ทางมรรคผลนิพพาน
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๕๒ ๐๙.๐๐ -
๑๑.๐๐ น.
งานบุญวันอาทิตย์ สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย-ปรับใจ
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ตั้งใจให้ แน่แน่ว
มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะลูกนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย
ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ
ค่อนลูกพอสบายๆ คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตานะ
แล้วก็ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ทำใจของเรา ให้ว่างๆ
วางใจ
แล้วก็รวมใจไปหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ
โดยสมมติว่า เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา
๒ เส้น นำมาขึงให้ตึงจากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง
ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม
เหนือจุดตัดขึ้นมา ๒ นิ้วมือ เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่
๗
ความสำคัญของศูนย์กลางกาย
ฐานที่ ๗
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ เป็นตำแหน่งที่สำคัญ เพราะเป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ ที่ตื่นของตัวเรา และก็เป็นต้นทางไปสู่อายตนนิพพาน
ที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ทุกพระองค์ นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน เมื่อท่านเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสังสาร
ท่านก็คลายความผูกพันจากทุกสิ่ง ใจของท่านก็จะมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้
หยุดอย่างเดียว
ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านหยุดนิ่งอย่างเดียว
ไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
ทางมรรคผลนิพพาน
จนกระทั่งถูกส่วนก็ตกศูนย์เข้าไปสู่ข้างใน
ใจก็เคลื่อนเข้าไปสู่ข้างใน
แล้วก็มีดวงธรรมลอยขึ้นมา เป็นดวงใสๆ บริสุทธิ์ใสเหมือนกระจกส่องเงาหน้าบ้าง
เหมือนน้ำใสๆ บ้าง เหมือนแก้วบ้าง เหมือนเพชรใสๆ หรือยิ่งกว่านั้น
กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ใสเย็นเหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันหรือใหญ่กว่านี้
แล้วแต่บารมีของแต่ละท่านที่ไม่เท่ากัน ปรากฏขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ดวงธรรมภายใน
ดวงนี้เป็นดวงธรรมเบื้องต้นดวงแรก
เรียกว่า ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน หรือดวงปฐมมรรค
แปลว่า หนทางเบื้องต้นหรือจุดเริ่มต้นไปสู่อายตนนิพพาน เพราะมรรคผลนิพพานอยู่ในตัว
ในกายมนุษย์
ท่านก็หยุดใจนิ่งอย่างนี้เรื่อยไป
ใจก็นิ่งแน่น นุ่มนวล สะอาด บริสุทธิ์ เกลี้ยงเกลา แล้วก็เคลื่อนเข้าไปสู่ภายในในแนวดิ่ง
ก็เข้าไปถึงดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ซึ่งซ้อนๆ
กันอยู่ภายในซึ่งกันและกัน
ดวงศีล ซ้อนอยู่ในกลาง
ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ดวงสมาธิ ซ้อนอยู่ในกลาง
ดวงศีล
ดวงปัญญา ซ้อนอยู่ในกลาง
ดวงสมาธิ
ดวงวิมุตติ ซ้อนอยู่ในกลาง
ดวงปัญญา
ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
ซ้อนอยู่ในกลาง ดวงวิมุตติ เป็นชั้นๆ เข้าไป
และกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะก็ขยายมาเป็น
กายมนุษย์ละเอียด หน้าตาเหมือนตัวเองนั่งสมาธิหันหน้าออกไปทางเดียวกับกายมนุษย์หยาบ
จะเห็นอย่างนี้เป็นชั้นๆ เข้าไป
กายธรรม
กายจะถูกถอดเป็นชั้นๆ
เข้าไป แต่ละกายถูกเชื่อมด้วยธรรม ๖ ดวง ใสบริสุทธิ์
กระทั่งถึงกายทิพย์หยาบ-ละเอียด กายรูปพรหมหยาบ-ละเอียด กายอรูปพรหมหยาบ-ละเอียด
กายธรรมโคตรภูหยาบ-ละเอียด
หน้าตักหย่อนกว่า ๕ วา นิดหน่อย
กายธรรมพระโสดาบันหยาบ-ละเอียด
หน้าตัก ๕ วา สูง ๕ วา เกตุดอกบัวตูม
กายธรรมพระสกทาคามีหยาบ-ละเอียด
หน้าตัก ๑๐ วา สูง ๑๐ วา เกตุดอกบัวตูม ใสบริสุทธิ์
ในกลางกายธรรมพระอนาคามีหยาบ-ละเอียด
หน้าตัก ๑๕ วา สูง ๑๕ วา เกตุดอกบัวตูมใสบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
กระทั่งถึงกายธรรมพระอรหัต
ทั้งหยาบทั้งละเอียด หน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา ใสเกินใส บริสุทธิ์มาก ซ้อนๆ กันอยู่
กายใหญ่ซ้อนอยู่ในกลางกายเล็ก ซ้อนเป็นชั้นๆ เข้าไป
กายที่สำคัญ
คือ กายธรรม ตั้งแต่กายธรรมโคตรภู กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกิทาคามี กายธรรมพระอนาคามี
กายธรรมพระอรหัต
กายเป้าหมาย
คือ กายธรรมอรหัตผล หน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา ท่านบรรลุธรรมไปอย่างนี้
ทุกพระองค์เหมือนกันหมด แล้วก็นำมาถ่ายทอดให้กับพระสาวก มนุษย์ เทวดาทั้งหลาย ซึ่งก็ล้วนมีกายธรรมให้ได้เข้าถึงธรรมกายเช่นเดียวกับพระองค์
ทุกๆ พระองค์จะเป็นอย่างนี้ นี่คือทางมรรคผลนิพพาน ต้องเดินอย่างนี้
งานที่แท้จริง
พระเดชพระคุณหลวงปู่
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร ท่านบอกว่า “หยุดเป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์”
ต้องเป็นอย่างนี้ ผิดจากนี้ไม่ใช่
เมื่อท่านยืนยันอย่างนี้แล้ว
เราเป็นลูกเป็นหลานท่านก็ต้องดำเนินรอยตาม หยุดใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ที่กลางกาย ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ในช่วงที่เรายังแข็งแรงอยู่ เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของเรา ทั้งในยามที่เรายังแข็งแรงอยู่
หรือยามที่ร่างกายอ่อนแอ เจ็บไข้ได้ป่วย แม้กระทั่งใกล้จะละโลก
นี่เป็นงานที่แท้จริงของเรา
เป็นกิจที่จะต้องทำ เพราะเกี่ยวกับตัวของเรา เข้าถึงได้ก็จะมีความสุขที่ไม่มีประมาณ
มีความสุข มีความบริสุทธิ์ สว่าง เห็นแจ้งรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง ความลับของชีวิตก็จะถูกเปิดเผย
เราก็จะได้รู้จักตัวของเราเอง นี่เป็นเรื่องที่สำคัญ
อีกทั้ง จะเป็นเครื่องอยู่เป็นสุขสำหรับชีวิตปัจจุบันชาตินี้
ทั้งอิริยาบถนั่ง นอน ยืน เดิน จะเป็นสุขอย่างยิ่ง เมื่อใจหยุดนิ่งอยู่ในกลางดวงธรรมใสๆ
กายในกายหรือองค์พระธรรมกายที่อยู่กลางกายของเรา
บริกรรมนิมิต
บริกรรมภาวนา
ตอนนี้เราก็มาฝึกใจให้หยุดนิ่ง
ฝึกนิ่งให้ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ อย่างเบาๆ สบายๆ ใจเย็นๆ ให้ตรึกนึกถึงดวงใส
ใจหยุดอยู่ในกลางดวงใสที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ กลางท้องของเราอย่างเบาๆ สบายๆ
พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่งด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ
สม่ำเสมอว่า สัมมาอะระหังๆๆ ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ สัมมาอะระหังๆๆ
อย่างนี้ไปเรื่อยๆ กี่ครั้งก็ได้จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง
เมื่อใจหยุดนิ่งมันก็จะทิ้งคำภาวนาไปเอง
จึงเกิดความรู้สึกว่า เราไม่อยากจะภาวนา สัมมาอะระหัง ต่อไป
เมื่อเราเกิดความรู้สึกอย่างนี้แล้ว เราก็ไม่ต้องภาวนา สัมมาอะระหัง ต่อไป แต่เมื่อใดใจฟุ้งไปคิดเรื่องอื่นเราจึงย้อนกลับมาใหม่
แล้วก็ ภาวนาสัมมาอะระหัง ประคองใจกันไปอย่างนี้
เช้านี้ อากาศกำลังสดชื่นแจ่มใสเย็นสบาย
เหมาะสมที่ลูกทุกคนผู้มีบุญจะได้ ประกอบความเพียรให้กลั่นกล้าอย่างถูกหลักวิชชา
ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์มาพบพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย อย่าให้วันคืนล่วงไปๆ
ด้วยการเป็นอยู่ด้วยความไม่ประมาท ฝึกใจให้หยุดให้นิ่งและให้เข้าถึงพระรัตนตรัยกันอย่างนี้
ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวทุกๆ คนนะลูกนะ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
นะจ๊ะ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565