หยุดนิ่งจึงจะเห็นภาพ
วันอาทิตย์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น.
งานบุญวันอาทิตย์ สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย
- ปรับใจ
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะลูกนะ
ให้นั่งขัดสมาธิ
โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ
หลับตาของเราเบาๆ
พอสบายๆ คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตานะจ๊ะ หลับตาพอสบายๆ
แล้วก็ทำใจของเราให้เบิกบาน
ให้แช่มชื่น ให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใสไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วาง ให้คลายความผูกพัน ทั้งสิ่งที่มีชีวิต
และสิ่งที่ไม่มีชีวิต คน สัตว์ สิ่งของ ธุรกิจการงาน บ้านช่อง การศึกษาเล่าเรียน เป็นต้น
ทุกสรรพสิ่งล้วนไปสู่จุดสลาย
ให้ปลด
ให้ปล่อย ให้วาง ให้คลายความผูกพันทุกสิ่ง ในช่วงที่เราจะได้เจริญสมาธิภาวนากัน โดยคิดไปถึงความเป็นจริงของสรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลายว่า
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ต้องไปสู่จุดสลายด้วยกันทั้งสิ้น ต้องผุต้องพังลงไป
ไม่ว่าจะเป็นต้นหมากรากไม้ ภูเขาเลากา คน สัตว์ สิ่งของ แม้แต่โลกใบนี้
สักวันหนึ่งก็จะต้องไปถึงจุดสลายในคราวกัปวินาศ ด้วยน้ำบรรลัยกัลป์ ไฟบรรลัยกัลป์
ลมบรรลัยกัลป์ เป็นต้น
เพราะฉะนั้น
นับประสาอะไรกับตัวของเรา กายมนุษย์หยาบนี้ ก็ต้องไปสู่จุดสลาย ต้องผุต้องพังลงไป
เมื่อเราเกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี เราก็ต้องใช้ชีวิตที่มีอยู่จำกัดนี้
ที่ยังมีกายมนุษย์อยู่สั่งสมบุญบารมีของเราให้เต็มที่ โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายในตัว
ซึ่งเป็นตัวของพระรัตนตรัย ที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของเรานั้น ก็จะต้องตั้งอกตั้งใจกันให้ดี
วางใจ
เมื่อเราผ่อนคลาย
ปล่อยวางทุกสิ่งแล้ว ก็ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส แล้วก็รวมใจไปหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างเบาๆ สบายๆซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา
ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ หรือจำง่ายๆ ว่า อยู่ในบริเวณแถวกลางท้อง
ในระดับที่เรามั่นใจว่า เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
การบรรลุธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
(เส้นทางสายกลาง)
รวมใจไปหยุดนิ่งๆ
นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ซึ่งเป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ
ที่ตื่นของตัวเรา และก็เป็นต้นทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน ที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกพระองค์
ใจของท่านจะมาหยุดอยู่ที่ตรงนี้ นิ่งอย่างเดียว ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งท่านเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นพระอรหันต์ทั้งหลาย ไม่ได้ไปทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
เมื่อใจของท่านทิ้งทุกอย่าง
วางทุกสิ่งก็จะนิ่งอย่างเดียว ใจจะกลับมาสู่ที่ตั้งดั้งเดิมที่ถูกต้องตรงนี้
หยุดนิ่งอย่างเดียว ในที่สุดก็ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
โดยใจก็จะเดินทางเข้าไปสู่ภายใน
ในเส้นทางสายกลางภายใน ด้วยใจที่หยุดนิ่ง นุ่ม เบา สบาย ถูกส่วนก็ตกศูนย์เห็นดวงใส
ลอยขึ้นมาอยู่ที่ฐานที่ ๗ ในกลางท้อง เหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ เป็นจุดเล็กๆ ใสๆ อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
อย่างใหญ่ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน หรือใหญ่กว่านั้น แล้วแต่ตามกำลังบารมีของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน
ดวงใสบริสุทธิ์นั่นแหละ
คือ ดวงปฐมมรรค
หรือ ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
เป็นต้นทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน บังเกิดขึ้นอยู่ที่ตรงนั้น แล้วใจท่านก็หยุดนิ่งอย่างเดียว
แล้วก็เห็นไปตามลำดับจากตรงกลางตรงนั้นแหละ
เห็นดวงธรรมต่างๆ
เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม เห็นเหมือนเราลืมตาเห็นวัตถุภายนอกหรือยิ่งกว่านั้น
ยิ่งกว่าลืมตาเห็น คล้ายๆ เราเอาแว่นไปขยายวัตถุภายนอกอย่างนั้น
จะเห็นขึ้นมาเป็นภาพ
เป็นเรื่องเป็นราว เห็นกายต่างๆ ซ้อนๆ กัน ตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์
กายพรหม กายอรูปพรหม กายธรรมโคตรภู กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกิทาคามี กายธรรมพระอนาคามี
และก็กายธรรมพระอรหัต ซ้อนๆ กันอยู่ภายในเป็นชั้นๆ เข้าไป
ท่านก็ตามเห็นกายในกาย
จากกายหนึ่งก็ไปถึงอีกกายหนึ่ง ถอดกายออกเป็นชั้นๆๆ เข้าไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งถึงกายสุดท้าย กายธรรมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เกตุดอกบัวตูม
ใสบริสุทธิ์ ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ
แล้วก็เห็นเวทนาในเวทนา
อารมณ์เป็นสุข เห็นบ่อเกิดแห่งความสุข มีลักษณะเป็น ดวงที่ใสเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ
เห็นจิตในจิตที่ทำหน้าที่คิด ซ้อนๆ กันไป จนกระทั่งถึงจิตที่บริสุทธิ์ในกายสุดท้าย
กายเวทนาจิตธรรมก็มีอยู่ทุกกาย
เวทนาจิตธรรมก็อยู่ทุกกายนั่นแหละ ธรรมในธรรมที่ทรงรักษากายเอาไว้ เวทนาจิตธรรมเอาไว้
คือสิ่งที่ทรงเอาไว้ รักษาเอาไว้ เห็นไปตามลำดับจนกระทั่งถึงธรรม ที่ทำให้เป็นกายพระอรหันต์
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เห็นเป็นชั้นๆ อย่างนั้นเข้าไปตามลำดับ
เพราะฉะนั้น
เมื่อท่านได้เห็นอย่างนี้แล้ว ท่านก็นำมาถ่ายทอด เพราะเห็นว่ามนุษย์ เทวดา พรหม
อรูปพรหมทั้งหลาย ก็ล้วนแต่มีอย่างนี้เช่นเดียวกับพระองค์
ก็สั่งสอนพระสาวกเหล่านั้นเรื่อยมา จนดับขันธปรินิพพาน และสืบทอดโดยพระมหาเถรานุเถระ
กระทั่งตกมาถึงพวกเรา โดยการค้นพบกลับคืนมาใหม่จากการสละชีวิตของพระเดชพระคุณหลวงปู่
วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
บริกรรมนิมิต-บริกรรมภาวนา
วันนี้อากาศกำลังสดชื่นแจ่มใส
เย็นสบาย ให้ลูกทุกคนหยุดนิ่ง โดยตรึกระลึกนึกถึงบริกรรมนิมิต จะเป็นดวงใสๆ เพชรสักเม็ดหนึ่งที่ใสๆ
หรือองค์พระแก้วใสๆ อย่างใดอย่างหนึ่งที่เราคุ้นเคย นึกด้วยใจตั้งไว้ที่กลางกาย
ไม่ชัดเจนก็ไม่เป็นไร ให้ทำความรู้สึกว่า องค์พระหรือดวงมีอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ในกลางท้องของเรา
จากความรู้สึกว่า
มี เมื่อเราประคองใจให้หยุดนิ่ง ด้วยบริกรรมภาวนา สัมมาอะระหังไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดที่หยุดนิ่งถูกส่วนเข้า
มันก็จะค่อยๆ ชัดขึ้นมา ๕ เปอร์เซ็นต์ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ๒๐, ๓๐ กระทั่ง ๕๐, ๖๐
เปอร์เซ็นต์ ๗๐, ๘๐, ๙๐ ถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ชัดเหมือนกับเราลืมตาเห็นวัตถุภายนอก แต่ว่าภาพนั้นนำมาซึ่งความสุข
คือมันมีความสุขจากการเห็นภาพด้วย ความนิ่ง ความสุข ความบริสุทธิ์ ความชัด ความใส
ความสว่าง จะมาพร้อมๆ กัน เมื่อใจหยุดนิ่งถูกส่วน
หยุดนิ่งจึงจะเห็นภาพ
ไม่มีวิธีอื่นเลย ที่จะทำให้เห็นภาพภายในที่มีอยู่ในตัวของเรา
นอกจากเอาใจมาหยุดนิ่งอย่างเดียวเท่านั้น จะเอากล้องเอกซเรย์ส่องเข้าไปดู
ก็ไม่เห็น ต้องนำใจที่ซัดส่ายวิ่งไปในอารมณ์ต่างๆ มาหยุดนิ่งอย่างเดียวเท่านั้น ถึงจะเห็นภาพ
เพราะแสงสว่างจะเกิด ความสุขเกิด ความบริสุทธิ์เกิด ภาพเกิด ความรู้เกิด
มันจะเป็นขั้นตอนอย่างนี้
พอใจนิ่ง
ความสุขก็มาติด แสงสว่างก็มาติดอีก พอแสงสว่างเกิดก็เห็นภาพ
เหมือนเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ความมืดหมดไปเราก็เห็นภาพคนสัตว์สิ่งของ
แต่นี่เห็นภาพภายในเป็นดวงธรรมใสๆ เป็นกายละเอียดที่อยู่ข้างในเป็นชั้นๆ แสงสว่างเกิด
ภาพเกิด เหมือนเราดึงของอยู่ที่มืดมาสู่ที่แจ้ง ก็เห็นแจ้งขึ้น แล้วก็ความรู้แจ้งก็เกิดว่าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไร
อย่างไร
ถ้าภาษาธรรมะเขาเรียกว่า
จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง จะมาพร้อมๆ กันเมื่อใจหยุดนิ่ง ไม่มีวิธีอื่น ที่จะไปเห็นอย่างนี้
นี่คือพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระอรหันต์ พระมหาเถรานุเถระสืบทอดมา กระทั่งถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
นำมาถ่ายทอดให้เราฟัง บอกวิธีการอย่างนี้ และทำให้เราได้เข้าถึงแบบท่าน มีความสุข
ความบริสุทธิ์แบบท่าน มีความเห็นแจ้งรู้แจ้ง แจ่มแจ้งเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตแบบเดียวกับท่านอย่างนั้นแหละ
เราจึงเทิดทูนท่านเหนือเศียรเกล้า เพราะท่านอยากให้เราเป็นอย่างท่าน
จึงถ่ายทอดวิธีการอย่างนี้
เพราะฉะนั้นเช้านี้
อากาศกำลังสดชื่น แจ่มใส เย็นสบาย เหมาะสมที่ลูกผู้มีบุญทุกคนจะได้ประกอบความเพียร
ฝึกใจให้หยุดนิ่ง
ให้ลูกทุกคนประกอบบริกรรมภาวนา
สัมมาอะระหังๆๆ แล้วก็ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดอยู่ในกลางดวงใส หรือตรึกนึกถึงองค์พระใสๆ
หยุดอยู่ในกลางองค์พระใสๆ ที่กลางกาย ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจ ในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวทุกๆ
คนนะลูกนะ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะจ๊ะ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565