ความเหมือนในความต่าง
วันอาทิตย์ที่
๒๘ มีนาคม พ.ศ.
๒๕๕๓ (๐๙.๐๐ -
๑๑.๐๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย-ปรับใจ
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย
ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ
แค่ค่อนลูก พอสบายๆ คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา
อย่ากดลูกนัยน์ตา ให้หลับตาพริ้มๆ นั่งหน้ายิ้มๆ
ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา
ทั้งเนื้อทั้งตัวให้มีความรู้สึกว่า ผ่อนคลาย อย่าให้มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายของเราที่ยังเกร็งหรือตึง
ให้ผ่อนคลาย
แล้วก็ทำใจให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ให้คลายความผูกพันจากทุกสิ่ง ในช่วงเวลาที่เราจะหลับตาเจริญสมาธิภาวนา
ให้ทิ้งทุกอย่างปล่อยวางทุกสิ่ง
วางใจ
แล้วก็รวมใจมาหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา
๒ นิ้วมือ
โดยสมมติว่า
เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึงจากสะดือทะลุไปด้านหลังเส้นหนึ่ง
จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท
จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม เหนือจุดตัดนี้ขึ้นมา ๒ นิ้วมือเรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ความสำคัญของศูนย์กลางกายฐานที่
๗
ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ เป็นตำแหน่งที่สำคัญ เพราะนอกจากเป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ
ที่ตื่นของตัวเราแล้ว ยังเป็นต้นทางแห่งการบรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นตำแหน่งแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลาย รวมทั้งตัวของเราด้วย
ตำแหน่งแห่งการตรัสรู้ธรรม
ซึ่งเป็น ต้นทางไปสู่อายตนนิพพาน ตำแหน่งนี้
มีความสำคัญมาก เป็นตำแหน่งเดียวที่เราจะดับทุกข์และหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ และก็เข้าถึงความสุขอันเป็นอมตะได้
เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย
ตำแหน่งนี้มีเพียงตำแหน่งเดียว
นอกนั้นไปนิพพานไม่ได้ ดับทุกข์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องนำใจกลับมาหยุดนิ่งให้สนิทอยู่ที่ตรงนี้
ด้วยการกำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมาในใจ เป็นภาพทางใจ เอาไว้เป็นที่ยึดที่เกาะของใจเรา
ใจจะได้ผูกพันอยู่ที่ฐานที่ ๗ ตรงนี้ ไม่ซัดส่ายไปภายนอก เพราะชีวิตที่ผ่านมาใจของเราก็กระเจิดกระเจิงไปภายนอกมามากมาย
บริกรรมนิมิต
เราจะต้องกำหนดบริกรรมนิมิต
เป็นดวงแก้วใสๆ หรือเพชรสักเม็ดหนึ่ง กลมรอบตัว ใสบริสุทธิ์ขนาดไหนก็ได้
อย่างน้อยก็โตเท่ากับแก้วตาของเรา กำหนดหรือสร้างภาพขึ้นมาในใจอย่างง่ายๆ คล้ายๆ
กับเรากลืนผลส้มลงไปในท้องอย่างนั้น ให้กำหนดนึกอย่างง่ายๆ เบาๆ สบายๆ
บริกรรมภาวนา
พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่งด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ
โดยให้เสียงคำภาวนา ดังออกมาจากในกลางท้องของเรา กลางบริกรรมนิมิต ดวงใสๆ
อย่างสม่ำเสมอไม่เร็วไม่ช้าเกินไป เป็นเสียงที่ละเอียดอ่อน เหมือนบทเพลงหรือบทสวดมนต์ที่เราคุ้นเคย
ดังขึ้นมาเองภายในใจของเรา
ประคองใจด้วยบริกรรมภาวนา สัมมาอะระหังๆ ตรึกนึกถึงดวงใส
เอาใจหยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ อย่างเบาๆ สบายๆ ใจเย็นๆ ประคองใจไปอย่างนี้ จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง
อยู่กับเนื้อกับตัว อยู่ตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้ โดยที่เราไม่ได้คิดอะไร ที่นอกเหนือจากนี้เลย
ถูกส่วนเข้าถึงดวงปฐมมรรค
เมื่อใจนิ่งถูกส่วนเข้า
ตัวเราจะเกิดความรู้สึก โล่ง โปร่ง เบา สบาย ตัวจะขยายแล้วก็รู้สึกว่า ตัวหายไปเลย
เหมือนเราไม่มีตัวตน แล้วใจก็จะตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน เหมือนไปอยู่ในกลางอวกาศโล่งๆ
ว่างๆ
พอตกศูนย์ไปก็จะมีดวงธรรมลอยขึ้นมาแทนที่บริกรรมนิมิตที่เราสร้างขึ้นมา
จะมีดวงธรรมลอยขึ้นมา มีลักษณะเป็นดวงใสๆ กลมรอบตัว คล้ายๆ กับบริกรรมนิมิต แต่ว่าใสบริสุทธิ์มาก
มาพร้อมกับความสุขและความบริสุทธิ์ของใจ ความสุขที่เราไม่เคยเจอ หรือรู้จักมาก่อน
เป็นความสุขที่ทำให้รู้สึกเบากายเบาใจ เยือกเย็นแจ่มใส ตื่นตัวภายใน เบิกบาน
มาพร้อมกับดวงใสๆ
เราเรียกดวงนี้ว่า
ดวงปฐมมรรค หรือ ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นดวงธรรมเบื้องต้นที่จะนำให้เราเข้าไปสู่อายตนนิพพาน
ดับทุกข์ และหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะได้
เพราะฉะนั้น
ใจต้องหยุดนิ่งให้ถูกส่วน จนกระทั่งตกศูนย์แล้วการเห็นก็จะเกิดขึ้น เห็นเป็นดวงใสดังกล่าว
ทั้งใส สว่าง สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันหรือยิ่งกว่านั้น แล้วภาพดวงก็จะชัดเหมือนกับเราลืมตาเห็น
หรือยิ่งกว่าลืมตาเห็น ภาพจะชัด ใส แจ่ม กระจ่างอยู่ในกลางกาย
เข้าถึงพระธรรมกายภายใน
ธรรมดวงนี้จึงสำคัญมาก
เห็นเมื่อไร ก็จะได้เห็นพระตถาคตเจ้า คือ พระธรรมกาย ที่อยู่ลึกเข้าไปภายใน
ใจของเราก็จะต้องนิ่งแน่นเข้าไปเรื่อยๆ นิ่งในนิ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
แล้วใจของเราจะมีอิสรภาพ
เป็นอิสระจากความทุกข์ทรมานของชีวิต จากปัญหาและแรงกดดันของชีวิต จะมีสุขอยู่ด้วยตัวของตัวเอง เป็นสุขที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีประมาณ
จะบังเกิดขึ้นเมื่อใจหยุดนิ่ง เพราะฉะนั้น ใจหยุด
จึงเป็นตัวสำเร็จ ให้เราได้เข้าถึง ดวงธรรมภายใน
และเข้าถึงพระตถาคตเจ้าภายใน คือ พระธรรมกาย ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของตัวเราและของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
อยู่ในตัวของเรานี้
พระธรรมกายนี้มีลักษณะสวยงามมาก
เกตุดอกบัวตูม ใสเกินใส สวยเกินสวย อยู่ในกลางกายของเรา ตั้งแต่องค์เล็กๆ ไล่ไปจนกระทั่งองค์ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
พระธรรมกายนี้
มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน และมีลักษณะเหมือนกันหมด เป็นพิมพ์เดียวกัน เหมือนหลอมออกมาจากเบ้าเดียวกัน
เป็นความเหมือนที่อยู่ภายในความแตกต่างภายนอก มีเหมือนกันหมดทุกคน
ซึ่งมวลมนุษยชาติส่วนใหญ่ยังขาดแคลนความรู้ตรงนี้
เพราะว่าไปติดเปลือกภายนอกและก็ไม่ได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
จึงไม่ได้สนใจ หรือลงมือปฏิบัติเหมือนอย่างพวกเรา
เพราะฉะนั้นชีวิตจึงยังอยู่ในสภาวะอันตราย
ถูกกดดันด้วยปัญหาต่างๆ และที่อันตรายมากกว่านั้น คือชีวิตยังไม่ปลอดภัยในสังสารวัฏ
ยังไม่ปลอดภัยในอบายภูมิ แม้กระทั่งชีวิตในปัจจุบันนี้
เมื่อเราสว่าง
โลกก็สว่างด้วย
เมื่อลูกทุกคนเป็นผู้มีบุญ
ที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย จงใช้โอกาสที่ดีนี้ ตั้งใจศึกษาเรียนรู้
ฝึกฝนตัวของเรา ฝึกใจให้หยุดนิ่งควบคู่กับชีวิตประจำวันที่เรายังเป็นคฤหัสถ์
ยังมีการทำมาหากิน ทำมาค้าขาย ทำมาสร้างบารมี ให้เศรษฐกิจกับจิตใจไปด้วยกัน
ชีวิตของเราก็จะได้ไม่ว่างเปล่า เป็นชีวิตที่มีแก่นสาร จะได้เข้าถึง พระธรรมกายภายในตัวซึ่งเป็นตัวพระรัตนตรัย
ส่วนลูกๆ
ที่เป็นบรรพชิตภายในองค์กร พระธรรมทายาททั้งหลาย ก็เป็นผู้ที่ได้โอกาสมากกว่า ถือว่ามีบุญมาก
ก็จงใช้วันเวลาที่มีชีวิตอยู่ในเพศของสมณะนี้ ให้เป็นประโยชน์ด้วยการศึกษา ฝึกฝน
เรียนรู้ ฝึกใจให้หยุดนิ่ง ให้มีประสบการณ์ภายใน เข้าถึงพระธรรมกายในตัว ให้มีที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
จนเรารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย มีความสุขตลอดเวลาในทุกหนทุกแห่งว่า เรามีที่พึ่งภายใน
เป็นที่พึ่งกับตัวของเราเองได้
อัตตา
หิ อัตตโน นาโถ เราพึ่งตัวของเราได้ เพราะเข้าถึงพระธรรมกายในตัว
แล้วเราก็จะเป็นที่พึ่งต่อมวลมนุษยชาติได้ ประดุจดวงตะวันที่ให้แสงสว่างแก่สรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น
ให้ลูกทั้งหลายจงตั้งใจศึกษา ฝึกฝน เรียนรู้ให้ใจของเราหยุดนิ่งให้ได้ ใจหยุดนี้เป็นสิ่งสำคัญ
นอกจากจะทำให้เราเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว เป็นที่พึ่งที่ระลึกให้กับตัวของเราแล้ว ยังเป็นที่เคารพบูชา
เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส ของมนุษย์และเทวดาทั้งหลายอีกด้วย
ความเลื่อมใสนั้น
จะนำมาสู่การปฏิบัติและการบรรลุธรรมกายเช่นเดียวกับตัวของเรา
เพราะฉะนั้นคำขวัญที่ว่า เมื่อเราสว่าง โลกก็สว่างด้วย
เป็นจริงแท้และเราสามารถเข้าถึงได้
ดังนั้น เช้านี้อากาศกำลังสดชื่นเย็นสบาย
เหมาะสมที่ลูกผู้มีบุญทุกคน ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต จะได้ใช้วันเวลาที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
มาพบพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายนี้ ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการประกอบความเพียรให้แก่กล้าอย่างถูกหลักวิชชา
ก็ให้ตั้งใจประคับประคองใจกันไป
กำหนดบริกรรมนิมิตแล้วก็ประคองใจ ด้วยบริกรรมภาวนาว่า สัมมาอะระหังๆ เรื่อยไป
จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง แล้วก็ทิ้งคำภาวนาไปเอง หรือไม่อยากจะภาวนา สัมมาอะระหัง ต่อไป
อยากหยุดใจนิ่งเฉยๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้อย่างเดียว
เมื่อไม่อยากภาวนาเราก็หยุด นิ่ง เฉย อย่างสบายๆ
ขอให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวทุกๆ
คน ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565