ความลับจะถูกเปิดเผย
วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์
พ.ศ. ๒๕๔๙ (๑๓.๓๐ - ๑๕.๓๐ น.)
งานบุญวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล
ปรับกาย-ปรับใจ-วางใจ
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบาๆ
พอสบายๆ แล้วก็รวมใจไปหยุดนิ่งๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา
ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
แล้วก็ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา
อย่าให้มีส่วนใดส่วนหนึ่งเกร็ง ตึง ให้ผ่อนคลาย ทั้งเนื้อทั้งตัว
นึกถึงบุญ
แล้วก็นึกถึงบุญทุกบุญ
ที่เราทำผ่านมาตั้งแต่ปฐมชาติ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ สร้างบารมีเรื่อยมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
มาจนกระทั่งถึงวันนี้ ให้มารวมเป็นดวงบุญใสๆ กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว ใสเหมือนเพชรที่เจียระไนแล้ว
ไม่มีตำหนิเลย สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ใส เย็น เหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
ให้นึกเบาๆ สบายๆ แล้วก็เอาใจหยุดนิ่งๆ
ไปที่กลางดวงบุญนั้น เท่าที่เราจะนึกได้อย่างสบายๆ ประคองใจให้หยุดนิ่งๆ ด้วยบริกรรมภาวนา
สัมมาอะระหังๆๆ ภาวนาเรื่อยไป จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง
หรือใครไม่อยากจะภาวนา อยากจะวางใจนิ่งเฉยๆ
ไว้ที่กลางกายอย่างเดียวก็ได้ เพราะวัตถุประสงค์เราต้องการให้ใจ มาหยุดนิ่งอยู่ที่
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้เท่านั้น หลังจากนนั้นเมื่อใจละเอียดแล้วจะเคลื่อนเข้าไปสู่ข้างในเอง
ใครถนัดอย่างไหน เอาอย่างนั้น
พระรัตนตรัยภายในที่พึ่งที่แท้จริง
จับหลักให้ได้ เพราะเราต้องการฝึกใจให้หยุดให้นิ่งๆ
ที่กลางกาย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเดินทางเข้าไปสู่ภายใน เพื่อเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ
พุทธรัตนะ คือ ผู้รู้
ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว ผู้รู้แจ้ง เห็นแจ้ง แทงตลอดในสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย
เพราะว่ามีธรรมจักขุ มีดวงตาที่เห็นได้รอบตัว ซ้าย ขวา หน้า หลัง ล่าง บน ในเวลาเดียวกัน
แล้วก็มีญาณทัสสนะ เป็นเครื่องรู้ รู้แจ้งโดยญาณทัสสนะ คือ พุทธรัตนะ ผู้รู้ ผู้ตื่น
จะตื่นตัวภายใน แล้วก็ตื่นจากความฝันของชีวิต จะเบิกบานอยู่ตลอดเวลา เพราะใจคลายความผูกพัน
จากสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร ใจจะขยาย จะใส นั่นแหละคือ พุทธรัตนะ
ธรรมรัตนะ เป็นดวงใสๆ
อยู่กลางพุทธรัตนะ เป็นคลังแห่งความรู้ จะออกมาจากธรรมรัตนะ จะใสบริสุทธิ์
สังฆรัตนะ เป็นธรรมกายละเอียดของธรรมกาย
อยู่ในกลางธรรมรัตนะ จะรักษาธรรมรัตนะเอาไว้ เหมือนพระสงฆ์ทรงจำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้
จะอยู่ตรงกลาง
๓ อย่างนี้ อยู่ที่เดียวกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
แต่ทำคนละหน้าที่ พุทธรัตนะทำหน้าที่หนึ่ง ธรรมรัตนะก็อีกอย่างหนึ่ง สังฆรัตนะก็อีกอย่างหนึ่ง
แต่อยู่รวมกัน เหมือนเพชรที่สีดี แววดี ความใส เนื้อดีจะรวมอยู่ในตัวเพชร
นี่แหละคือ
พระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
สิ่งอื่นไม่ใช่ เข้าถึงได้จะมีความสุขที่แท้จริง ใจจะบริสุทธิ์ ยิ่งบริสุทธิ์ก็ยิ่งมีความรอบรู้กว้างขวางขึ้นไปเรื่อยๆ
จะมีมหากรุณา ความรักและปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยความจริงใจ
๓ อย่างเป็นที่พึ่งที่ระลึก เมื่อเรามีทุกข์ก็พึ่งได้
จะดับทุกข์ได้ เพราะความทุกข์ไม่มีในรัตนะทั้งสามนั้น จะทำให้เรารู้สึกอบอุ่นใจ ปลอดจากภัยในอบาย
ภัยในวัฏฏะ และในสังสารวัฏนี้ อยู่ในกลางตัวของเรา จะเข้าถึงด้วยการหยุดนิ่ง แล้วรัตนะทั้งสามจะเป็นผู้ที่ขจัดกิเลสอาสวะ
พาเราให้พ้นจากวัฏฏะนี้ จากภพทั้งสามไปสู่อายตนนิพพาน
ทำความเพียรให้ถูกหลักวิชชา
เพราะฉะนั้น
หยุดกับนิ่งจึงเป็นงานที่แท้จริง และสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชีวิตที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์
หรือแม้อยู่ในเทวโลกก็เป็นที่พึ่งที่ระลึกได้ ที่สำคัญอยู่ภายในตัวของเรา
เราจะต้องฝึกฝนด้วยความเพียร
ให้ถูกหลักวิชชา ต้องมีฉันทะ มีความรักสมัครใจ ที่จะเข้าถึง ทำให้ต่อเนื่อง ถ้าใจจดจ่อ
ตรึกไว้เรื่อยๆ ทั้งนั่งนอนยืนเดินแล้วก็หมั่นสังเกตว่า เราปฏิบัติถูกหลักวิชชาไหม
ตึงเกินไปไหม หย่อนเกินไปไหม ปรับให้พอดีๆ แล้วจะถูกส่วนเอง
ลูกทุกคนเป็นผู้มีบุญ
ที่สั่งสมกันมาอย่างดีแล้ว จึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้ เหลืออย่างเดียวคือ ทำความเพียรให้ถูกหลักวิชชา
เราก็จะเข้าถึงได้
อานิสงส์การเข้าถึงธรรม
เมื่อเข้าถึงรัตนะทั้งสาม บุญที่เกิดขึ้นนี้จะไปตัดรอนวิบากกรรม
วิบากมาร ที่ติดตามเรามาข้ามชาติเป็นอัตโนมัติ จะไปตัดรอนสิ่งเหล่านั้น หนักก็เป็นเบา
เบาก็หาย เพราะวิบากกรรมของเรา ที่ทำผ่านมามีมากมาย เพราะเราเกิดมาหลายภพหลายชาตินับไม่ถ้วน
ดำเนินชีวิตผิดพลาดกันทุกชาติ บางชาติมาก บางชาติน้อย ทำให้เป็นอุปสรรคของชีวิต
แต่ว่าเราไม่รู้ เพราะว่ามี อวิชชา เข้ามาบดบัง มันเป็นธรรมธาตุอย่างหนึ่ง ที่มาบดบังเอาไว้
มาหุ้ม เคลือบ เอิบอาบ ซึมซาบ ปนเป็น สวมซ้อน ร้อยไส้ บังคับ ธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้เรา
กระทั่งเราไม่รู้เรื่องเลย เหมือนตกอยู่ในความมืด ไม่รู้เรื่องราว ความเป็นจริงของชีวิต
มาจากไหน มาทำไม อะไรคือเป้าหมายชีวิต หรือจะไปสู่เป้าหมายของชีวิตนั้นได้อย่างไร ไม่รู้ว่ามีพระรัตนตรัยในตัว
ไม่รู้จักที่พึ่ง ที่ระลึก แถมตรึงไปติดในสิ่งที่ไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริง
บังคับบัญชากันอยู่เป็นชั้นๆ อย่างนี้ไป
หยุดใจได้เมื่อไร
สิ่งที่เป็นความลับของชีวิตจะถูกเปิดเผย เมื่อเราหลับตาแล้วมันไม่มืด
ความสว่างเกิดขึ้นภายใน มองผ่านแสงสว่างภายในไป ก็จะพบสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวของเรา
เราก็จะเปลี่ยนจากภาวะ จากผู้ไม่รู้ มาเป็นผู้รู้ จะทำให้ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยกันอย่างนี้
เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราก็ฝึกหยุดใจของเราไปอย่างเบา
สบาย หยุดใจไปเรื่อยๆ ใจหยุดถึงจะบริสุทธิ์ได้ จะหลุดพ้นได้ จากความทุกข์ จากเหตุแห่งความทุกข์
กิเลส อาสวะดังกล่าว เป็นต้น แล้วเราจะมีที่เพลินใหม่ การที่ความเพลิน ที่ไม่ประกอบไปด้วยปัญญา
แถมมีโทษด้วยนั้น ก็เปลี่ยนมาเป็นความเพลินที่ประกอบไปด้วยดวงปัญญา ที่จะนำเราไปสู่จุดหมายปลายทางของชีวิต
แล้วประคองใจให้ดี ปรับกาย ปรับใจ
ให้ผ่อนคลาย แล้ววางใจนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ เดี๋ยวจะถูกส่วนไปเอง
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565