คำสอนพระพุทธเจ้า
วันอาทิตย์ที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑๓.๓๐ - ๑๕.๓๐ น.
งานบุญวันอาทิตย์ สภาธรรมกายสากล
วัดพระธรรมกาย
ปรับกาย – ปรับใจ -วางใจ
เมื่อเราได้จุดเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัย
บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปให้ลูกทุกคนนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะจ๊ะ
เราก็หลับตาเบาๆ ผ่อนคลายสบาย ผ่อนคลายทั้งเนื้อทั้งตัวเลย
แล้วก็ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
แล้วก็รวมใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างเบาๆ สบายๆ
นึกถึงบุญ
ให้นึกถึงบุญที่เราทำผ่านมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
จนกระทั่งถึงปัจจุบันชาตินี้ ให้มารวมเป็นดวงบุญใสๆ ติดอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
รวมใจของเราไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ
ที่กลางดวงบุญใสๆ ให้ใจหยุดในหยุดๆ นิ่งในนิ่ง นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ กลางดวงใสๆ ที่กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว
ใสบริสุทธิ์ประดุจเพชรที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิเลย สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
แต่ว่าใสเย็นเหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
ดวงบุญนี้เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข
และความสำเร็จในชีวิตของเรา ตั้งแต่ปุถุชนจนกระทั่งเป็นพระอริยเจ้า ดวงบุญใสๆ ให้ใจหยุดในหยุดๆ
นิ่งในนิ่ง นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ใจใสๆ ใจเย็นๆ ให้ใจใสๆ
ให้ใจของเราบริสุทธิ์เห็นดวงสว่างที่กลางกาย
ดวงใสๆ ใสในใส สว่างในสว่างอยู่ที่กลางกายฐานที่ ๗ เหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ใสเย็นเหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
นิ่งไปเรื่อยๆ นิ่งอย่างเดียวตลอดเส้นทางสายกลางที่เป็นแนวดิ่งจนกระทั่งไปถึงที่สุดแห่งธรรม
จะเป็นเส้นทางสายกลางเส้นเดียว ตรงกลางให้เราไปครอบครองตรงกลางให้ได้
จุดตรงกลางเล็กๆ
เท่ากับปลายเข็มที่อยู่กลางดวงบุญใสๆ จุดกึ่งกลางตรงนั้นสำคัญมากทีเดียว ให้ใจเรานิ่งในนิ่ง
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ไปเรื่อยๆ เลย
ดูเฉย
ๆ อย่างสบายๆ
ส่วนใครที่เข้าถึงองค์พระแล้ว
คุ้นเคยกับองค์พระ เราก็มองไปที่องค์พระ ดูเฉยๆ อย่าง เบาๆ สบายๆ
องค์พระท่านก็จะค่อยๆ ชัดขึ้น ใสขึ้น สว่างขึ้น ทำนองเดียวกันกับที่เราดูดวงใสๆ
องค์พระก็เหมือนกัน
เราก็หยุดในหยุด
นิ่งในนิ่ง ในกลางองค์พระสำหรับผู้ที่คุ้นเคย นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ
องค์พระท่านก็จะยิ่งชัด ยิ่งใส ยิ่งสว่าง มีรัศมี มีแสงออกจากองค์พระที่ใสๆ ยิ่งเราดูอย่างสบายๆ
ดูเฉยๆ จนกระทั่งความสุขมาติดเรา คือนิ่งเฉยกับสุขมาด้วยกัน และก็ความบริสุทธิ์
องค์พระก็จะชัด จะใส จะสว่าง
เรารักษาสภาวะของใจให้ได้อย่างนี้
ที่ดูเฉยๆ อย่างมีความสุข คือ สุขมาติดเรานั่นแหละ เราดูแล้วเราก็จะสบาย เบากายเบาใจ
สุขกายสุขใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย แต่ถ้าเห็นภาพแต่ไม่มีความสุข แปลว่า เราไปลุ้นมัน
ไปเค้นภาพ เพราะฉะนั้น เห็นก็เหมือนเห็นหนังแผ่น ไม่เหมือนหนังในโรง
ถ้ามีความสุข คือ ดูนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ
สบายอย่างมีความสุข ภาพจะเคลื่อนไหว จะขยายออกไป จะขยาย เป็นดวงก็ขยาย
เป็นองค์พระก็ขยาย ให้รักษาสภาวะของใจที่ดูเฉยๆ อย่างมีความสุขนั้นไปเรื่อยๆ
ให้ต่อเนื่องกันไปจนคุ้นเคย เดี๋ยวเราก็จะเห็นองค์พระที่ชัดมาก ใสมากๆ สว่างมากๆ
แล้วก็เห็นรายละเอียดขององค์พระ เหมือนเราดูดวงใสๆ นั่นแหละ มันก็จะเห็นรายละเอียด
ฝึกตรงนี้ให้ชำนาญไปเรื่อยๆ ให้หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง
นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ เดี๋ยวองค์พระก็ขยาย แล้วก็มีองค์ใหม่มาแทนที่
อย่างนี้ดูไปง่ายๆ
คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมศาสดาเอกของโลก
ท่านสอนแล้วก็เพื่อต้องการให้เราเห็น เห็นภาพภายในเช่นเดียวกับที่พระองค์เห็น จะได้เป็นเหมือนอย่างที่พระองค์เป็น
ซึ่งแตกต่างจากของเทวนิยม เขาไม่มีการสอนให้เห็น แถมห้ามถามอีก ให้เชื่ออย่างเดียว
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่ ให้ทั้งซักถาม ให้ปฏิบัติตาม แล้วก็ให้เห็นธรรมไปด้วย
เห็นธรรมที่เกิดขึ้นภายใน ไม่ใช่แปลว่า แค่เห็นธรรมชาติ
เห็นอะไรเป็นธรรมชาติเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์ก็เห็นอยู่แล้ว แต่ท่านสอนให้เห็นธรรมภายใน
เห็นแล้วทำให้เกิดความสุข ความบริสุทธิ์ ความรู้แจ้งเห็นแจ้ง
แจ่มแจ้งในเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต ต้องเห็นธรรมอย่างนั้น
เห็นเป็นดวงธรรม หรือเห็นธรรมกาย
กายตรัสรู้ธรรม และก็รู้เรื่องราวต่างๆ ภายใน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนี้ตลอดพระชนม์ชีพของท่าน
ให้เห็นตาม ให้บรรลุตาม ให้ซักให้ถามแม้วันสุดท้ายของชีวิตก่อนที่จะดับขันธปรินิพพานก็ยังให้ซักให้ถาม
ซึ่งแตกต่างจากของเทวนิยมโดยสิ้นเชิง
เพื่อให้หายสงสัย ปฏิบัติธรรมแล้ว ศึกษาแล้วต้องหายสงสัย
ถ้าเรียนรู้แล้วยังสงสัยนี่ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ของพระพุทธศาสนา
และให้หายสงสัยด้วยตัวเอง ตั้งแต่ให้หายสงสัยในเหตุผลธรรมดา
จนกระทั่งเหตุผลภายในในระดับที่เห็นแจ้ง มีเหตุมีผลทั้งภายในภายนอกอย่างนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสสอนอย่างนี้
เรามีบุญมากที่มาเกิดอยู่ในบุญเขตในร่มเงาของพุทธศาสนา
ที่สอนให้เราแจ่มแจ้งแทงตลอดในธรรมด้วยตัวของเราเอง พึงรักษามรดกคำสอนนี้ให้ยิ่งกว่าชีวิต
และส่งต่อไปยังบุตรหลานชนรุ่นต่อๆ ไป เพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษยชาติ
ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
จุดเทียนใจ
ตอนนี้เราก็นิ่งในนิ่ง นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ
พอใจเราใสดีแล้ว เราก็นึกน้อม เอาประทีปเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัยไว้กลางกาย
ถ้าเราเห็นดวงก็กลางดวง ถ้าเห็นองค์พระก็กลางองค์พระ กลางกายเป็นเบ้าหลอมให้ทุกอย่างนั้นใสบริสุทธิ์สว่างไสว
ปราศจากมลทิน มันจะใสๆ ตรงนั้น
แล้วเราก็อาราธนามหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน
มีพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร ทั้งคุณยายอาจารย์และทีมงานพระเดชพระคุณหลวงปู่
ได้น้อมนำเอาเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัย ไปถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระธรรมกายของพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลายนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน ในอายตนนิพพาน
เพราะที่เราได้จุดประทีปบูชาเมื่อสักครู่นี้
เป็นการบูชาแบบขอถึง แต่ที่มหาปูชนียาจารย์จะนำไปนี้ไปถวายแบบเข้าถึง ทั้งขอถึงและเข้าถึง เข้าถึง
คือไปถึงตัวจริงของความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย คือ พระธรรมกายที่มีลักษณะสวยงามมาก
ลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ เกตุดอกบัวตูม ในอิริยาบถสมาธิ ไม่มีการยืน
ไม่มีการ เดินไม่มีการนอน เพราะกิจอย่างอื่นที่จะทำแบบมนุษย์ไม่มีอีกแล้ว
จึงอยู่ในอิริยาบถของผู้ที่สมบูรณ์บรรลุแล้วเรียงรายเต็มไปหมดเลย บริสุทธิ์ที่หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ
คือผังวิชชาที่เขาบังคับเอาไว้ให้เวียนว่ายตายเกิดในภพสาม
หมุนเวียนกันเป็นวัฏฏะในสังสารวัฏนี้
โปรแกรมนี้ถูกขจัดออกไป
หลุดล่อนไปเลยด้วยความนิ่งแน่น ทำให้บารมีได้ช่องส่งผลฉุดหลุดออกไปเลย ดับดวงเกิด
ดวงที่ทำให้เกิดก่อเป็นกายต่างๆ แล้วหมุนวนในภพสามนี้หมดสิ้นไปเลย
เหลือเพียงกายธรรมอรหัตผลที่หลุดพ้นจากโปรแกรมชีวิตในสังสารวัฏ ใสสะอาดบริสุทธิ์
หน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา ใสเกินความใสใดๆ ในโลก มีนับพระองค์ไม่ถ้วนเลย
ตลอดเวลาท่านมีแต่เข้านิโรธสมาบัติ
นิ่งหยุดในหยุดเข้าไปสู่ภายใน เพราะใจไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งเหมือนผู้ที่อยู่ในภพสาม
ที่ยังมีกิจจะต้องทำ ต้องเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเป็นมนุษย์ ทิพย์ พรหม
อรูปพรหมก็ยังมีกิจจะต้องทำ กิจของผู้ที่ยังมีกิเลส ตั้งแต่กิเลสหนาปัญญาหยาบกระทั่ง
เบาบางลงไปก็ยังมีเครื่องข้องอยู่
แต่นี่กิจอย่างนั้นไม่มีอีกแล้ว เพราะฉะนั้นใจของท่านจึงไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้ง
ใจกายธรรมอรหัตผล
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายในของท่านอย่างไม่มีอะไร เหนี่ยวรั้งที่ยิ่งใส
ยิ่งสะอาด ยิ่งบริสุทธิ์
บริสุทธิ์ในระดับแรก คือ พ้นจากกิเลสอาสวะ
บริสุทธิ์ขั้นถัดๆ ไป คือเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ที่อยู่ในกลางกายของท่าน กายธรรมท่านบริสุทธิ์
ยิ่งบริสุทธิ์ก็ยิ่งสุขมาก ยิ่งสะอาดมาก ยิ่งสุขมากไม่มีอะไรปลอมปนเลย มีแต่สุขในสุข
มีแต่บรมสุข นิพพานัง ปรมัง สุขัง
เป็นบรมสุขจนไม่มีภาษาใดๆ ไปใช้อธิบายในความสุขที่เกิดขึ้น
เมื่อท่านหมดกิเลสแล้ว เข้านิโรธสมาบัติ
คำอธิบายอับจนด้วยภาษาที่มีขอบเขตจำกัดที่จะไปอธิบายสุขในอายตนนิพพาน
อย่างนี้มีนับพระองค์ไม่ถ้วน ล้วนแต่เสวยวิมุตติสุข สุขที่หลุดพ้น เข้าไปเรื่อยๆ
ประทีปเทียนใจไฟนิรันดร์อนันตชัยของเราก็จะไปถวายตรงนั้นแหละกับผู้บริสุทธิ์
ผู้หลุดพ้นแล้ว ผู้ชนะแล้วจากกิเลสอาสวะ เป็นแหล่งแห่งบุญอันไม่มีประมาณ
ที่มหาปูชนียาจารย์ทุกท่านจะคุมมาติดเราในกลางกายของทุกๆ กาย
และผลแห่งบุญนี้ก็จะไปปรากฏในเทวโลก
ติดหมดทุกกาย ติดในกายมนุษย์ก็ส่งผลในมนุษย์ ติดในกายทิพย์ก็ส่งผลในทิพย์ในเทวโลก และยังติดกันต่อๆๆ
กันไปอีก เมื่อเรายังต้องมาเวียนว่ายตายเกิดสร้างบารมี จะติดไปเรื่อยๆ เลย
พอเกิดใหม่ ดวงบุญในตัวติดมา ก็ดึงดูดทั้งรูปสมบัติ
ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผล นิพพาน วิชชาธรรมกาย
เกิดมาก็ระลึกชาติ
เห็นธรรมะกันตั้งแต่ยังเยาว์วัย สร้างบารมีกันเรื่อยไปจนกระทั่งหมดอายุขัยไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
ให้เรามีอุปกรณ์ในการสร้างบารมีได้ดีกว่าชาตินี้มากมายนักทีเดียว
ชาตินี้เราสร้างบารมีบางครั้งก็สะดวกบ้าง
บางครั้งก็ไม่ค่อยสะดวก เรารู้ความไม่สมบูรณ์ของชีวิตเราในชาตินี้จึงสั่งสมบุญ และผลแห่งบุญไปปรากฏในภพต่อไป
ความสมบูรณ์ก็เพิ่มขึ้น แม้ยังไม่ชนะพญามารเขา แต่ความสมบูรณ์ของชีวิต ของอุปกรณ์ในการสร้างบารมีก็เพิ่มขึ้น
ที่จะทำให้สะดวกสบายต่อการสร้างบารมีดีกว่าชาตินี้มากมาย
เพราะฉะนั้น ให้ลูกทุกคนให้ดีใจ ปลื้มใจ
สุขใจว่า ลูกมีบุญได้มาเกิดอยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย และก็ได้สั่งสมบุญเดินตามรอยของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
และมหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน ท่านทำอย่างไรเราก็ทำอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นท่านเป็นอย่างไรเราก็จะเป็นอย่างนั้น ตามกำลังแห่งบารมีของเรา
ดังนั้น ลูกก็ทำใจหยุดในหยุด นิ่งๆ นุ่มๆ
เบาๆ สบายๆ ให้ใจใสๆ เย็นๆ อยู่ในกลางของกลางเรานะจ๊ะ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565