บวชอย่างไรให้พ่อแม่ได้บุญมาก
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.
๒๕๕๓ (๑๓.๓๐ -
๑๕.๓๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย-ปรับใจ
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะจ๊ะ
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ หลับตาก็ไม่ถึงกับปิดสนิท พอสบายๆ เหมือนเราหลับตาพริ้มๆ
นั่งหน้ายิ้มๆ สบายๆ ราวกับผู้นิรทุกข์ที่ไม่มีความทุกข์เลย ให้ผ่อนคลาย
ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา
ทั้งเนื้อทั้งตัวให้มีความรู้สึกว่า ผ่อนคลาย สบาย ทำใจให้ใสๆ ให้เยือกเย็น
ให้บริสุทธิ์จากสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง
วางใจ
แล้วก็รวมใจไปหยุด
นิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างง่ายๆ สบายๆ ใจเย็นๆ ให้ใจหยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน ผ่อนคลายให้รู้สึกสบาย
เอาใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ แบบแผ่วๆ แตะใจไปเบาๆ ในกลางท้องของเรา
ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
นึกถึงบิดามารดาเป็นบริกรรมนิมิต
แล้วก็ตรึกนึกถึงดวงใส
ใจหยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ อย่างเบาๆ สบายๆ
แต่สำหรับลูกๆ นาคธรรมทายาททั้งหลาย
เราจะนึกถึงบิดามารดา ผู้ที่มีพระคุณต่อเรา ท่านใดท่านหนึ่งก่อนก็ได้ นึกทีละท่าน
บางคนถนัดนึกถึงคุณแม่ บางคนถนัดนึกถึงคุณพ่อ เราก็เอาท่านใดท่านหนึ่ง
นึกอย่างง่ายๆ สบายๆ
นึกถึงส่วนที่เราจำได้ชัดเจน เช่น ใบหน้าของท่าน หรือถ้านึกได้ทั้งหมดได้ยิ่งดี ให้ท่านมานั่งทำสมาธิอยู่ในกลางท้องของเรา
เราจะนึกย่อให้ท่านเล็กลงก็ได้ หรือจะนึกว่า ตัวเราขยาย
แล้วกายท่านอยู่ในกลางท้องของเราในระดับที่เรานึกถึงท่านได้อย่างง่ายๆ สบายๆ
เหลืออีกแค่ ๒ วันเท่านั้น
เราก็จะเข้าสู่พิธีบรรพชาเป็นสามเณร เทือกเถาเหล่ากอของสมณะ บวชคราวนี้ต้องให้เป็นสามเณร เป็นพระแท้ ทุกๆวันที่เรานึกเมื่อไร
แล้วเราปลื้มปีติสุข ไม่ใช่มีความรู้สึกเป็นพระแค่เพียงวันเดียว คือวันบวชเท่านั้น
แล้ววันอื่นเราก็นึกไม่ออกไม่ใช่อย่างนั้นนะจ๊ะ
เพราะว่านี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตของเรา ของบิดามารดา และของพระศาสนา
เพราะฉะนั้น ลูกค่อยๆ
นึกถึงภาพท่านอย่างง่ายๆ สบายๆ ถ้าเรามีความรักเคารพ เทิดทูนท่าน บูชาท่าน
เพราะท่านเป็นบุคคลที่ควรแก่การบูชา เราต้องนึกท่านได้อย่างง่ายๆ
พ่อแม่เกาะชายผ้าเหลืองสู่สวรรค์
เราจะตอบแทนพระคุณท่านได้สมบูรณ์
ก็ต่อเมื่อเราบวชเป็นสามเณร เป็นพระได้สมบูรณ์ แล้วก็นำท่านติดตัวเราไปด้วย
บวชกันไปพร้อมๆ กัน หอบเอาท่านไป เอาไว้ในกลางกายของเรา ตรงนี้จึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องนึกถึงภาพท่านให้ชัดเจน
แจ่มใส อย่างง่ายๆ สบายๆ นึกอย่างมีความสุข ปีติสุขหล่อเลี้ยงใจ
ซึ่งถ้าเราทำได้ มันจะมั่นคงกว่าคำอุปมาว่า
ให้บิดามารดาเกาะชายผ้าเหลืองไปสู่สวรรค์ ไปสู่เทวโลก
เพราะเราเห็นท่านอยู่ภายในกลางกายของเราจริงๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงของท่าน
ที่อยู่ในกลางกายของเราได้อย่างชัดเจน อย่างแจ่มแจ้ง เห็นท่านนั่งสมาธิกลางกาย เราเห็นกายของท่านค่อยๆ
บริสุทธิ์เพิ่มขึ้น เป็นกายแก้วเหมือนก้อนน้ำแข็งใสๆ
หรือเหมือนเพชรใสๆ ที่มีประกายเจิดจ้ายามต้องแสง
เมื่อเราบวช เมื่อเราเห็นการเปลี่ยนแปลงของท่านภายใน
ราวกับท่านบวชตามไปด้วย เราบวชเป็นสามเณร ก็เห็นท่านคล้ายๆ อย่างนั้นแหละ
เราบวชเป็นพระก็เห็นท่านเป็นพระใสๆ ทั้งบิดามารดา อย่างนี้เราจึงจะมั่นใจว่า ท่านได้เกาะติดผ้าเหลืองไปสู่สุคติโลกสวรรค์ได้จริงๆ
เมื่อเราเห็นการเปลี่ยนแปลงของท่านที่อยู่ภายในกลางกายของเราได้อย่างง่ายๆ อย่างสบายๆ
อย่างมีความสุข
ในช่วง ๒ วันนี้ เป็นวันสำคัญสำหรับชีวิตของลูกๆ
นาคธรรมทายาททุกๆ คน ต้องให้ความสำคัญกับตรงนี้ให้มากๆ เพื่อเป็นทางมาแห่งบุญกุศล เป็นทางมาแห่งเนกขัมมบารมีของเรา
เป็นทางมาแห่งบุญกุศลของท่านทั้งสอง คือ บิดามารดาของเรา และเป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ให้พระพุทธศาสนาตั้งมั่น โดยมีเราเป็นส่วนหนึ่งในการสถาปนาหรือฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในยามนี้
ให้ตั้งมั่นตามแบบฉบับยุคโบราณกาล หรือเหมือนย้อนยุคพุทธกาลอย่างนั้น
บุญบวชปิดนรก
เปิดสรรค์
บุญกุศล
บารมีที่เกิดขึ้นจากที่เราทำอย่างนี้ จะช่วยปิดประตูมหานรกของเราเอง ของบิดามารดาได้สนิท
ปิดประตูมหานรกได้สนิททั้งเราและของบิดามารดา เป็นการตอบแทนพระคุณท่าน
ไม่มีอะไรที่ยิ่งไปกว่านี้ ไม่ว่าเราจะให้ทรัพย์สินเงินทองแก่ท่าน
ดูแลท่านเป็นอย่างดี แต่เราก็ยังไม่อาจจะปิดประตูมหานรกให้กับท่านได้ แต่การบวชครั้งนี้
ด้วยการเตรียมตัวบวชอย่างถูกหลักวิชชา จึงจะช่วยปิดประตูมหานรกให้กับท่านและของตัวเราได้
ประตูที่จะไปสู่มหานรกถูกปิดสนิท
ด้วยการฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้ของเรา ประตูแห่งสรวงสวรรค์จะถูกเปิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งบุญกุศลที่เราเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการฝึกตน
ทนหิว บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้ ประตูสวรรค์จะเปิดกว้างขึ้น
ชาวสวรรค์จะมีความปีติยินดี ในการต้อนรับเราเข้าไปเป็นสหายแห่งเทวดา
เพราะฉะนั้น ๒
วันนี้ลูกๆ นาคธรรมทายาททุกๆ คน จะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ให้ลูกหยุดใจ นิ่งอย่างแผ่วเบา
นึกถึงภาพท่านอย่างง่ายๆ อย่างสบายๆ ไม่เค้นภาพ ไม่เน้นมาก แต่ว่านึกนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ผ่อนคลาย ให้นิ่งๆ
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ
บริกรรมภาวนา
แล้วก็กลั่นใจของเราและท่านให้ใสๆ
ด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ ให้สม่ำเสมอ โดยให้เสียงคำภาวนาดังออกมาจากในกลางกาย
กลางท้อง ของเรานะจ๊ะ สัมมาอะระหังๆๆ
เราภาวนาไปจนกว่าใจของเราไม่อยากจะภาวนาต่อไปอีก
อยากดูท่านเฉยๆ อย่างสบายๆ มีความสุขในการที่จะดูแลท่านในกลางกายของเราอย่างสบายๆ
ให้ท่านทำสมาธิอย่างสงบในกลางกายของเรา โดยหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา
เราหันหน้าไปทางไหน ก็ให้ท่านหันหน้าไปทางนั้น ใหม่ๆ อาจจะดูเหมือนเรามองจากด้านบนลงไปด้านล่าง
จากที่สูงลงไป แต่เราจำได้ว่านี่คือท่าน คือพ่อแม่ของเรา ผู้มีพระคุณอันสูงส่งไม่มีใครเสมอเหมือน
ดูท่านอย่างสบายๆ ให้แจ่มกระจ่าง
ให้แจ่มแจ้ง ให้ใสกระจ่าง เหมือนก้อนน้ำแข็งใสๆ หรือเหมือนเพชรใสๆ มีประกายยามต้องแสง
ให้สว่างเจิดจ้าที่กลางกายของเรา อย่างนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ใจเย็นๆ
อย่าใจร้อนนะลูกนะ
ต้องใจเย็นๆ หยุดให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ ก็ง่ายนิดเดียว ต้องใจเย็นๆ ใจใสๆ
นึกแผ่วๆ ค่อยๆ บรรจงนึกถึงท่าน อย่างละมุนละไม ใสๆ เย็นๆ ค่อยๆ นึกนะ นึกไปเรื่อยๆ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565