมาธิ เป็นขั้นตอนของความบริสุทธิ์ของใจที่จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายใน
เมื่อใจหยุดนิ่ง การเดินทางภายในก็เริ่มขึ้น
ในกลางดวงสมาธิก็เข้าถึงดวงปัญญา
ในกลางดวงปัญญาก็จะเข้าถึงดวงวิมุตติ
ในกลางดวงวิมุตติก็จะเข้าถึงดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
จะเป็นดวงใสๆ ที่ซ้อนๆ กันอยู่ภายใน ละเอียดลุ่มลึกเข้าไปตามลำดับที่ใสสว่างกว่า
บริสุทธิ์กว่า ให้ปริมาณแห่งความสุขมากกว่า เพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อยๆ
ใจจะถูกกลั่นให้ใสๆ
กายภายใน
และก็เชื่อมเข้าไปถึงกายมนุษย์ละเอียดภายในที่อยู่กลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
จุดเล็กใสๆ จะขยายออกมาเป็น กายมนุษย์ละเอียด ที่หน้าตาเหมือนกับตัวเรา
ท่านหญิงก็เหมือนท่านหญิง ท่านชายก็เหมือนท่านชาย จะสดใสแล้วก็อยู่ในวัยเจริญกว่ากายมนุษย์หยาบ
กายนี้จะสดใส เรียกว่า กายมนุษย์ละเอียด หรือ กายฝัน ก็จะเห็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
แล้วใจก็จะนิ่งเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะถอดกายออกเป็นชั้นๆ ได้
จะถอดออกเป็นชั้นๆ
เข้าไปสู่ภายในถึงกายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม กระทั่งเข้าถึงกายที่สำคัญคือ กายธรรม
กายธรรม
กายธรรม
คือ กายตรัสรู้ธรรมของตัวเราที่สมบูรณ์ไปด้วยจักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง
ประชุมรวมอยู่ในกายธรรม ใส สว่าง บริสุทธิ์สวยงามมาก เกตุดอกบัวตูม
เกิดขึ้นที่กลางกายตรงนี้ ในอีกมิติหนึ่ง อีกความละเอียดหนึ่ง
หมวดหมู่แห่งธรรม
หรือความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับสรรพสัตว์สรรพสิ่ง
เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตก็จะอยู่ในกลางของพระธรรมกายนี่แหละ เรียกว่า ธรรมรัตนะ จะใสๆ
และในกลางนั้นก็จะมี สังฆรัตนะ คือ กายธรรมโคตรภูละเอียด จะซ้อนอยู่ข้างใน
ใสบริสุทธิ์
กายธรรมนี่แหละ เป็นตัวหลักที่สำคัญมาก
พุทธศาสนาเริ่มต้นจากตรงนี้ ตรงกายธรรม พระอริยเจ้าก็เริ่มต้นจากกายธรรมพระโสดาบัน
พระสกิทาคามี พระอนาคามี จนกระทั่งพระอรหัต
กายทั้งหมดนี้มีอยู่ในตัวของเรา
ซึ่งเราจะต้องเข้าถึงให้ได้ในชาตินี้ ให้สมกับที่เรามีบุญได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ
มาพบพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย ก็ต้องให้มีวาสนาได้เข้าถึง ด้วยวิธีการหยุดนิ่งดังกล่าวนี่แหละ
หยุดเท่านั้นเป็นตัวสำเร็จ
คือ จะไปนึก ไปคิด ไปไตร่ตรองอย่างไร วิเคราะห์วิจารณ์ก็เข้าไปไม่ถึง
ต้องเลยความคิดไป ต้องหยุดนิ่งอย่างเดียว ความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ ๔
อย่างนี้รวมเป็นจุดเดียวกันตรงกลางกาย นิ่งพอถูกส่วน ก็เข้าถึงได้
ชาติไหนก็สภาวธรรมเดียวกัน
เหมือนไม่กี่วันที่ผ่านมามีชาวต่างประเทศ
ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ได้มาวัด แล้วก็ได้มาทดลองปฏิบัติธรรมตามคำเชิญชวนของพระอาจารย์
พอมาถึงก็ไม่ได้บอกอะไรท่าน นอกจากให้ท่านทำใจให้สบายๆ
ให้หยุดนิ่งอยู่ภายในกลางกาย ไม่ได้บอกให้นึกถึงดวงหรือองค์พระ หรืออะไรทั้งสิ้น
บอกให้ทำใจสบายๆ
แต่ให้ความสบายอยู่ในกลางกาย กลางท้อง ท่านก็ทำตาม ท่านนิ่งไปนานกว่าใครทั้งหมด
ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก เพราะว่าท่านก็ไม่เคยปฏิบัติธรรมมา แต่นิ่งได้นาน
จนกระทั่งท่านลืมตาขึ้น พระอาจารย์ก็ถามว่า เป็นอย่างไร ท่านก็บอกว่า เห็นดวงก่อน
มีดวงเกิดขึ้นในกลางท้องที่มีความสุขมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
และท่านก็มองต่อไปกลางดวง
ในที่สุดก็เห็นพระอยู่องค์หนึ่งที่ใสมาก สวยมาก ทำให้ท่านชอบ เพราะว่ามีความสุขมากๆ
อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย องค์พระนั้นก็อยู่ในกลางท้องนี่แหละ
ต่อมาภาคบ่ายก็พาไปดูมหาธรรมกายเจดีย์
พระอาจารย์ท่านก็ถามว่า พระที่ you เห็นในกลางท้องเหมือนพระบนมหาธรรมกายเจดีย์ไหม ฝรั่งท่านนั้นตอบว่า ไม่เหมือน เพราะว่าองค์พระที่เห็นมีดอกบัวอยู่บนเศียร
เป็นดอกบัวตูมใสๆ ไม่เหมือนอยู่ที่ตรงเจดีย์ ท่านบอกท่านชอบมากเลยตอนนี้ก็ยังเห็นอยู่
นั่นก็แปลว่า ธรรมกายมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน
ทุกเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ พอใจหยุดนิ่งถูกส่วนด้วยอารมณ์ที่สบายก็สามารถเข้าถึงได้
เมื่อเข้าถึงได้ ความสุขก็เกิดขึ้น ความบริสุทธิ์ก็เกิดขึ้น
ความพึงพอใจอันสูงสุดก็เกิดขึ้น
เป็นประสบการณ์ภายในที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต และก็ไม่เคยมีความรู้มาก่อน เป็นสิ่งที่ท่านชอบมาก
นี่ก็เป็นพยานในการยืนยันว่า มีพระธรรมกายอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน
เพราะฉะนั้น
ลูกทุกคนเป็นผู้มีบุญ ที่ได้เกิดในร่มเงา ของพุทธศาสนาในบุญเขตนี้ ในวิชชาธรรมกาย
ก็ต้องให้มีวาสนาในการเข้าถึงให้ได้เช่นเดียวกับท่าน
บริกรรมนิมิต
ในภาคเช้านี้
อากาศกำลังสดชื่น แจ่มใส เย็นสบาย เหมาะสมที่ลูกผู้มีบุญทุกคนจะได้ประกอบความเพียร
ให้ลูกรวมใจมาหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หรือจำง่ายๆ ว่า อยู่ในบริเวณกลางท้อง
แล้วเราก็ตรึกนึกถึงดวงใส
หรือองค์พระใสๆ อย่างสบายๆ
นึกอย่างไหนง่ายกว่ากันก็เอาอย่างนั้น นึกไปด้วยใจสบายๆ เบิกบาน หลับตาพริ้มๆ
นั่งหน้ายิ้มๆ
นึกไปเรื่อยๆ
พร้อมกับประคองใจด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ ว่า สัมมาอะระหังๆๆ กี่ครั้งก็ได้
แต่ว่าทุกครั้งจะต้องนึกถึงบริกรรมนิมิตดวงใสๆ หรือจุดใสๆ หรือองค์พระใสๆ
อย่างนี้นะจ๊ะ เรื่อยไปเลย จนกว่าใจไม่อยากจะภาวนา สัมมาอะระหัง ต่อไป
แต่ว่าเมื่อใดใจฟุ้งไปคิดเรื่องอื่น เราจึงย้อนกลับมาภาวนา สัมมาอะระหัง ใหม่
ให้ลูกทุกคนทำอย่างนี้นะ
เช้านี้อากาศแจ่มใสเย็นสบาย
ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวทุกๆ คนนะลูกนะ
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565